บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2012 สำเร็จ
บทที่ 2012 สำเร็จ
รูม่านตาของหวงเฉวียนพลันหดรัด จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าเขม็ง สีหน้าของเขาดูซีดเซียวอมโรค แค่มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าเป็นคนที่มีโรคเรื้อรังตามรุมเร้า พอหวนนึกถึงสิ่งที่ฝ่าบาทตรัสขณะที่อยู่ในราชสำนัก เขาก็รู้สึกตระหนกปนหวาดผวาจนเนื้อตัวสั่นขึ้นมาเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการขุนนางมากว่าสิบปี ย่อมฝึกฝนตัวเองจนไม่แสดงความรู้สึกสุข ทุกข์ โกรธ เศร้า ออกมาให้เห็นทางสีหน้าได้นานแล้ว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร เจ้าขาดเงินรักษาอาการป่วย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ?”
ชายคนนั้นแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง “แสร้งทำเป็นสับสนสินะ?เจ้ารู้อยู่แก่ใจดีไม่ใช่รึ? ว่าเรื่องที่เจ้าทำลงไปอย่างไรก็มีราคาที่ต้องจ่ายในสักวัน ที่เมื่อก่อนข้าไม่พูดออกมา เพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว แต่ตอนนี้ข้าเป็นคนที่ถูกดินกลบฝังมาจนถึงคอแล้ว ลูกชายลูกสาวจำเป็นต้องมีทางไปต่อ แม่ที่แก่ชราก็ต้องมีคนเลี้ยงดู ถ้ามีเงินโรคของข้าก็พอมีทางรักษา ใต้เท้าหวง อย่าตำหนิที่ข้าพูดจาไม่รื่นหูต่อหน้าเจ้าเลยนะ เจ้าเป็นเครื่องเคลือบอันแสนล้ำค่า ส่วนข้ามันก็แค่ไหผุ ๆ ที่ไม่มีค่าอะไร ถ้าจะกระทบกระทั่งกันขึ้นมาจริง ๆ ใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องขาดทุนป่นปี้ ตัวเจ้าเองลองชั่งน้ำหนักดูดี ๆ เถอะนะ”
สีหน้าของหวงเฉวียนยังคงดูเฉยเมยราบเรียบ “ข้าจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักอะไรด้วยรึ? ข้าไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องใจหรือมีความแค้นใด ๆ กับเจ้า จู่ ๆ เจ้าก็ใช้ชื่อเสียงเรียงนามของญาติห่าง ๆ มาเยี่ยมเยือนถึงจวนของข้า แต่กลับพูดจาวกวนคลุมเครือเช่นนี้ ช่างทำให้ข้ายากจะเข้าใจเสียจริง”
ชายคนนั้นหัวเราะลั่น “ใต้เท้าหวงทำอะไรช่างระมัดระวังตัวเสียจริง ไม่จำเป็นต้องยกคำว่าญาติห่าง ๆ ขึ้นมาหรอก ข้าคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานานหลายปี ย่อมรู้กฎเกณฑ์ดี จุดประสงค์ของข้าคือต้องการเงิน ไม่มีทางยอมให้ใครตามหลังมาได้อยู่แล้ว”
“เจ้าชื่ออะไร?”
ชายคนนั้นแสดงท่าทางเย่อหยิ่งน้อย ๆ “ข้าชื่อเฉินต้าหลง”
หวงเฉวียนยืนขึ้นช้า ๆ แล้วพูดว่า “เจ้าป่วยร่างกายไม่สู้ดีนัก ข้าจะให้คนยกชามาให้ดื่มดับกระหาย”
ชายคนนั้นนั่งอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ เลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางอิดโรย “ต้องขอบคุณใต้เท้าหวงแล้ว”
หวงเฉวียนเดินออกไป เรียกคนสนิทมาสั่งการอย่างลับ ๆ “เจ้าพาคนออกไปดูรอบ ๆ ให้ทั่ว ดูให้ดีว่ามีคนน่าสงสัยติดตามมาหรือไม่ เจ้ารู้จักเจ้าหน้าที่ของกรมการพระนคร ตรวจสอบพวกคนที่สัญจรไปมาให้ละเอียด ดูว่ามีพวกเจ้าหน้าที่ที่แต่งตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาบ้างหรือไม่ ยังมีอีกเรื่อง ส่งคนไปตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของเขา ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไรกันแน่ เขาชื่อเฉินต้าหลง”
นี่เป็นเวลาดึกมากแล้ว มีคนเดินไปมาน้อยมาก คนธรรมดาที่จะปรากฏตัวหน้าประตูจวนเวลานี้ต่างก็น่าสงสัยด้วยกันทั้งนั้น
นัยน์ตาของเขาหรี่ลง เผยให้เห็นประกายแสงอันดุดันโหดเหี้ยม “ถ้ายืนยันสถานะได้แน่ชัดว่าเป็นตัวจริง ให้ยกชาเข้าไปถ้วยหนึ่ง ใส่ผงยาขาวลงไปด้วย”
คนสนิทรับคำสั่ง รีบนำคนออกไปทันที
หวงเฉวียนหรี่ตาลง จ้องมองไปที่แสงไฟของตะเกียงที่กำลังเผาไหม้ ฝืนระงับความตื่นตระหนกในใจ ฝ่าบาทใกล้จะเลื่อนขั้นให้เขาแล้ว มองเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ไม่มีที่สิ้นสุดตรงหน้า จะยอมให้มันถูกทำลายไม่ได้เด็ดขาด
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2012 สำเร็จ –
ถ้าคดีนี้ไม่ถูกยกขึ้นมากล่าวถึงในราชสำนัก เขาก็คงไม่รู้สึกวิตกกังวลอะไรนัก แต่เพราะฝ่าบาททรงให้ความสนพระทัยแล้ว อีกทั้งคดีนี้เป็นฝ่าบาทที่รับผิดชอบในตอนนั้น มาวันนี้คดีถูกรื้อกลับขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่าบาทคงต้องจับตามองเป็นพิเศษอย่างแน่นอน
เขาจัดกว๊านบนผมให้เข้าที่ แล้วผลักประตูเปิดเดินเข้าไปอีกครั้ง
หลังจากเข้ามาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก แค่ถามเกี่ยวกับอาการป่วยของเฉินต้าหลง พูดคุยเรื่อยเปื่อยไม่มีแก่นสารเสียมากมาย ชาที่สัญญาว่าจะยกมา ก็ยังไม่ถูกยกมาสักที
หลังจากพูดจนริมฝีปากกับลำคอแห้งผาก ที่หน้าประตูก็มีเสียงคนเคาะดังขึ้น หวงเฉวียนพูดว่า “เหมือนว่าชาจะมาแล้วล่ะ”
เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู แล้วเดินออกไปภายใต้สายตาที่จับจ้องของเฉินต้าหลง
ที่ด้านนอก คนสนิทมารายงานทั้งที่มือยังยกชาอยู่ ว่า “เรียนใต้เท้า ตรวจสอบมาแล้ว ไม่พบคนน่าสงสัยนอกจวนขอรับ ทั้งไปสืบหาตัวตนของเฉินต้าหลงคนนี้แล้วเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เขาเป็นหัวขโมยคนหนึ่ง เคยติดคุกมาแล้วหลายครั้ง เป็นพวกกลับตัวไม่ได้ สองปีก่อนล้มป่วยอย่างหนัก หลังจากรักษาตัวมาตลอดสองปีอาการก็ไม่ดีขึ้น ข้าน้อยได้ไปสอบถามถึงลักษณะใบหน้าของชายผู้นี้มาแล้ว มีความตรงกันกับเฉินต้าหลงผู้นี้จริง เป็นเขาไม่ผิดตัวแน่ขอรับ แล้วข้าน้อยก็ไปที่บ้านของเขาด้วย คนในครอบครัวของเขาบอกว่าเขาออกมาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับ บ้านของเขาอัตคัดมากถึงขนาดไม่มีอะไรเลยนอกจากผนังสี่ด้าน เรียกว่ายากจนข้นแค้นอย่างยิ่ง”
ใจของหวงเฉวียนค่อยผ่อนคลายลงได้ในที่สุด มองไปที่ถ้วยชาของเขา “ใส่ผงยาขาวในนั้นเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
“ใส่แล้วขอรับ ปริมาณมากพอให้ตายได้”
ดวงตาของหวงเฉวียนเป็นประกายเปี่ยมด้วยไอสังหาร “อื้ม ยกเข้าไปให้เขาดื่ม ถ้าไม่ยอมดื่มก็บังคับจับกรอกลงไปซะ”
คนสนิทยกชาเข้าไป วางลงบนโต๊ะชาด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม แล้วพูดกับเฉินต้าหลงว่า “ท่านอาคันตุกะ เชิญดื่มชาก่อนเถิด”
เฉินต้าหลงยกถ้วยชาขึ้นมา ชำเลืองตามองหวงเฉวียนแวบหนึ่ง “ใต้เท้าหวง พวกเราคุยเรื่อยเปื่อยกันมาตั้งนาน เจ้ายังไม่ได้บอกความจริงกับข้าเลย ว่าตกลงแล้วได้หรือไม่ได้?”
หวงเฉวียนจ้องไปที่มือของเขา รอแค่ให้เขาดื่มเข้าไป แต่เขากลับรอคำตอบเท่านั้น ถ้วยชาถูกยกไปแตะที่ริมฝีปากของเขา แต่ก็ไม่ได้ดื่มลงไป
หวงเฉวียนทำได้แค่พูดว่า: “ข้ารับปากเจ้า แต่เจ้าก็ต้องรับปากข้าด้วย ว่าหลังจากรับเงินไปแล้ว คงรู้นะว่าต้องทำอย่างไร?”
เฉินต้าหลงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ใต้เท้าหวงวางใจได้ ข้าเองก็เป็นคนมีคุณธรรมคนหนึ่ง ในเมื่อรับเงินของเจ้ามา ก็ต้องทำตามที่เจ้าพูดอยู่แล้วสิ”
หวงเฉวียนจ้องมองเขา “เจ้าดื่มชาเถอะ ข้าจะให้คนไปเอาเงินมา”
เฉินต้าหลงเป่าฟองชา แต่กลับไม่ยอมดื่ม ค่อย ๆ วางลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองหวงเฉวียน พูดอย่างมีความหมายแฝงว่า “ชานี้ข้าไม่ดื่มแล้วดีกว่า ใต้เท้าหวงรีบไปเตรียมเงินให้เร็วขึ้นอีกหน่อยเถอะ”
แววตาของหวงเฉวียนทอประกายโหดร้ายขึ้นมา ยกมือขึ้น “จับกรอกปากให้เขาดื่มลงไปให้ได้”
ทันใดนั้นก็มีคนจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง สามคนตรงเข้ามาจับตัวเฉินต้าหลงกดไว้นิ่ง ๆ คนสนิทยกถ้วยชาขึ้นมา บีบปากของเขาเพื่อจะเทชาลงไป
ถ้วยชากลับถูกเฉินต้าหลงคว้าจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของสามคนที่กดเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย กระโดดเหินกายขึ้นไป น้ำเสียงแจ่มใสทรงพลังดังก้องชัดเจน “ใต้เท้าหวง ประตูกรมการพระนครเปิดให้เจ้าแล้ว รีบไปเถอะ! ”
ใต้เท้าหวงตกใจมาก หางตาทันเห็นแค่ท่อนแขนที่แข็งดังเหล็กยื่นมาตรงหน้าจากนั้นตัวเขาก็ลอยอยู่กลางอากาศ ชายคนนั้นมือหนึ่งถือชา มืออีกข้างหิ้วตัวเขาไว้ เหินร่างลอยออกไปทั้งอย่างนั้น
บทที่ 2011 แผนการของชาวประมง
บทที่ 2013 แม่ทัพใหญ่ถูกหยุดไว้เสียแล้ว