บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2032 กลับไป
บทที่ 2032 กลับไป
ภายใต้การเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวจากพวกเขา ท่านพ่อตาจึงยอมพูดถึงสิ่งตอบแทนเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
สิ่งตอบแทนนี้ก็คือ ฆ่าคนที่อยู่ในหอจัยซิงไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
นั่นก็หมายความว่า คนของหอจัยซิงที่ออกสู้รบ ล้วนต้องตายในสนามรบทั้งหมด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสองคนก็รีบเก็บข้าวของจะกลับไปทันที
เพียงแต่ ท่านพ่อตาไม่เห็นด้วย บอกว่านี่เป็นเรื่องที่เดิมทีเป่ยถังก็ต้องเผชิญอยู่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่หยู่เหวินเซียวตะคอกใส่ท่านพ่อตา “ถ้าคนตายกันหมด แล้วจะชนะได้อย่างไร ประเทศล่มสลายแล้ว”
ท่านพ่อตานิ่งอึ้งไป รับไม่ได้ที่ลูกเขยตะคอกเสียงดังขึ้นมากะทันหันอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ ฟาดฝ่ามือลงไปที่ศีรษะของเขาแล้วพูดว่า “ประเทศไม่ได้ล่มสลาย องครักษ์เงาดำจับแม่ทัพของศัตรูไว้ได้ กองทัพศัตรูไร้ซึ่งผู้นำ ถูกโจมตีจนแตกกระเจิง แน่นอนว่า ท้ายที่สุดแล้วองครักษ์เงาดำจะถูกเป่ยโม่จับตัวกลับไป และทรมานจนตาย หลังจากตายแล้วก็ถูกทำลายไม่เหลือซาก”
โล่หมันร้องไห้โฮออกมา นางกับหยู่เหวินเซียวยอมรับบทสรุปเช่นนี้ไม่ได้ องครักษ์เงาดำเป็นคนของหอจัยซิง แม้จะต้องตาย ก็ควรต้องตายเพราะอดอาหาร
พวกเขาต้องกลับไป ต้องกลับไปให้ได้
แต่ท่านพ่อตาไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด บอกว่าภารกิจของพวกเขาได้สำเร็จแล้ว สงครามครั้งนั้น ทำให้เป่ยโม่ต้องสูญเสียกำลังพลและทรัพยากรของประเทศไปมาก เป่ยถังจึงสามารถฝ่าฟันการสู้รบครั้งสุดท้ายไปได้
แต่ว่าสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไปก็ยังคงต้องทำ
โล่หมันจึงประท้วงด้วยการอดอาหาร หยู่เหวินเซียวได้ทำลายข้าวของในบ้านของท่านพ่อตา จับสัตว์มากมายในบ้านเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับท่านพ่อตา สุดท้ายก็ถูกสัตว์กัดที่ก้น ต้องไปฉีดยาโรคพิษสุนัขบ้าที่โรงพยาบาล
บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเขาหาเรื่องเก่งมาก ทำลายวันเวลาอันสงบสุขของท่านพ่อตา ในที่สุด ท่านพ่อตาก็ยอมอ่อนข้อ ให้พวกเขากลับไปได้ แต่ก็ต้องมีสิ่งตอบแทนเช่นกัน นั่นก็คือชาตินี้ต้องยอมรับชะตากรรมที่ยากจน ซึ่งเป็นความจนที่จนยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
แต่ความจนสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรเลย พวกเขาชินแล้ว
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การกลับไปของพวกเขาในครั้งนี้ ต้องยืมกองกำลังทหารของประเทศอื่นมาใช้ วันหน้าพวกเขามีภาระผูกพันที่ต้องรักษาสมดุลของประเทศโดยการไม่รุกรานกัน ฉะนั้นพวกเขาต้องคอยวิ่งวุ่นเพื่อจัดการเรื่องต่างๆอยู่ตลอด ต้องเป็นเช่นนี้ทั้งชีวิต
โล่หมันนั้นยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของเป่ยถังดีนัก จึงถามขึ้นว่า “ทำไมต้องใช้ทหารของประเทศอื่นด้วย”
เมื่อถามประโยคนี้ออกไป สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการสั่นใบหน้ารัวๆ “ถ้าหากยังกมีทหารและเสบียง มีอาวุธครบครัน เป่ยถังจะมีสภาพอนาถเช่นนี้หรือ”
หัวใจของโล่หมันแตกสลาย สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก
“พวกเจ้าไปเถอะ ใคร่ครวญให้ดีว่าจะยืมทหารมาจากไหน จะโน้มน้าวจิตใจของคนอื่นได้อย่างไร ข้าขอแนะนำเล็กน้อยว่า ลองไปเสี่ยงโชคดูที่แคว้นต้าโจวก่อน”
ท่านพ่อตายังคงใจดีมาก เอาตั๋วเงินยัดให้กับหยู่เหวินเซียวหนึ่งใบ บอกว่าหลังจากกลับไปแล้วการวิ่งเต้นที่แคว้นต้าโจวก็ต้องมีค่าเดินทาง อีกอย่าง ยังต้องมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับเหล่าขุนนางเพื่อแลกกับการดูแลพวกเขา
หยู่เหวินเซียวกำตั๋วเงินเอาไว้ เงินจำนวนแค่นี้ ยังคิดว่าจะซื้อขุนนางได้อีกหรือ
แต่ไม่กล้าจะปะทะคารมกับท่านพ่อตาอีกแล้ว เกรงเขาจะกลับคำ ไม่ให้พวกเขากลับไป
และแล้ว พวกเขาก็จากไปอย่างไม่หวนกลับพร้อมกับยอมรับชะตากรรมแห่งความยากจนตลอดชีวิต ลุกขึ้นมาจากทะเลสาบจิ้ง
จากนั้นก็จับคนที่อยู่แถวนั้นมาถามสถานการณ์ในตอนนี้ ที่จริงสถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่ท่านพ่อตาพูดเสียอีก เกิดการสู้รบต่อเนื่อง ประชาชนยากจนข้นแค้น ขาดแคลนเสบียงอาหารจนเกิดสถานการณ์อดอยากไปทั่ว
พวกเขาไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวง แต่มุ่งตรงไปทางแคว้นต้าโจว
แต่ว่า ไม่มีที่ไหนมีรถม้าเลย ม้าของราษฎรได้ถูกเกณฑ์ไปต่อสู้ในสนามรบจนหมด พวกเขาได้แต่ยอมเสียเงินซื้อล่อสองตัวเพื่อใช้ในการเดินทาง
แต่ยังดี หลังจากที่เดินทางด้วยล่อได้สองวัน พวกเขาก็พบกับม้าแก่สองตัว แม้ว่าพวกมันจะอายุมากแล้ว แต่ดูแล้วก็ใช้งานได้ดีกว่าล่อ
พวกเขาซื้อม้าแก่เอาไว้ จึงเดินทางเร็วขึ้นมาหน่อย
ตลอดการเดินทาง จิตใจก็เป็นกังวลมาก หยู่เหวินเซียวกำลังคิดคำพูด เพื่อขอยืมทหารจากแคว้นต้าโจว
คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า ช่วยเหลือยามคับขันได้แต่ไม่สามารถช่วยเหลือคนยากจนตลอดไปได้ เป่ยถังทั้งจนทั้งลำบาก อีกอย่างก็คงไม่สามารถฟื้นฟูสถานการณ์ภายในประเทศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาสั้นๆ หากยืมให้แล้ว เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ได้คืนกลับมาอีก
ฉะนั้น แคว้นต้าโจวจะยินดีเป็นเจ้าหนี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย
ถ้าหากแคว้นต้าโจวไม่ให้ยืม เมื่อพวกเขาวิ่งเต้นไปยังประเทศอื่น เช่นนั้นก็อาจทำได้แค่ช่วยเก็บศพของเหล่าองครักษ์เงาดำเท่านั้น ไม่ เก็บเถ้ากระดูกต่างหาก
เมื่อพวกเขาเร่งเดินทางไปถึงแคว้นต้าโจว พวกเขาก็เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไปหมดแล้ว
จะเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวในสภาพเช่นนี้ไม่ได้ ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด แม้แต่ป้ายประกาศิตก็ถูกนำออกมาใช้ แต่คนเฝ้าประตูเมืองไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
ขณะที่พวกเขาร้อนใจ จนจับทหารเฝ้ายามเป็นตัวประกัน จึงทำให้เรื่องไปถึงกรมการพระนคร และถูกจับตัวเพื่อนำไปลงโทษ
เมื่อเอาป้ายประกาศิตออกมาใช้อีกครั้งในตอนนี้ ทุกคนต่างก็เชื่อแล้ว จึงเปิดทางพิเศษให้ ส่งพวกเขาไปถึงตรงหน้าของฮ่องเต้และฮองเฮา
พวกเขาสองสามีภรรยาอาศัยอยู่ในวังเป็นเวลาสามวัน อาหารการกินเพียบพร้อม อุดมสมบูรณ์มาก แต่นอกจากดื่มน้ำแล้ว พวกเขาก็กินอะไรไม่ลงเลยสักนิด
หัวใจแทบจะถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมแล้ว เหลือแค่การคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขา อ้อนวอนขอยืมทหารจากพวกเขาเท่านั้น
นี่เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิตของพวกเขาเลยก็ว่าได้ พวกเขารู้ดี การนำทัพออกรบช้าไปหนึ่งวัน ก็ต้องมีคนมากมายต้องบาดเจ็บล้มตาย
เมื่อถึงเช้าวันที่สี่ ในที่สุดแคว้นต้าโจวก็ยอมปริปากพูดถึงเรื่องการยืมทหาร และเงื่อนไขต่างๆ
แต่ไม่ว่าจะเงื่อนไขอะไร แม้ว่าจะต้องมอบหัวของตัวเองให้พวกเขาหลังจากสู้ศึกเสร็จแล้ว พวกเขาก็ยินดี