บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2035 ความเป็นไปได้ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2035 ความเป็นไปได้ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
บทที่ 2035 ความเป็นไปได้ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
ชายาเฟิงอันมองเขาด้วยสายตาที่แฝงด้วยความล้ำลึก “เจ้าหนูเซเว่นอัพ ถ้าจะฟังเรื่องนี้ ก็ต้องเพิ่มเงิน”
“เพิ่มเงิน ไหนบอกว่าไม่เอาเงินไงเล่า”เซเว่นอัพงุนงง
“ปู่ของเจ้าบอกว่าไม่เอา แต่ข้าเอา โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ”ชายาเฟิงอันพูดยิ้มๆ
เล่าเรื่องพวกนี้ออกมาจนหมดแล้ว กลับไปหากไปบอกเขาว่าไม่ได้เงินเลย คงเป็นเรื่องแน่
อายุยิ่งมาก ยิ่งจะเสียเปรียบไม่ได้
เซเว่นอัพได้แต่ถามว่า “แล้วจะใช้อะไรในการจ่าย เงินตำลึงหรือตั๋วเงิน”
“ย่อมต้องเป็นเงินตำลึง ตั๋วเงินพวกข้ามีอยู่แล้วไม่เคยขาดแคลน ”จุดนี้ ชายาเฟิงอันพูดอย่างค่อนข้างภูมิใจ ทำไมจึงอยากจะกลับมานะหรือ เพราะว่ากลับมาที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอยู่เรื่องกิน
ยากจนในสถานที่เดียวก็พอ
เซเว่นอัพได้สัญญาจะให้เงินจำนวนหนึ่ง ชายาเฟิงอันก็เริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความทรงจำ
การตั้งครรภ์เป็นอุบัติเหตุ
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกว่ายากลำบากมาก ตอนนั้นยังอยู่ที่แคว้นต้าโจว พวกองครักษ์เงาดำต่างก็ตามพวกเขาไปทำงานโดยไม่ได้ค่าจ้าง
ช่วงเวลานั้น เป่ยถังยังค่อนข้างลำบาก จำเป็นต้องใช้แรงงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทนเหล่านี้ในการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อซื้อสินค้าต่างๆส่งกลับมาในประเทศตนเอง
หอจัยซิงจึงเป็นตัวแทนของแรงงานกลุ่มนี้
ตอนนั้นแคว้นต้าโจวเองก็มีความวุ่นวายเล็กน้อย ประเทศร่ำรวย ขุนนางละโมบโลภมาก มีอ๋องท่านหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งแบ่งพื้นที่ในการครอบครองได้รวบรวมกำลังพล ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่เขาดูแลต้องเดือดร้อน ราชสำนักต้องจัดการเขาอย่างแน่นอน
จัดการเขา เขาย่อมไม่ยินดี การเป็นฮ่องเต้ในพื้นที่นั้น รู้สึกว่าตนเองมีความสามารถอยู่บ้างจึงอยากจะต่อกรกับราชาสำนัก
แต่เขาจะสู้ราชสำนักได้อย่างไรเล่า ไม่ช้าก็ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ จึงพากลุ่มคนชั่วยึดพื้นที่แห่งนั้น จากท่านอ๋องในราชวงศ์กลายเป็นโจรอย่างแท้จริง
พวกเขาเป็นคนเป่ยถัง ไม่ก้าวก่ายเรื่องการเมืองที่วุ่นวายของแคว้นต้าโจว แต่ก็จำเป็นต้องไปสังเกตการณ์และชี้แนะเสียหน่อย
การเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่เพิ่งจะตกอยู่ในสถานะพวกต่อต้าน วิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการปิดล้อมพื้นที่ ไม่โจมตี
ใช้กองกำลังล้อมพวกเขาเอาไว้ แต่ว่าในเมืองหลวงยังคงต้องทำให้กลับเข้าสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขุนนางที่ส่งมาใหม่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง ฮ่องเต้จึงให้พวกเขาไปจัดการก่อน แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นข้าหลวง
พวกเขานำนายพลของหอจัยซิงไป ยุ่งสุดๆไปเลย มีเรื่องให้จัดการไม่เว้นวัน เพราะอ๋องทรยศที่กระทำการปล้นชิงอย่างอุกอาจ ประชาชนในเมืองมากมายต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ต้องการการช่วยเหลือ จดบันทึก จัดการปัญหาที่เหลือ
อีกทั้ง ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นโจร ยังทำลายถนนหนทาง ที่ทำการปกครองต่างๆ ฆ่าขุนนางที่ดูถูกเหยียดหยามพวกเขาไปมากมาย เพราะฉะนั้น การที่เหล่าขุนพลจากหอจัยซิงเปลี่ยนสถานะจากนักบู๊ กลายเป็นขุนนางที่ต้องจัดการแก้ไขปัญหาวุ่นวายอยู่หลายวัน แต่ก็ยังดีที่สามารถคุ้นเคยได้โดยเร็ว
แต่ละวันเหนื่อยล้าแทบขาดใจ ยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาหยุดอยู่กับที่
เหล่าขุนพลรับมือกับเรื่องเหล่านี้ ตะโกนจนเสียงแหบแห้งทุกวัน หลังจากกลับมายังที่ทำการชั่วคราว ก็ไม่มีใครอยากจะพูดอะไรอีก ต่างก็ใช้ภาษามือหรือไม่ก็สายตาในการสื่อสารกัน
หลังจากอยู่ในเมืองนั้นเป็นเวลาสองเดือนครึ่งแล้ว โล่หมันก็เริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
ไม่ว่าจะกินอะไรก็อาเจียนตลอด ทุกคนต่างก็คิดว่านางเหน็ดเหนื่อยเกินไป ทุกคนจึงเห็นว่านางควรจะพักผ่อนสักสองสามวัน
ต้องบอกว่า ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนั้น คนคนหนึ่งต้องทำงานของคนเจ็ดคน ฉะนั้นโล่หมันพักผ่อนแค่ครึ่งวัน ทุกคนต้องทำงานแทนนาง ยิ่งยุ่งจนสภาพอนาถมาก
หลังจากพักผ่อนไปสองวัน โล่หมันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมาอีกครั้ง การอาเจียนเพราะตั้งครรภ์นั้นเกิดขึ้นแต่สองวันเท่านั้น
นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว
และเริ่มยุ่งกับการทำงานต่อ
ดีที่เวลานี้ ราชสำนักได้กำหนดขุนนางแล้ว ได้ย้ายขุนนางจากแต่ละพื้นที่เข้ามารับตำแหน่ง แต่ว่า ขุนนางเหล่านั้นเดินทางอย่างยากลำบากมาตลอดทาง เมื่อมาถึงก็มีมากกว่าครึ่งที่เกิดอาการไม่สบาย ที่เหลืออยู่บางส่วนก็ยังต้องทำความคุ้นเคย และทำความเข้าใจสถานการณ์ เพราะฉะนั้น พวกเขาก็ยิ่งยุ่งขึ้นอีก
เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว
เมื่อทุกคนมีเวลามานั่งกินข้าวและพูดคุยร่วมกัน พวกเขาก็พบว่าโล่หมันอ้วนขึ้นแล้ว
โดยที่ไม่คาดคิดเลยสักนิด ทำให้ทุกคนรู้สึกโมโหมาก
ทุกคนต่างยุ่งกับงานจนผอมโซกันหมด มีแต่นางที่อ้วนขึ้น นึกภาพออกเลยว่าคนคนนี้ทำเกินไปจริงๆ คงจะแอบขโมยกินของอร่อยมากมายโดยไม่แบ่งคนอื่น
คุยกันไว้แล้วว่าจะกินข้าวหม้อเดียวกัน แต่นางกลับแอบเปิดห้องครัวเล็กของตนเอง ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว ไม่สามารถให้อภัยได้
ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกประชุมการพิจารณาคดีต่อหน้าทุกคน สอบสวนคนหน้าไม่อายที่แอบกินเนื้อ
โล่หมันอธิบายว่าตนเองไม่ได้ขโมยกิน ก็เหมือนกับทุกคน พวกเขากินอะไร นางก็กินอย่างนั้น
แต่ว่าไม่มีใครเชื่อเลย ถ้าหากกินพร้อมกับทุกคนจริงๆ ทำไมเจ้าจึงอ้วนขึ้นกว่าคนอื่นๆ นี่เป็นหลักฐานที่แน่นหนามาก ไม่สามารถแก้ตัว
หยู่เหวินเซียวได้ไกล่เกลี่ยสถานการณ์ บอกว่านางไม่ได้ขโมยกิน แต่ที่จริงเขาก็สงสัย และยังบ่นพึมพำในใจ เพราะฉะนั้นความรักนั้นจึงหายไปได้ เพราะขโมยกินโดยไม่แบ่งเขาเลยสักนิด
โล่หมันโมโหจนแทบคลั่ง ลุกขึ้นเอามือเท้าเอวและตะโกนด่าดังลั่น บอกว่าตนเองทำงานจนผมร่วงหมดหัวแล้ว แม้แต่ประจำเดือนก็มาแค่ไม่กี่เดือน นางไม่เคยบ่นเลยแม้แต่คำเดียว กลับถูกทุกคนสงสัยว่าขโมยกินของดีๆเอง มันจะมากเกินไปแล้ว
เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ประจำเดือน เป็นคำที่ดูเป็นผู้หญิงมาก
แค่ก็ถูก นางเป็นหญิงนี่นา นางย่อมมีประจำเดือน
ทุกคนต่างก็เงียบลงทันที ทุกคนมองใบหน้าที่ซูบผอมของนาง แล้วมองไปที่ท้องกลมโตของนาง
ความคิดที่เป็นไปไม่ได้แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่เพียงน้อยนิดได้ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา