บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2037 การค้าที่ได้กำไร
บทที่ 2037 การค้าที่ได้กำไร
บ้านรั่วซ้ำยังถูกฝนกระหน่ำทั้งคืน หมายถึงโล่หมันที่ตั้งครรภ์นั่นเอง
มาใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ยากจนข้นแค้นมาก และยังต้องส่งทรัพยากรต่างๆกลับไปให้เป่ยถังไม่ขาด มาตั้งท้องในช่วงคับขันเช่นนี้ อันดับแรกคือได้ขาดแรงงานไปแล้วหนึ่งคน และเพราะการตั้งท้องของนาง ยังต้องให้นางกินเนื้อเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
อีกอย่าง นางนั้นต้องได้กินอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ไม่สามารถจะว่านางได้
แคว้นต้าโจวมั่งคั่ง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาสักเท่าไหร่ พวกเขามาเพื่อชดใช้หนี้ ค่าเช่ากองทัพจำนวนสามแสนนายและอาหารเลี้ยงม้าเหล่านั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าจะเอ่ยเงื่อนไขอะไรกับแคว้นต้าโจวได้อีก
อายที่จะเอ่ยปากขอร้อง ใครบ้างที่ไม่รู้สึกอับอายในใจ
เพราะฉะนั้น ความลำบากของตนเองก็ต้องแก้ไขด้วยตนเอง
ดีที่กองทัพแข็งแกร่ง ม้าก็แข็งแกร่ง คิดว่าเลี้ยงเด็กเพิ่มสักคนสองคนคงไม่มีปัญหา
เพียงแต่ ไม่ใช่แค่เรื่องที่จะเลี้ยงดูให้เติบใหญ่เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถเลี้ยงดูอย่างง่ายที่สุดกระมัง อย่างน้อยก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของเป่ยถัง ถ้าให้กินรำกินผักป่าคงเป็นการรังแกกันเกินไป
แต่ว่า นี่ล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุด ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือต้องรู้ให้แน่นอนว่านางตั้งครรภ์มานานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้เป็นเดือนที่เท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ คนกลุ่มใหญ่จึงล้อมตัวโล่หมันเอาไว้เป็นจุดศูนย์กลาง นั่งล้อมวงเริ่มทำการวิเคราะห์ขึ้นมาทันที
“ประจำเดือนไม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว”ไม่เสียทีที่องครักษ์เงาดำเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถ้าคำนวณจากประจำเดือน เป็นสิ่งที่เข้าท่าตามหลักวิทยาศาสตร์ที่สุด
โล่หมันนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “จำไม่ได้แล้ว”
ใครจะไปจำเรื่องพวกนี้ได้ ทำงานยุ่งจนตัวเป็นเกลียวทุกวัน
องครักษ์เงาดำถลึงตาจ้องนาง “เจ้าจำไม่ได้ ทำไมเจ้าจึงจำไม่ได้ เมื่อก่อนเนื้อตากแห้งที่หอจัยซิงของเรา พอถึงสิ้นปียังมีจำนวนเท่าไหร่ที่ไม่ได้กิน เจ้ายังจำได้แม่นยำทีเดียว”
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า ”โล่หมันก็จ้องเขากลับไปเช่นกัน พูดจาไม่รู้จักเบาเสียงลงบ้าง ตอนนี้นางตกใจง่าย
แต่ยังดี ที่แม้โล่หมันจะลืม แต่หยู่เหวินเซียวกลับจำได้แม่น หลังจากมาที่นี่ไม่กี่วัน โล่หมันก็มีประจำเดือนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย
“เจ้ารู้ดีขนาดนี้ได้อย่างไร”องครักษ์เงาดำถามเขา
หยู่เหวินเซียวกุมขมับเอาไว้ “เอาเป็นว่าข้าจำได้ก็แล้วกัน เจ้าไม่ต้องถามเรื่องนี้แล้ว มันสำคัญนักหรือไง รีบคำนวณวันเวลาเถอะ พวกเรามาที่นี่ก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว”
“นั่นก็หมายความว่า ครึ่งปีก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเรามาที่นี่ นางก็มีประจำเดือนแล้ว มากี่วัน”
“ห้าวัน”หยู่เหวินเซียวเป็นคนตอบคำถามแทน เรื่องนี้เขาก็จำได้ดี
“พวกเรามาตอนสิ้นปี ตอนนี้ก็ขึ้นสามค่ำเดือนหกแล้ว หมายความว่า ถ้าคำนวณตามนี้ ตอนนี้ท้องนางก็อายุครรภ์หกเดือนแล้ว”
“ไม่ใช่ห้าเดือนหรอกหรือ”องครักษ์ฟ้าผ่าถามอย่างประหลาดใจ
องครักษ์เงาดำเสริมขึ้นมาว่า “เจ้าไม่รู้อะไร ต้องนับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ประจำเดือนมาแล้ว”
“จริงหรือ ”องครักษ์ฟ้าผ่ารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่ทำการปฏิสนธิหรอกหรือ ที่จริงควรจะถามพวกเขาถึงวันเวลาที่ร่วมหอกันน่าจะดีกว่ามิใช่หรือ
แต่ว่า เรื่องในด้านนี้องครักษ์เงาดำนั้นถือว่าเป็นผู้มีความรู้มาตลอด เพราะเขาก็เคยมีคนที่ชื่นชอบ ไม่ว่าอย่างไรก็คุ้นเคยกับเรื่องของผู้หญิงมากกว่าพวกเขา อย่างน้อยก็คุ้นเคยกว่าพี่หมันแล้วกัน
เชื่อเขาเถอะ สมมติว่าตอนนี้นางตั้งครรภ์หกเดือน
โบราณว่ากันว่าตั้งท้องสิบเดือน สิบเดือนสิบเดือน ก็หมายความว่ายังเหลืออีกสี่เดือน เด็กก็จะคลอดออกมาแล้ว
เหลือเวลาให้พวกเขาหาเงินไม่มากแล้ว
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ทุกคนทำงานหลักจนเสร็จแล้ว ก็ออกไปเดินเล่น ดูว่ามีงานชั่วคราวที่เหมาะสมให้ทำหรือไม่
การหางานชั่วคราวมีความยากอยู่บ้าง เพราะหลังจากเกิดเรื่องกบฏขึ้น บ้านเมืองก็รอการฟื้นฟูอีกครั้ง ทำให้ประชาชนที่อยู่รอบข้างมากมายต่างก็หนีมาใช้ชีวิตที่นี่
พวกเขามาจากเป่ยถัง คงไม่ดีหากจะแย่งอาชีพกับคนท้องถิ่น
อีกอย่าง คนในท้องถิ่นเองก็อยากจะหารายได้ งานที่ใช้แรงงานทั้งหมดก็มีเท่านั้น การซ่อมแซมสะพานและถนนมีทหารเป็นคนทำช่วงนี้พวกองครักษ์เงาดำก็ทำงานซ่อมแซมเหล่านี้ โดยไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ
หยู่เหวินเซียวไม่ได้ออกไปหางานทำ แต่เดินเล่นไปทั่วเมือง เขารู้ดีว่าด้วยสถานะของพวกเขาจะหางานชั่วคราวทำนั้นไม่ง่ายเลยอีกทั้งถ้าหากถูกขุนนางของแคว้นต้าโจวเห็นเขาจะสร้างความทรงจำที่ไม่ดีเสียเปล่า
เพราะต่างก็มีงานประจำของตนเองแล้ว ยังออกมาหารายได้เสริม มีกำลังเหลือในส่วนนี้ไม่สู้ไปทำงานล่วงเวลาในงานซ่อมแซมจะดีกว่า
นี่ต่างหากที่พอตอบแทนบุญคุณของการที่เขาให้ยืมกองทัพสามแสนนาย
เขาพบว่ามีการค้าหลายอย่างที่สามารถทำได้ แต่การค้าเหล่านี้ล้วนไม่มีอะไรเป็นข้อยกเว้น ต่างก็ต้องใช้ทุนทั้งนั้น
เงินทุนมากหรือน้อย ก็ต้องดูว่าต้องการทำการค้าใหญ่โตแค่ไหน
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะว่า ไม่ว่าจะทุนมากหรือน้อย พวกเขาก็ไม่มี
นั่นก็หมายความว่า พวกเขาได้แต่ทำการค้าที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเท่านั้น
หลังจากที่เขาออกไปเดินเตร็ดเตร่อยู่สองวัน พอกลับมาช่วงค่ำก็เรียกประชุมทุกคนเพื่อประกาศถึงการค้าที่จะทำต่อไปนี้
“หลายปีมานี้แคว้นต้าโจวร่ำรวยมาก ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แม้ว่าที่นี่จะเคยเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาช่วงหนึ่ง แต่รากฐานก็ยังคงร่ำรวยอยู่ พวกเขากินเนื้อกินปลาจนเอียนแล้ว ชื่นชอบแต่ของป่าที่ล้ำค่า ข้าได้ยินมาว่า ป่าลึกนอกเมืองนั้นอับชื้นไม่ค่อยมีแสงแดด มีเห็ดเกิดขึ้นมากมาย แต่เป็นเพราะว่ามีงูกับสัตว์ป่า ประชาชนไม่กล้าเข้าไปเก็บเห็ด และพอดีว่าพวกเราไม่กลัวสิ่งเหล่านี้ พวกเราไปเก็บกลับมา ไปขายในตลาด ได้ยินว่าอาจขายได้เงินไม่น้อยเลยทีเดียว”
องครักษ์เงาดำคัดค้านทันที “ไม่ได้ เห็ดส่วนมากมีพิษ พวกเราแยกแยะไม่เป็น จะรู้ได้อย่างไรว่าชนิดไหนมีพิษ หรือชนิดไหนไม่มีพิษ”
หยู่เหวินเซียวพูดว่า “เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ข้าเคยศึกษาเรื่องเห็ดมาเป็นเวลาสามเดือนเต็มๆ ข้าสามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าอะไรมีพิษอะไรไม่มีพิษ”
องครักษ์เงาดำมองเขาอย่างสงสัย “ท่านไปศึกษาเรื่องเห็ดตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลายปีมานี้ทุกคนต่างก็ยุ่งมาก เขาไปเอาเวลาไปศึกษาเห็ดจากไหนกัน
สายตาของหยู่เหวินเซียวเต็มไปด้วยแววชอกช้ำ “เจ้าไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าเคยศึกษาก็แล้วกัน”
ความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้น อย่าพูดถึงจะดีกว่า