บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2040 พวกหมาป่าหิมะมากันแล้ว
บทที่ 2040 พวกหมาป่าหิมะมากันแล้ว
องครักษ์เงาดำเอายาไปให้อ๋องกบฏกินก่อน นั่นเป็นยาลดไข้สำเร็จรูป เหมาะสำหรับคนที่เป็นไข้หวัดเนื่องจากการเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เดิมทีอ๋องกบฏยังมีอาการสะลึมสะลืออยู่ หลังจากกินยาไปครึ่งชั่วยาม ก็ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง เมื่อมีสติ เขาก็เริ่มหาเรื่อง
เขาด่าทอต่อว่า “ต้องโทษพวกเจ้าที่ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงก็ต้องถูกประหารอยู่ดี ไม่สู้พวกเจ้าฆ่าข้าที่นี่เลยดีกว่า แล้วรายงานว่าข้าตายเพราะเป็นไข้ระหว่างเดินทาง”
“จะต้องถูกประหารจริงหรือ”ลูกน้องของเขาได้ยิน ก็ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว “จะเมตตาสักครั้ง ด้วยการเนรเทศไม่ได้หรือ”
“ก่อกบฏ หนีไม่พ้นการประหารอยู่แล้ว”เมื่ออ๋องกบฏนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็รู้สึกหดหู่ใจมาก ตอนแรกใครกันที่เสี้ยมสอนให้เขาก่อกบฏ
ที่จริงเขาอยากใช้ชีวิตอย่างสงบและมั่งคั่ง เป็นคนมีอำนาจสูงสุดในดินแดนที่ตัวเองปกครอง แต่ราชสำนักได้ค่อยๆเริ่มยึดอำนาจจากพื้นที่ต่างๆ จึงทำให้เขาอับจนหนทางจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีที่อันตราย
เดิมทีพวกลูกน้องของเขายังมีความหวังว่าจะโชคดีอยู่บ้าง คิดว่าน่าจะได้รับการยกเว้นโทษประหาร เมื่อได้ยินท่านอ๋องบอกว่าต้องถูกตัดหัว หัวใจก็แทบจะรับไม่ไหว ร้องไห้ออกมาทันที
“ต้องถูกประหารจริงหรือ ไม่เอา พวกข้าต่างก็สำนึกผิดแล้ว”
องครักษ์เงาดำแบ่งหมั่นโถวให้ทุกคน แล้วพูดปลอบใจว่า “อย่ามองในแง่ร้ายมากนักเลย บางทีอาจเป็นการแล่เนื้อเถือหนังหรือไม่ก็ตัดเอวก็เป็นได้”
แต่ไหนแต่ไรการปลอบใจขององครักษ์เงาดำล้วนเป็นการซ้ำเติมเสียมากกว่า อ๋องกบฏกับลูกน้องได้ยินแล้ว วิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
ไม่ว่าจะเป็นการแล่เนื้อเถือหนังหรือตัดเอว ล้วนเป็นวิธีการตายที่ทรมานมาก หลังจากได้ยินว่าต้องถูกตัดเอว สมองยังคงรับรู้ได้ สามารถรับรู้ถึงร่างกายของตนเองที่ถูกแยกออกจากกันได้
แต่ไหนแต่ไรการปลอบใจขององครักษ์เงาดำล้วนเป็นการซ้ำเติมเสียมากกว่า อ๋องกบฏกับลูกน้องได้ยินแล้ว วิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
นั่นก็หมายความว่า สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานได้
“หรืออาจจะเป็นการแยกร่างก็ได้”องครักษ์ลับผีเดินเข้ามาพูดประโยคหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องการลงโทษของแคว้นต้าโจวมากนัก แต่การก่อกบฏเป็นโทษร้ายแรงสูงสุด คงต้องใช้วิธีการลงโทษที่รุนแรงและโหดเหี้ยมที่สุดแน่
ทุกประเทศล้วนเป็นเช่นนี้
“อาจเป็นการปีนเสาน้ำมันหรือถลกหนังก็ได้”องครักษ์ฟ้าผ่าที่กำลังกินหมั่นโถว หันมาพูดขึ้น “สองวิธีนี้ก็ไม่เลว”
เสียงร้องยิ่งฟังดูน่าอนาถมากขึ้น อ๋องกบฏตัวสั่นเทาไปหมด รู้สึกโกรธมาก “ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว“
องครักษ์เงาดำยิ้มขัน “แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ ถ้ากลัวก็อย่าก่อกบฏซิ เจ้าทำร้ายประชาชนไปมากเท่าไหร่ ข้าเก็บศพพวกเขาด้วยมือข้าเอง มีมากกว่าสามร้อยคนด้วยซ้ำไป”
มาร้องไห้ป่านนี้ ตอนที่เป็นโจรกบฏกลับลงมืออย่างเหี้ยมโหดอำมหิต เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา
พวกอ๋องกบฏกำลังร้องไห้คร่ำครวญ พลางก่นด่าไปด้วย ด่าว่าพวกหยู่เหวินเซียวนั้นเป็นพวกยาจก ด่าว่าเป่ยถังนั้นเป็นประเทศยาจก เป็นอ๋องยังต้องไปเก็บเห็ดในป่ามาขายเพื่อหาเงิน ไม่ตายก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาขึ้นเขาไปเก็บเห็ด จะเกิดเรื่องที่พวกเขาตกใจจนต้องลงจากเขามายอมจำนนได้อย่างไร
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าบุรุษที่มาจากเป่ยถังทั้งหมดต่างก็รู้สึกตกตะลึง
ที่แท้ก็เป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง
ขวัญอ่อนเกินไปแล้วกระมัง เป็นนกตื่นธนูหรืออย่างไร
ทุกคนต่างก็ไม่อยากจะสนใจพวกเขาอีก ปล่อยให้พวกเขาด่าตามสบาย ในค่ำคืนเช่นนี้ ถ้าหากไร้ซึ่งเสียงก่นด่าซะบ้าง ก็คงจะเงียบเหงามากเกินไป
โล่หมันกินหมั่นโถว ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
“ข้าอยากจะกินเนื้ออยากจะกินเนื้อ ทำไมจึงไม่ซื้อมา ทำเนื้อสดเป็นอาหารไม่ได้ จะซื้อเนื้อที่ต้มเสร็จแล้วมากินไม่ได้หรือ”
หยู่เหวินเซียวรีบยื่นเนื้อตากแห้งให้ทันที “มี มี มีเนื้ออยู่นี่ไง เจ้ารีบกินแก้หิวเถอะ ”
“ข้าไม่เอาเนื้อตากแห้ง เอาแต่กินเนื้อตากแห้ง ทั้งแห้งทั้งแข็ง ฟันข้าเริ่มจะไม่ดีแล้ว”
“ข้าจะให้องครักษ์เงาดำไปซื้อมาให้ องครักษ์เงาดำ ……”หยู่เหวินเซียวตะโกนเรียก แต่องครักษ์เงาดำกลับตะคอกกลับด้วยใบหน้าดุดันว่า “เรียกเสียงดังขนาดนั้นทำไม ข้าก็อยู่ตรงหน้าท่านมิใช่หรือ”
หยู่เหวินเซียวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างออกจากใบหน้าของเขาเล็กน้อย “……ไปซื้อเนื้อมา”
โล่หมันพูดว่า “ไม่ต้องไปแล้ว ข้าไม่อยากกินแล้ว”
โล่หมันไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้ก็สองเดือนกว่าแล้ว……เอาเถอะแปดเดือนกว่า แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกอะไร จึงไม่รู้สึกว่าน้อยเนื้อต่ำใจ
นางพักผ่อนไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ก็เริ่มทำงานแล้ว เดิมคิดจะคลอดลูกที่นั่นแล้วค่อยกลับเมืองหลวง คิดไม่ถึงว่าต้องเดินทางระหกระเหินขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
เรื่องราวไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจหวังเลย เจ้าอ๋องกบฏช่างน่าโมโหจริงๆ ทำไมจึงไม่ยอมอยู่บนเขาอีกสักระยะ ทำไมต้องลงเขามาเพื่อยอมจำนนด้วย ในเมื่ออยู่บนเขาก็ไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนภูเขาให้ราบก่อน แล้วค่อยลงเขาไม่ได้หรืออย่างไร
เกิดเป็นคนไม่มีความอดทนเลยสักนิด ยังคิดจะก่อกบฏอีก
นางระบายอารมณ์ทั้งหมดลงที่หมั่นโถว เคี้ยวกินอย่างดุดัน แม้แต่เศษแป้งที่ติดอยู่ในมือก็ไม่ปล่อยผ่าน
“ข้าไปก็ได้ ในเมื่อทุกคนกินหมั่นโถวแล้วก็ยังไม่พอใจ”องครักษ์เงาดำถอนหายใจ ซวยจริงๆ ศาลาพักม้ายังเกิดปัญหาขึ้นมาได้ ประเทศที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เจริญขนาดนี้ ทำไมไม่รู้จักซ่อมแซมปรับปรุงศาลาพักม้าบ้าง
“เจ้าดำ ไปล่าสัตว์ดีหรือไม่ พวกเราก่อไฟกันตรงนี้”หยู่เหวินเซียวพูดขึ้น
องครักษ์เงาดำมองไปทางโล่หมัน “กินเนื้อย่างหรือไม่”
โล่หมันน้ำลายสอขึ้นมา รีบพยักหน้ารัวๆ “กิน กิน กิน”
องครักษ์เงาดำยกมือขึ้นโบกเรียก “เสือขนทอง หมาป่า เจ้าหูแหลม พวกเราไปกัน”
ทั้งสามพยักหน้า กำลังจะเดินตามองครักษ์เงาดำไป สายตาอันแหลมคมขององครักษ์ฟ้าผ่าก็มองเห็นดวงตาวาววับหลายคู่ของบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเดินล้อมเข้ามาทางพวกเขา
“มันคืออะไร หมาป่าหรือ”องครักษ์ฟ้าผ่าเอ่ยขึ้นอย่างระแวดระวัง
ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้น เห็นแค่ต้นหญ้าที่ถูกลมพัดเท่านั้น เหล่าหมาป่าหิมะเหมือนผ่านประสบการณ์การเดินทางที่ยาวนานและยากลำบาก เดินเข้ามาอย่างไร้เรี่ยวแรง ในนั้น มีหลายตัวที่ดูหิวโซและคอแห้งอย่างรุนแรง ล้มลงไปกับพื้นแล้ว
หมาป่าที่เหลือ ทั้งหมดเดินมาอยู่ข้างกายโล่หมัน ดมกลิ่นบนร่างของโล่หมันด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
โล่หมันอ้าแขนกอดพวกมันเอาไว้ แต่หมาป่ามีมากเกินไป กอดไม่หมด จึงตะคอกให้พวกมันนั่งลง
แค่ชั่วพริบตา จุดตั้งกระโจมก็เต็มไปด้วยหมาป่าหิมะ ทั้งหมดกำลังใช้สายตาที่เหนื่อยล้าและดีใจมองไปยังโล่หมัน
พวกองครักษ์เงาดำเข้าไปช่วยเหลือหมาป่าหิมะที่ล้มลงเมื่อครู่ กรอกน้ำให้มัน ไม่ช้ามันก็ฟื้นขึ้นมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้พวกอ๋องกบฏตกใจจนไม่กล้าร้องไห้อีก เงียบเสียงและกลั้นลมหายใจเอาไว้ เพราะเกรงว่าวิธีการตายของตนเองจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวิธี คือถูกหมาป่าหิมะฉีกทึ้งให้ตายทั้งเป็น อีกอย่าง คงต้องถูกหมาป่าหิมะกินหมดแน่