บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2049 กล่อมพ่อพูดจาสะสมบุญหน่อย
บทที่ 2049 กล่อมพ่อพูดจาสะสมบุญหน่อย
ถึงแม้ทุกคนจะเห็นว่านายท่านทำแบบนี้ไม่ค่อยมีเหตุผล แต่คนที่แม้แต่ท่านอ๋องยังกลัวขนาดนี้ พวกเขาสู้ไม่ได้หรอก ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงบ่นอุบอิบไปรออยู่ด้านข้าง รอคอยชื่อใหม่
นายท่านหลงยกมือ เขียนชื่อเล่นคำว่าเจิ้นรุย เจิ้นลี่
ทุกคนล้อมไปดู อืม ยังไงคนอื่นก็มีวัฒนธรรม ชื่อที่เขียนออกมาลำดับก็จะมีเยอะ
องครักษ์ฟ้าผ่าในฐานะบัณฑิตอนุบาลและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาไปทางด้านการทำนาย ยกมือจับคาง พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม หยู่เหวินเจิ้นรุย หยู่เหวินเจิ้นลี่ บวกกันขึ้นมาก็กลายเป็นสีพยางค์แล้ว มีพลังมากกว่าสามพยางค์ธรรมดา เรามาดูเจิ้นรุยก่อน โครงสร้างทางซ้ายของเจิ้น เป็นสองทิศทาง รุยเป็นโครงสร้างบนและล่าง เป็นสองทิศทางเหมือนกัน บวกกันขึ้นมาตะวันออก ตก เหนือ ใต้มีหมดเลย เหมือนอย่างที่มักพูดว่า มีทักษะเหนือกว่าและได้เปรียบเหนือใครๆ ชื่อนี้ตั้งให้ผู้ชายเหมาะสมที่สุด”
ทุกคนฟังเขาพูดอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะโครงสร้างที่กลายเปลี่ยนเป็น มีทักษะเหนือกว่าและได้เปรียบเหนือใครๆนั้น มีจุดพลิกผันอย่างมาก ไม่งุ่มง่ามและแข็งกระด้างเลย
“ส่วนเจิ้นลี่ มาตีความจากความเชื่อมโยงกัน ซึ่งหยู่เหวินดีเก่งที่สุดใช่ไหม? คนตระกูลหยู่เหวินเก่งจริงๆ ทหารตระกูลหยู่เหวินก็เก่งกาจ แม้แต่พวกเราก็ยังชื่นชม ดังนั้นชื่อนี้จึงมีความหมายค่อนข้างกว้าง มีความหมายครอบคลุมทะเลและแม่น้ำทุกสาย เป็นผู้หญิงต้องใจกว้าง ดังนั้นชื่อนี้จึงเหมาะกับผู้หญิง เสี่ยวอาเหลียงสามารถใช้ได้”
องครักษ์ฟ้าผ่าพูดเช่นนี้ ได้รับสายตาแห่งความชื่นชมอย่างมากมาย
หยู่เหวินเสียวกับโล่หมันมองตากัน ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีออกมายังไงดี องครักษ์ฟ้าผ่าที่ไร้ยางอายแบบนั้น ไปถึงระดับจุดสุดยอดแล้ว พูดไร้สาระออกมาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ยังเชื่อมั่นในตัวเอง มั่นใจอย่างหยาดเหยิ้ม อยากจะขว้างปาอุจจาระใส่เขาจริงๆ
แต่นายท่านหลงปรบมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดได้ดี ชื่อสองชื่อนี้ ตีความแบบนี้แหละ เจ้าองครักษ์ฟ้าผ่า มีอนาคต”
เขากวาดสายตาหันไปมอง ถามโล่หมันกับหยู่เหวินเสียวว่า “พวกเจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
หลังจากอึ้งไปศูนย์จุดสามวินาทีแล้ว หยู่เหวินเสียวรีบปรบมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดได้ดี ตีความไปถึงใจข้าเลย สองชื่อนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน ดี เรียกว่าเจิ้นลี่ เจิ้นรุย”
โล่หมันหันหน้าไป นางเป็นลูกแท้ๆ ไม่ต้องประจบสอพลอ
นางค่อนข้างเสียใจ ทำไมแม่ไม่มา?
นางคลอดลูกไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือ?
อารมณ์ด้านลบผุดขึ้นมาเรื่อยๆ นางรู้สึกว่าภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของนางกำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากเข้าห้องไปก็อุ้มลูกขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว อยากให้น้ำตาไหล แต่น้ำตาก็ขาดแคลนเหมือนอย่างน้ำนมของนาง
พยายามบีบยังไง ก็ไม่สามารถที่จะเแสร้งทำเป็นโศกเศร้าได้
นายท่านหลงเปิดประตูเข้าไป หยู่เหวินเสียวรีบตามเข้าไป แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามผ่านประตูธรณี ประตูก็ถูกปิดแล้ว กั้นเขาไว้ด้านนอก
เขาหันตัวไป ตบไหล่องครักษ์ฟ้าผ่าอย่างยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดได้ดี พูดได้ดีจริงๆ อืม เจ้ามีอนาคตไกล”
องครักษ์ฟ้าผ่ารู้สึกล่องลอย พูดกับทุกคนว่า “อ่านหนังสือนั้นมีประโยชน์ ต้องอ่านหนังสือเยอะ”
ทุกคนต่างพูดถึงชื่อใหม่กันขึ้นมา ความจริงแล้ว ตอนนี้รู้สึกไม่ชอบชื่อเสี่ยวเตากับเสี่ยวอาเหลียงแล้ว เสี่ยวเตากับเสี่ยวอาเหลียงนับว่าเป็นชื่อตรงไหน? ไม่สูงส่งสูงศักดิ์ ไม่เรียบหรูดูดีมีรสนิยม
เจิ้นลี่ เจิ้นรุยสิ ถึงเหมาะที่จะเป็นชื่อ
ส่วนเรื่องนายท่านหลง ถึงจะไม่ชัดเจน แต่เดิมก็เป็นคนที่มีอะไรมากมายไม่ชัดเจออยู่แล้ว หากทุกอย่างต้องกระจ่างชัดเจน จะเหนื่อยแค่ไหน
เลือกเพียงสิ่งที่สนใจก็พอแล้ว
โล่หมันเห็นพ่อเข้ามาก็ยิ่งน้อยใจ เบือนหน้าไปอย่างไม่สนใจ
นายท่านหลงเอื้อมมือไปอุ้มเด็กน้อย ใบหน้าของทารกทั้งสองค่อนข้างแดง เมื่อกี้โล่หมันอุ้มไม่ถูกวิธี
นายท่านหลงวางพวกเขาไว้บนโต๊ะ มองพิจารณาดู ราวกับกำลังมองหาความคล้ายคลึงตนเองบนใบหน้าของเด็กน้อย ดวงตายังดี อย่างอื่นเหมือนพ่อหมด
“เสียใจหรือ?” นายท่านหลงถามลูกสาวขึ้นมา
“ไม่เสียใจ นางงานยุ่งนี่” เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่างานในกรมของนาง
“นางคุมงานปรับปรุงบ้านใหม่ มีห้องทารก เดี๋ยวจะรับเด็กๆกลับไป” นายท่านหลงรู้ความคิดของลูกสาว จึงพูดอธิบายอย่างยิ้มแย้ม
“รีบกลับไป? รับใคร?” โล่หมันหันหน้ากลับมาถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“พวกเราเลี้ยงไง” นายท่านหลงหยอกเล่นแก้มของเด็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เราสองคนอายุเยอะแล้ว เจ้าก็ไม่อยู่ข้างกาย เงียบเหงาอย่างมาก มีเด็กสองคนนี้อยู่ด้วย ชีวิตบั้นปลายถึงจะมีความหวัง และอาศัยที่ตอนนี้ที่พวกเรายังสามารถช่วยได้ พวกเจ้าก็จะได้ตั้งใจทำงานของตนเองต่อ ใช่ไหม?”
“ชีวิตในบั้นปลาย?” โล่หมันฟังแล้วรู้สึกเหมือนค่อนข้างน่าสงสาร
“แก่แล้ว ไม่ทันไร ข้ากับแม่ของเจ้าก็แก่แล้ว” นายท่านหลงถอนหายใจ พูดขึ้นมาอย่างโศกเศร้าว่า “เจ้าก็ไม่อยู่กับพวกเรา เราได้แต่มองตากัน….”
โล่หมันรีบพูดแทรกขึ้นว่า “ข้ากลับไปได้….”
นายท่านหลงรีบมาแทรกนาง ข้ามาเพื่อพาหลานกลับไป ไม่มีอะไรอื่น เรื่องอื่นจึงไม่ต้องพูดมากแล้ว
และก็ไม่ทำตัวน่าสงสาร ไม่ทำตัวแก่ พูดตรงๆเลย
“ไม่ได้” โล่หมันส่ายหัว ต่อให้ท่าทีของเขาแข็งแกร่ง แต่ลูกของตนเองยังไงก็ต้องเลี้ยงเอง และมีคนอยู่ด้วยตั้งมากมาย ยังมีหมาป่าหิมะเสือขนทองช่วย ยังต้องการใครช่วยอีก?
นายท่านหลงพูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างประหลาดใจว่า “ไม่ได้?”
“ใช่ ข้าจะเลี้ยงเอง”
นายท่านหลงมองดูนาง ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? นางบอกว่าจะเลี้ยงลูกเอง?
“แน่ใจหรือ?”
“แน่ใจสิ ใช่ว่าพวกเราจะเลี้ยงเด็กไม่เป็น” โล่หมันพูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
นายท่านหลงพูดขึ้นมาอย่างตื้นตันว่า “งั้นดี พวกเจ้าอยากเลี้ยงเอง งั้นก็เลี้ยงเอง”
เดิมคิดว่าพวกเขาไม่อยากเลี้ยงลูกให้ยุ่งยาก ยังไงคนหนุ่มจะไม่ค่อยมีความอดทนต่อเด็ก การเลี้ยงเด็กยังเป็นงานที่ลำบาก คิดว่าพากลับไปพวกเขาจะได้สบาย แต่ในเมื่อนางมีความมั่นใจขนาดนี้ คู่ควรแก่การยินดี
ลูกสาวเติบโตแล้ว
โล่หมันพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “เป็นแม่ก็ต้องทำหน้าที่ของคนเป็นแม่ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำ ทำงานกับเลี้ยงลูกสามารถทำพร้อมกันได้”
คำพูดนี้ค่อนข้างท้าทาย นายท่านหลงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “คำพูดนี้ต้องกลับไปบอกแม่ของเจ้าทุกคำไหม?”
โล่หมันลังเลสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวแม่จะไม่สบายใจ”
“รู้จักเห็นอกเห็นใจในความรู้สึกของแม่เจ้าแล้วหรือ?”
“เป็นแม่แล้ว สถานะไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อไปข้าต้องคิดทุกอย่างในฐานะที่เป็นแม่”
นายท่านหลงตบไหล่ของนาง พร้อมพูดขึ้นมาอย่างลึกซึ้งว่า “อืม เจ้ารู้จักคิดแบบนี้ก็ดี ลูก คนทุกคนล้วนมีกรรมตามสนอง กรรมของเจ้าก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”
“กรรมของข้า?”
“ใช่ ตอนที่เจ้าเป็นเด็ก เจ้าทั้งดื้อทั้งซนทำให้แม่ของเจ้าเสียใจแค่ไหน ต่อไปในฐานะที่เจ้าเป็นแม่ก็ต้องทนรับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน นี่ก็คือเวรกรรมตามสนอง”
บางครั้งโล่หมันรู้สึกว่า คนที่อยู่ข้างนางพูดจารุนแรงเกินไป นี่อาจเป็นเพราะว่านางยากจน
นางพูดกล่อมให้พ่อพูดจาสะสมบุญหน่อย มีหลานชายหลานสาวแล้วให้เกียรติหน่อย