บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2052 ได้ยินว่าเย่าฮุยพาพวกท่านน้ามาแล้ว
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2052 ได้ยินว่าเย่าฮุยพาพวกท่านน้ามาแล้ว
บทที่ 2052 ได้ยินว่าเย่าฮุยพาพวกท่านน้ามาแล้ว
ได้ยินคำพูดนี้เข้า ทุกคนต่างก็ทำเสียงดูถูก เป็นเช่นนี้จริงๆ ทำไมช่วยชีวิตคุณหนูเอาไว้ แม้แต่เงินสักแดงก็ขี้เหนียวไม่ให้เป็นรางวัล
สุดท้ายยังจะมาเอาเปรียบผู้มีพระคุณ จะให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนมาแย่งข้าวพวกเขากินอีก เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ
หยู่เหวินเซียวอุ้มเจิ้นลี่ไปอย่างเงียบๆ ในเมื่อเรื่องนี้ไม่สำเร็จก็แล้วไปเถอะ ทิ้งความหวังไว้ให้หวางลิ่วเยว่บ้าง
อย่างน้อยก็เป็นคนจากบ้านเดียวกัน รู้ไส้รู้พุงกันดี เชื่อถือได้
ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรโล่หมันก็เป็นคนที่มีระดับสูงกว่าพวกเขาหนึ่งชั้น ได้เริ่มคิดวางแผนในการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว ไม่ได้คิดเพียงแต่เรื่องที่จะทำให้กินอิ่มนอนอุ่นเท่านั้น เพราะฉะนั้น ตอนที่ฮูหยินกรมพิธีการกับแม่สื่อมาคุยเรื่องแต่งงาน นางได้ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินความคิดขององครักษ์เงาดำ ก็เริ่มรู้สึกว่ารูปแบบมันเล็กลง เมื่อนำมาคิดอย่างละเอียด ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมตระกูลเหวินไม่ให้รางวัลเป็นเงิน ช่วยชีวิตลูกสาวพวกเขาเอาไว้ แต่ไม่ตอบแทนอะไรเป็นการขอบคุณเลย
การทำตัวเช่นนี้ ช่างเป็นคนไร้วิสัยทัศน์จริงๆ
ฉะนั้น พรุ่งนี้นางจะให้คำตอบกลับไป บอกว่าองครักษ์เงาดำได้มีคนที่ชอบอยู่ที่บ้านเกิดแล้ว ไม่สามารถแต่งงานกับคุณหนูของตระกูลเหวินได้
นางเน้นย้ำเป็นพิเศษว่า เรื่องที่องครักษ์เงาดำช่วยคุณหนูของ ตระกูลเหวินเอาไว้ มาจากจิตใจที่มีคุณธรรมของชาวยุทธเท่านั้น เพื่อช่วยคนเท่านั้น ไม่ได้หวังสิ่งอื่นใด
หลังจากที่ฮูหยินกรมพิธีการได้ยินแล้ว แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกชื่นชมในการวางตัวขององครักษ์เงาดำมาก จึงยกนิ้วโป้งให้กับโล่หมัน “แม้ว่าเป่ยถังของพวกท่านจะจนไปสักหน่อย แต่ก็มีคนดีอยู่มาก โดยเฉพาะคนที่มีคุณธรรมหาญกล้าอย่างแม่ทัพองครักษ์เงาดำที่ควรค่าแก่การยกย่อง ความหมายของพระชายาหม่อมฉันเข้าใจแล้ว ทางด้านตระกูลเหวิน หม่อมฉันรู้ดีว่าควรจะตอบอย่างไร”
แม่สื่อยังคงไม่ตายใจ ถามขึ้นมาอีกว่า “จะไม่พิจารณาอีกครั้งหรือ แม่นางเหวินจิตใจดีมีคุณธรรมมาก ถ้าหากแต่งงานกับนาง แค่สินสอดติดตัวนางที่มีอยู่มากมายแล้ว คิดว่าคงจะสามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของพวกท่านให้ดีขึ้น……” “ไม่ต้องพูดแล้ว ”ฮูหยินได้ยินแม่สื่อกำลังจะพูดเรื่องที่ทำลายศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายออกมา จึงรีบห้ามเอาไว้ แม้ว่าเรื่องที่เป่ยถังยากจนนั้นเป็นเรื่องที่ใครๆต่างก็รู้กัน แต่ไม่ว่าอย่างไรคนตรงหน้าก็เป็นถึงพระชายาของเป่ยถัง จะให้พูดถึงข้อเสียต่อหน้านางได้อย่างไร
โล่หมันกลับไม่สนใจ เพราะชินกับเรื่องนี้แล้ว
เมื่อส่งพวกนางแล้ว โล่หมันก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ตระกูลเหวินไม่ได้ให้ของขวัญขอบคุณ ทำเกินไปจริงๆ
ไม่ ไม่ สิ่งที่จะครุ่นคิดไม่ใช่เรื่องนี้ นางส่ายหน้าไปมาครู่หนึ่ง
แต่งงานแล้วมีความสุขหรือ คนเราจำเป็นต้องแต่งงานจริงๆอย่างนั้นหรือ
แม้ว่าจะต้องแต่งงานแน่ๆ แต่คนเรามีชีวิตอยู่บนโลก ก็ต้องลองดูมิใช่หรือ กลุ่มผู้ชายติดตามพวกเขามาที่นี่จากเป่ยถัง ชีวิตไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ยังคงลำบากยากแค้นเหมือนเดิม
ช่างไม่ยุติธรรมกับพวกเขาจริงๆ
อีกอย่าง พวกเขาส่วนใหญ่ก็เลยเวลาที่จะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว จนตอนนี้ก็ยังคงอยู่กันอย่างโดดเดี่ยว เมื่อก่อนมักจะบอกว่าไม่อยากแต่งงาน อย่างองครักษ์ลับผี ซึ่งก่อนหน้านี้อยากจะจับคู่เขากับหยู่เหวินฝู ก็ถูกเขาปฏิเสธกลับมาอย่างดุดัน
เพียงแต่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาแค่คำนึงถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ที่จริงในใจก็อยากจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนกัน
โล่หมันคิดว่าถึงเวลาต้องเรียกประชุมแล้ว ต้องปรึกษาปัญหานี้กับทุกคนในเชิงที่ลึกมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ตอนค่ำหลังจากกินอาหารค่ำแล้ว นางก็เรียกให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานบ้าน ถามขึ้นว่า “เพราะเรื่องขององครักษ์เงาดำกับคุณหนูของตระกูลเหวิน ทำให้ข้าคิดได้หลายเรื่อง คนเราเกิดมาชาตินี้ มีเรื่องใหญ่บางเรื่องในชีวิตไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เสร็จสิ้น อย่างเช่น การแต่งงานมีลูก สร้างครอบครัวหารายได้ พวกเจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าหากจะแต่งงานก็ต้องรีบเลือกสรรกันแล้ว เพราะถ้าอายุมากแล้ว เกิดอยากจะแต่งงานขึ้นมา ก็ไร้อารมณ์ ไร้กำลังกันแล้ว ”
ทุกคนต่างก็จ้องมองโล่หมันอย่างสงสัย จากนั้นก็มองหน้ากัน หรือว่า ให้นางอยู่บ้านดูแลลูกทุกวัน ทำให้สมองนางพังไปแล้ว
อยู่ดีๆ ก็พูดถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมา คิดว่าตนเองคลอดลูกสองคนแล้ว จะเป็นการสร้างผลงาน และเหนือกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ คิดว่าจะช่วยพวกเขาจัดการเรื่องการแต่งงานได้แล้วอย่างนั้นหรือ
ก่อนที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา ทำไมไม่ก้มดูกระเป๋าตนเองซะก่อนว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่
หยู่เหวินเซียวสนับสนุนความคิดของภรรยา พูดว่า “ในกลุ่มพวกเจ้าหากมีคนอยากแต่งงาน สามารถเอ่ยออกมาได้ พวกข้าจะช่วยจัดการให้โดยเร็วที่สุด”
ทุกคนต่างก็รู้สึกกังวล ตอนนี้คนที่ไร้สมองนอกจากพี่หมันแล้ว ยังมีท่านอ๋องด้วย
แต่ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกตินั้นย่อมมีเหตุผล พวกเขาจะเอาเรื่องการใช้เงินมาล้อเล่นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
องครักษ์เงาดำเหลือบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยขึ้นมา “พี่หมัน เจ้าพูดมาซะดีๆ ไม่ได้ลาภลอยมาใช่หรือไม่”
“ถามเรื่องแต่งงานของพวกเจ้า ทำไมจึงเอ่ยถึงเรื่องลาภลอย ข้ามีเงินเท่าไหร่ พวกเจ้าไม่รู้หรืออย่างไร”
แต่ไหนแต่ไรบัญชีนั้นเปิดเผยมาตลอด ใช้จ่ายเงินไปเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็รู้ดี
“ในเมื่อไม่ได้มีลาภลอย ทำไมจึงได้พูดเรื่องจัดการงานแต่งงานขึ้นมาเล่า ”องครักษ์เงาดำพูดขึ้น
“ข้าไม่อาจจะเห็นแก่ตัวได้ พวกเจ้าติดตามข้ากับพี่เหว่ยมาที่แคว้นต้าโจว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตพวกเจ้าดีขึ้นเลย……”
“เพราะฉะนั้น พวกท่านคิดว่าเมื่อแต่งงานแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือ”องครักษ์สายฟ้าถามกลับ
“อย่างน้อย ก็เสร็จสิ้นภารกิจใหญ่ในชีวิตเรื่องหนึ่ง ”
“เหลวไหล”ในปากขององครักษ์เงาดำกัดต้นหญ้าเอาไว้ “เดิมทีก็มีชีวิตที่ไม่ร่ำรวยอยู่แล้ว ยังจะแต่งงานรับคนเพิ่มเข้ามา ไม่เท่ากับเพิ่มภาระหรอกหรือ ชีวิตคนเรากำหนดไว้ว่าต้องแต่งงานให้ได้หรืออย่างไร นอกจากเรื่องนี้ ก็ไม่มีเรื่องใหญ่เรื่องอื่นแล้วหรือ”
โล่หมันถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “พวกเจ้าไม่อยากจะแต่งงานจริงๆหรือ พวกเจ้าอยู่ข้างกายข้ากับพี่เหว่ยตลอดทั้งวัน มองดูพวกเรารักใคร่กลมเกลียวกัน ……”
“รักกันหรือ”ทันใดนั้นสายตาเหล่านั้นก็มองไปยังใบหน้าพวกเขา เต็มไปด้วยความฉงนสงสัย พวกเขาไม่สนใจเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน การทำลายข้าวของครึกโครมแบบนั้นนับว่าเป็นความรักหรือ
ช่างน่าไม่อายจริงๆ
องครักษ์เงาดำโมโหขึ้นมาทันที “พวกเจ้าดูเรื่องที่ทำมาหลายปีนี้ เดิมทีก็ยากจนมากอยู่แล้ว ยังจะแต่งเมียน้อยมาตั้งสองคน ตอนนี้ยังคลอดลูกออกมาอีก ถ้าหากไม่มีพวกเรา อาศัยแค่พวกเจ้าสองคน สามารถเลี้ยงดูทั้งสี่คนนี้ได้หรือ ไม ห้าคนต่างหาก ยังมีชิวฉานอีก”
โล่หมันมองเขา “คำพูดของท่าน ประเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายบอกพวกนางเลย บอกว่าเจ้ารังเกียจที่พวกนางไร้ความสามารถ เจ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดีด้วย”
“……”องครักษ์เงาดำชะงักไป “ข้าเคยพูดเมื่อไหร่ว่าพวกนางไร้ความสามารถ เจ้าอย่าพูดเหลวไหลนะ เจ้าจะเขียนจดหมายเมื่อไหร่ จดหมายนั่นต้องให้ข้าดูก่อนจะส่งไปที่ม้าส่งจดหมาย”
หยู่เหวินเซียวพูดกับโล่หมันว่า “ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมาย ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนข้าได้ส่งจดหมายกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ให้คนคุ้มกันส่งพวกเด็กๆมา เมื่อนับเวลาแล้ว ก็คงจะถึงในไม่กี่วันนี้ ใช่แล้ว ใต้เท้าจางจะเป็นคนส่งพวกนางกลับมา ใต้เท้าจางจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกฎหมายกับทางด้านกรมอาญาของแคว้นต้าโจวพอดี ”
โล่หมันตอบรับเสียงหนึ่ง รู้สึกดีใจมาก “พวกนางมาก็ดีแล้ว อีกอย่างใต้เท้าจางมาแล้วยังสามารถเลี้ยงข้าวพวกเราด้วย พวกเราจะได้ร่วมยินดีที่เขาได้เลื่อนตำแหน่ง ”
ใต้เท้าจางถูกย้ายจากกรมการพระนครไปทำหน้าที่เป็นรองเจ้ากรมอาญา กำกับดูแลเรื่องเรือนจำของเป่ยถัง กฎหมายของเป่ยถังต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข ฉะนั้นจึงต้องมาเรียนรู้จากแคว้นต้าโจว
องครักษ์เงาดำดีใจมาก เย่าฮุยมาแล้ว จะได้กินอาหารดีๆแล้ว