บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2053 กลุ่มคนที่น่ารัก
บทที่ 2053 กลุ่มคนที่น่ารัก
แต่ว่า กลับมาพูดเรื่องสำคัญก่อน หยู่เหวินเซียวกับโล่หมันยังคงถามพวกเขาถึงสาเหตุที่ไม่ยอมแต่งงาน
หลังจากถามแล้ว ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่กระจ่างได้ ก็แค่คำพูดเดียว ไม่อยากแต่งงาน และไม่เคยคิดจะแต่งงานด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำอีก
ผ่านไปไม่นาน ใต้เท้าจางก็ได้นำองครักษ์คุ้มกันมาส่งท่านน้าหยุนท่านน้าเมิ่งและชิวฉานมาถึงเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว
เมื่อพวกนางเห็นเด็กๆ ก็ตื้นตันจนกอดกันร้องไห้ เหล่าท่านน้าต่างก็รู้สึกผิดมาก พี่หมันคลอดลูก แต่พวกนางกลับไม่ได้อยู่ช่วยนาง
พวกนางพูดถึงความยากลำบากของผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์จนถึงตอนคลอดลูก แล้วได้ยินว่าโล่หมันนั้นคลอดลูกในป่าที่แสนห่างไกล ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ได้
ทุกคนจึงจ้องมองโล่หมันตาไม่กะพริบ ผู้หญิงของนางนางก็ต้องปลอบใจเอง
โล่หมันได้แต่ไปบอกกับพวกนางว่า ตนเองตั้งครรภ์แค่สองเดือนเท่านั้น ยังไม่เคยรับรู้ถึงความลำบากของคนตั้งครรภ์เลย ก็คลอดลูกแล้ว
ส่วนเรื่องความเจ็บปวดตอนคลอดนั้น ก็รู้สึกเหมือนเวลากินอิ่มมากไปแล้วอยากจะวิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น
เหล่าท่านน้าได้ยินแล้วก็หยุดร้องไห้ทันที แต่เห็นทุกคนต่างก็ผอมลง ดำคล้ำขึ้น รับรู้ได้ว่าการใช้หนี้ในแคว้นต้าโจวนั้นลำบากมาก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
ส่งคนที่ไทเฮาส่งมาให้กลับไปแล้ว หลังจากนี้จวนนี้ก็มีพวกนางสามคนซึ่งเป็นผู้หญิงคอยดูแลทั้งหมด พวกผู้ชายแค่รับผิดชอบทำงานข้างนอก พวกนางรับผิดชอบเป็นแนวหลัง รับประกันว่าพวกเขาจะมีมื้ออาหารร้อนๆให้กินหลังจากที่กลับจากการทำงาน
แต่โล่หมันกลับฟ้องพวกนางหลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วอย่างไม่ค่อยจะฉลาดนักว่า องครักษ์เงาดำได้พูดพวกนางลับหลังว่าเป็นพวกไร้ความสามารถ ไม่มีประโยชน์ต่อใครเลย อีกอย่าง ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ และเอาแต่บ่น
ท่านน้าทั้งสองกับชิวฉานคว้าไม้แส้ได้ก็วิ่งไล่ตามองครักษ์เงาดำไปทันทีองครักษ์เงาดำพลางด่าพลางวิ่งไปทางด้านนอก พี่หมันช่างใจดำจริงๆ แค่ฟ้องไม่พอ ยังใส่สีตีไข่อีก แต่ตนเองกลับแก้ต่างไม่ได้เลย เพราะเหล่าท่านน้ากับชิวฉานต่างก็เชื่อนางไม่เชื่อเขา
องครักษ์เงาดำหนีไปแล้ว จึงตีไม่ได้ แต่การแก้แค้นอยู่ในช่วงมื้อค่ำ เนื้อในถ้วยของเขาเห็นได้ชัดว่าน้อยกว่าคนอื่นมาก แต่มีผักกาดเต็มไปหมด
เรื่องนี้เขาทนไม่ได้ ยืนออกมาบอกว่าจะตีเขาก็ได้ แต่ไม่ยอมให้หักอาหารเขา
ท่านน้ากับชิวฉานเดินเข้าไป เวียนกันเหยียบเท้าเขาคนจะสองที จึงชดเชยเนื้อที่ขาดหายไปจากถ้วยของเขาคืนให้
ใต้เท้าจางไม่ปรากฏตัว หลังจากที่เขาส่งคนมาให้แล้วก็กลับไปอยู่ที่จวนที่ศาลหงหรูเตรียมไว้ให้ ที่นั่นมีอาหารมากมาย แทบจะเรียกได้ว่าฟุ่มเฟือย เขาไม่มีทางมาลำบากที่นี่แน่
เพียงแต่ ใต้เท้าจางไม่มา เหล่าคนในหอจัยซิงก็มีขานี่นา เพื่อนเก่าเดินทางไกลมาจากบ้านเกิดทั้งที พวกเขาต้องทำหน้าที่เจ้าที่ที่ดี ไปหาเขาเพื่อให้เขาเลี้ยงข้าวสักมื้อ รำลึกถึงความหลังสักหน่อย
ระหว่างงานเลี้ยง ก็พูดถึงเรื่องโล่หมันคลอดลูกขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งคลอดครั้งเดียวถึงสองคน
อย่างไรเสีย ก็ต้องนับญาติกันสักหน่อย ภรรยาของใต้เท้าจางจวิ้นจู่หมิงเยว่ พ่อของจวิ้นจู่หมิงเยว่เป็นอาของหยู่เหวินเซียว เช่นนั้น ใต้เท้าจางจะเป็นอะไรของเด็กๆ
ทุกคนเถียงกันอยู่นาน ก็ไม่มีข้อสรุป แต่เป็นญาติกันอย่างแน่นอน และใกล้ชิดกันมากด้วย
ผู้อาวุโสที่ชิดเชื้อกันขนาดนี้ จะไม่เตรียมของขวัญให้เด็กๆเลยหรือ
ภายใต้การส่งสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อม ในที่สุดใต้เท้าจางก็เอ่ยขึ้นช้าๆว่า “เตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่อยากจะดูสงครามสักครั้ง สงครามที่พวกเจ้าต่อสู้จนสิ้นเนื้อประดาตัว หลังจากที่พวกเจ้าไม่อยู่เป่ยถังแล้ว ข้าก็รู้สึกว่าชีวิตได้ถูกชำระล้างจนหมดจด ตอนที่เดินทางมาก็รู้สึกมีความคิดต่ำตมขึ้นมา ว่าอยากจะเห็นใบหน้าบ้านๆธรรมดาของพวกเจ้ามาก”
ใต้เท้าจางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จะว่าอย่างไรดี ตอนไม่เจอหน้าก็คิดถึง ตอนเจอกันแล้วก็ไม่รู้สึกเท่าตอนคิดถึง แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดอยู่เสมอ หลังจากสร้างผลงานจากการทำสงครามแล้ว พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าสู่แคว้นต้าโจวเพื่อใช้หนี้โดยไม่หยุดพักเลย อีกทั้งยังเป็นหนี้ที่ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
“พรุ่งนี้ ข้าจะไปที่จวนของพวกเจ้า เชิญพวกเจ้ากินข้าว และส่งของขวัญไปให้ด้วย”
ทุกคนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที กอดไหล่ของใต้เท้าจางเอาไว้ เอาแต่เรียกเขาว่าพี่ชาย เรียกอย่างสนิทสนมมาก
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ใต้เท้าจางนั่งอยู่บนบันไดหินที่เย็นเฉียบ สายลมในต่างบ้านต่างเมือง หนาวเย็นกว่าลมของบ้านเกิดหลายส่วน
เขาคิดถึงเรื่องราวเก่าๆมากมาย กลุ่มคนที่น่าเคารพและน่ารักแห่งหอจัยซิงเหล่านั้น ……
เซเว่นอัพฟังถึงตรงนี้ กดปุ่มหยุดชั่วคราวบนปากกาบันทึกเสียง ถามอย่างสงสัยว่า “ตอนนั้นพวกท่านจากไปกันหมดแล้ว รู้ได้อย่างไรว่าใต้เท้าจางกำลังนั่งคิดถึงกลุ่มคนที่น่าเคารพและน่ารักของหอจัยซิงอยู่ที่บันไดหินเล่า”
โล่หมันชะงักไป แต่หลังจากนั้นก็อธิบายว่า “นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดขึ้นในตอนหลัง มีเรื่องราวมากมายที่พวกเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ทำไมจึงเล่าให้เจ้าฟังได้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะหลังจากนั้นพวกเราได้นั่งปรึกษากัน ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจความคิดของทุกคนหลังจากผ่านประสบการณ์ต่างๆมาอย่างชัดเจน ”
เซเว่นอัพรู้สึกว่าคำอธิบายนี้ดูไม่ถูกต้องไปเสียหมด เรื่องสำคัญมานั่งปรึกษากันนั้นไม่ผิด แต่ในยามดึกใต้เท้าจางนั่งอยู่บนบันไดหินที่แสนจะเย็นเยียบ คิดถึงกลุ่มคนที่น่าสงสารและน่าเวทนา……กลุ่มคนที่น่านับถือและน่ารักเหล่านั้น คิดว่าพวกเขาคงไม่มีทางแบ่งปันความคิดของตนเองให้ใครฟังแน่
ฉะนั้น นี่จึงเป็นเรื่องคิดไปเองของพระชายาแก่เท่านั้น
เฮ้อ ช่างเป็นคนน่าสงสารจริงๆความทรงจำดีๆที่เกี่ยวกับพวกเขา ที่จริงล้วนเป็นการมโนขึ้นมาเอง
แต่ว่า เรื่องที่ว่าทำไมพวกเขาไม่แต่งงาน ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนมาโดยตลอด ปัญหานี้ต้องบันทึกเอาไว้ รอให้คุยกับพระชายาเสร็จแล้ว ค่อยไปถามพวกเขา