บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2056 กลับจวนอ๋องซู่
บทที่ 2056 กลับจวนอ๋องซู่
คนกลับถึงนอกเมืองแล้ว ย่อมอยู่ข้างนอกทั้งคืนไม่ได้แน่
ทว่าพวกเขายิ่งใกล้ถึงบ้านก็ยิ่งกระวนกระวาย ใกล้ถึงบ้านเกิดก็ยิ่งร้อนรน หากเคาะให้เปิดประตูไม่ได้ ต่อให้ปีนกำแพงเมืองก็ต้องข้ามไปให้ได้
เดือนสองหนาวเหน็บ วันก่อนยังมีหิมะตกหนัก หลังจากปิดประตูเมืองแล้ว แม่ทัพเฝ้าประตูเมืองก็ยังไม่จากไปไหน แต่สั่งงานอยู่ในนั้น
เมื่อนั้นก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูเมือง ทหารรักษาประตูระแวดระวังทันที แม่ทัพหลี่แม่ทัพเฝ้าประตูเมืองนำทหารขึ้นไปดูบนหอประตูเมืองอย่างห้าวหาญ ดูสิว่าผู้ใดวางมาดใหญ่โต ปิดประตูเมืองแล้วถึงกับกล้าเรียกให้เปิดอีก
ครั้นชูคบเพลิง คนแน่นขนัดที่อยู่เบื้องล่างแหงนหน้าขึ้น ด้วยความยากลำบากในการเดินทาง ดินฝุ่นจับอยู่บนใบหน้า บดบังหน้าตาหล่อเหลาแต่เดิม
แต่ดีที่กลิ่นอายความยากจนบนตัวจะปกปิดอย่างไรก็ปกปิดไม่มิด
แม่ทัพหลี่พลันรู้ในแวบแรก น้ำตาร้อนรื้นดวงตา ตะโกนเสียงดัง “เปิดประตูเมือง เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นก็วิ่งลงไปข้างล่างด้วยความตื่นเต้น บันไดหินลื่น แม่ทัพหลี่หวิดลื่นล้มลงไปแล้ว
ต่อให้แม่ทัพหลี่ลืมใคร ก็มิอาจลืมพวกเขา
ประตูเมืองเปิดกว้าง คบเพลิงส่องแม่ทัพที่มาจากต่างแดน แม่ทัพหลี่นำคนขึ้นหน้า คุกเข่าข้างหนึ่งทำความเคารพ
หยู่เหวินเซียวรองข้อมือของเขา อมยิ้มเอ่ย “แม่ทัพหลี่ ไม่พบกันนาน ท่านยังเหมือนเดิมเลยนะ”
ลมกรรโชก พัดจนดวงตาแม่ทัพหลี่เกิดเป็นไอหมอก “ท่านอ๋อง ข้าน้อยคิดถึงท่านกับแม่ทัพทั้งหลายเหลือเกิน พวกท่านสบายดีไหมขอรับ?”
“พวกเราดียิ่ง ดูสิ บึกบึนกำยำเหมือนเดิม” หยู่เหวินเซียวตบบ่าของเขา ยิ้มเอ่ย
แม่ทัพหลี่ปาดน้ำตา “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
เขามองเสือขนทอง หมาป่าหิมะ เจ้าหูแหลม เฮ้อ แม่ทัพสัตว์เทพก็ดูโรยราไปมาก น่ากลัวว่าได้รับความลำบากแล้ว
เขาขึ้นหน้าไปคาราวะแม่ทัพสัตว์เทพ แม่ทัพสัตว์เทพผงกหัวเล็กน้อย ทั้งยังใช้หัวแตะมือของเขาทีหนึ่ง เป็นการแสดงออกว่าคิดถึงอีกฝ่าย
น้ำตาแม่ทัพหลี่พลันทะลักขึ้นมาอีก
“พวกเราเข้าเมืองแล้ว พรุ่งนี้จวนอ๋องซู่จะจัดงานเลี้ยงใหญ่ เชิญแม่ทัพหลี่มาเร็วหน่อย” หยู่เหวินเซียวรู้สึกว่าบุญคุณอาหารในตอนนั้นควรทดแทน ถึงอย่างไรก็ต้องเลี้ยงแขก ก็ควรเลี้ยงแม่ทัพหลี่สักมื้อ
“แน่นอน แน่นอน!” แม่ทัพหลี่เอ่ยด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนประสานมือไปทางแม่ทัพหลี่ แม่ทัพหลี่ทักทายทีละคน คนเหล่านี้ ใบหน้าเหล่านี้ ปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ แล้ว ตั้งแต่พวกเขาไปจากเป่ยถัง มีคนเท่าไรที่คิดถึงพวกเขา
ครั้นเห็นพวกท่านน้าอุ้มเด็ก แม่ทัพหลี่ก็หยุดชะงักแล้วร้องไอ้หยาเสียงหนึ่ง ลูกตาเบิกกว้าง อ๋องชินเฟิงอันมีทายาทแล้ว ดีเหลือเกิน!
ครั้นบอกลาแม่ทัพหลี่ ขบวนใหญ่ก็เข้าเมือง
เนื่องจากเป็นยามวิกาลจึงไม่ได้ทำให้อึกทึกครึกโครม อยากกลับไปพักผ่อนเท่านั้น เร่งเดินทางเหน็ดเหนื่อยจริงๆ
บัดนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยอยู่ในจวนอ๋องซู่ แต่ซูลั่วชิงยังให้คนมาทำความสะอาดเป็นเวลา ทำจวนอ๋องให้สะอาดอยู่เสมอ
ดังนั้นหลังจากเข้าประตูใหญ่ไปแล้ว ก็ไม่เห็นภาพกองใบไม้อย่างที่คาดไว้ ทุกหนทุกแห่งเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างของจัดวางเป็นระเบียบ
พวกเขาไม่รีบกลับไปพักผ่อน แต่เดินรอบจวนอ๋องรอบหนึ่ง เรือนทิงหยู่เซวียน หอหลิงอวิ๋น ลานด้านหน้า ลานด้านหลัง และกลับหอจัยซิงเป็นลำดับสุดท้าย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในวันวาน แพล็บเดียวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
ทุกเช้า ปล่องควันของหอจัยซิงจะเริ่มมีควันโขมงโฉงเฉง กลิ่นหอมของอาหารเช้าตลบอบอวลไปทุกซอกมุม ในลานบ้านจะมีชายกำยำล้างหน้าบ้วนปาก พวกหนุ่มน้อยจะวิ่งโร่มากินอาหารเช้า จากนั้นก็วิ่งแจ้นกลับไปร่ำเรียนราวกับไฟไหม้ก้น
น้องสิบแปดตะกละตะกลามเป็นที่สุด ทุกครั้งที่วิ่งออกไปยังต้องคว้าหมั่นโถวอีกสองลูกไปด้วย ถูกองครักษ์เงาดำด่าตี
พวกเขาเข้าไปดูเครื่องเรือนอันคุ้นเคยเหล่านั้น รอยมีดและรอยแหว่งเหล่านั้นล้วนเป็นร่องรอยการดำรงชีวิตของพวกเขา
หลังห้องครัวมีห้องเก็บฟืน ด้านล่างห้องเก็บฟืนเป็นห้องลับ ในห้องลับมีอาวุธที่เกินอายุ และยังมีอาวุธที่มีสนิมเป็นกอง
เวลาล่วงเลยผ่านหอจัยซิง กำแพงเป็นดอกเป็นดวงมากขึ้น ลายแกะสลักบนหน้าต่างเก่าซีด
หลังจากพวกเขาไปแคว้นต้าโจว ท่านน้ากับจักจั่นก็ไม่อยู่ที่นี่ แต่ตามไปที่พักของจี๋เอ๋อร์ ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีคนอยู่อาศัย
หยู่เหวินเซียวจูงมือโล่หมันขึ้นชั้นสอง
ครั้นผลักประตูก็มีฝุ่นควันถาโถมเข้ามา พวกเขาเปิดหน้าต่าง ผลักประตูระเบียง เสือขนทองเข้าไปยึดครองตำแหน่งเดิมของมันก่อน นอนขดอยู่ตรงนั้น เหลือบมองลานของหอจัยซิง
เมื่อก่อนมันกระโดดลงจากที่นี่ ท่วงท่าองอาจ
นี่คือท่วงท่าแสดงความน่าเกรงขามของมัน ความน่าเกรงขามนี้หาผู้ใดเทียบเทียมไม่ได้
โล่หมันนอนอยู่บนเตียงใหญ่ มองทุกสิ่งที่คุ้นเคย แต่กลับยังมีรู้สึกเหมือนฝันไป
โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งย่างเท้าเข้าจวนอ๋องซู่ รู้สึกว่าทำไมจวนอ๋องที่เคยครึกครื้นถึงกลายเป็นสถานที่เงียบเหงาเช่นนี้ไปได้?
คนเหล่านั้นล่ะ? คนเหล่านั้นที่เคยอยู่ในจวนอ๋องซู่ล่ะ?
เพราะจวนอ๋องซู่ในความทรงจำมักมีคนมากวุ่นวาย มีกลิ่นอายของผู้คนและความยากจนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“อยากเจอจี๋เอ๋อร์หรือ?” หยู่เหวินเซียวนอนอยู่ข้างนาง สองมือรองอยู่ที่หลังศีรษะ เอ่ยเสียงเบา “ถ้าอยากเจอเขา ข้าจะไปรับเขากลับมาเจอเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ไม่รีบ พรุ่งนี้ค่อยเจอก็ได้” คืนนี้ดึกเกินไปแล้ว พอจี๋เอ๋อร์ตื่นเต้นก็จะนอนไม่หลับ ถ้าให้เขามาคืนนี้ เขาก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้ว
หยู่เหวินเซียวยืนกราน “ไม่เป็นไร ข้าไปเองก็ได้ ขอเพียงเจ้าบอกว่าอยากพบเขาก็พอ”
โล่หมันหันหน้ามองเขา “เจ้าต่างหากที่อยากเจอเขา”
“ข้าอยากให้เขาเจอลูก เขาเป็นท่านอาแล้ว”
โล่หมันยิ้มเอ่ย “เมื่อก่อนเขาก็เป็นท่านลุงของลูกซูลั่วชิง ตอนนี้ยังได้เป็นท่านอาอีก เขาต้องดีใจมากแน่ๆ”
“นั่นสิ อยากเห็นท่าทางดีใจของเขา” ความดีใจอันบริสุทธิ์ของจี๋เอ๋อร์ เป็นความงดงามอันหมดจดในใจของทุกคน
“ไม่ต้องรีบเรียกเขามา คืนนี้ให้เขานอนให้ดีก่อน พรุ่งนี้ให้ทุกคนส่งเทียบเชิญ พวกเราไม่ใช่ว่ายังต้องจัดงานเลี้ยงหรือ?”
อยากเห็นตอนที่ทุกคนเห็นเทียบเชิญเสียจริง จะตื่นเต้นอย่างไรกันนะ