บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2057 ย้อนแผน
บทที่ 2057 ย้อนแผน
ในจวนอ๋องชาง ดวงไฟสว่างโร่
หยู่เหวินฮู่ฮ่องเต้ในปัจจุบัน น้องสิบแปดที่เพิ่งได้รับเกียรติขึ้นเป็นรองโสวฝู่ โสวฝู่ฉู่ที่เพิ่งเลื่อนยศเป็นเลขานุการกรมข้าราชการพลเรือน ซูฟู่เป็นขุนนางเน่ย์เก๋อ ใต้เท้าจางเลขานุการกรมอาญา อ๋องชางและชายา อ๋องชางซื่อจื่อและชายา อ๋องหยุนและชายา อู๋เวยเจิ้นที่เพิ่งกลับมาจากชายแดนและรับตำแหน่งที่เมืองหลวง
นอกจากพระราชนัดดาองค์ใหญ่…ไม่ นอกจากอ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋ในตอนนี้แล้ว คนที่ไปมาหาสู่กับหอจัยซิงมากที่สุดแทบจะมากันครบแล้ว
ใต้เท้าจางหัวเราะเย็นทีหนึ่ง “คิดจะกลับมาโดยไม่บอกพวกเรา? ทำให้ประหลาดใจ? เห็นสายสืบของเป่ยถังเราล้าหลังขนาดไหนกัน? ตั้งแต่พวกเขาย่างเข้าผืนแผ่นดินเป่ยถัง พวกเราก็รู้แล้ว ตลอดทางมีพิราบส่งข่าวบินไม่หยุด ความระวังตัวพวกเขาแย่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ถึงกับไม่รู้ว่าถูกติดตามตลอดทาง”
ฮ่องเต้เจ้าหกปัดมือ “จะว่าพี่เหว่ยอย่างนี้ก็ไม่ได้ พวกเขารีบร้อนจะกลับมา อีกอย่างก็เข้าเขตแคว้นตัวเองแล้ว ยังต้องระวังอะไรอีก?”
“ฝ่าบาทตรัสได้มีเหตุผล!” ซูฟู่รีบสมทบอยู่ข้างๆ เขามองลูกเขยของตัวเองด้วยความปลื้มปีติ หลายปีมานี้ แม้ในความฝันเขายังกลับถึงจวนอ๋องซู่ กลับมายังสถานที่ที่ต้องดูสีหน้าคน
บางครั้งตื่นขึ้นมา ยังไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองเป็นพ่อตาของฮ่องเต้แล้ว ทั้งยังเข้าเน่ย์เก๋ออีก บัดนี้เขาเป็นใต้เท้าซูสมจริงแล้ว
ในบรรดาสามตัวน้อย บัดนี้มีเพียงเจ้าหกที่แต่งงาน เจ้าหกแต่งกับซูเสี่ยวเม่ยบุตรสาวซูฟู่ แม้ไม่นับเป็นสามีภรรยาที่ปรองดอง แต่ก็เคารพซึ่งกันและกัน
หลายปีนี้ สามตัวน้อยเกิดเรื่องราวมากมาย แต่เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี อยากพูดแต่เรื่องดีๆ เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะตอบกลับแผนที่พวกเขาจะทำให้พวกเราประหลาดใจอย่างไรดี?” น้องสิบแปดเท้าคางกลมถาม
ซูฟู่ถาม “พรุ่งนี้เขาต้องมาเชิญพวกเราไปงานเลี้ยงแน่ พวกเราต้องไม่อยู่บ้าน อยู่ข้างนอก ให้พวกเขามาเสียเที่ยว แล้วค่อยจัดงานเลี้ยงที่จวนผิงเล่อกงรอพวกเขา แบบนี้จะเป็นการตลบหลังทำให้ประหลาดใจหรือไม่?”
ครั้นทุกคนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว แผนนี้เก่าคร่ำครึ
ใต้เท้าจางตบบ่าของซูฟู่ “ใต้เท้าซู แต่ไหนมาท่านมีแผนมากมาย หลายครั้งมักต่างจากผู้อื่น แต่คราวนี้ท่านทำให้ทุกคนผิดหวังนัก ธรรมดา”
ซูฟู่เหงื่อตก “ช่วงนี้ดื่มสุรามากไปหน่อย สมองจึงเลอะเลือน ข้าคิดดูอีกที”
บัดนี้ต้องคบค้าสมาคมบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงหลงทางไปบ้าง
ทุกคนเริ่มกล่าวข้อคิดเห็นของตัวเอง บ้างเสนอให้ไปจวนอ๋องก่อนที่เทียบเชิญจะมา ให้พวกอ๋องชินเฟิงอันทำพวกเขาประหลาดใจไม่ได้
บ้างเสนอให้จงใจสร้างเรื่อง อย่างเช่นฮ่องเต้ทะเลาะกับน้องสิบแปด ทั้งยังชกต่อยกัน รอให้พวกเขามาสงบศึกค่อยบอกพวกเขาว่าไม่ได้ทะเลาะกัน แต่จัดงานเลี้ยงในวัง
บ้างเสนอว่าให้พี่จี๋เอ๋อร์แสร้งป่วย ให้พวกเขาร้อนใจ พอพวกเขามาแล้วก็ค่อยทำให้พวกเขาประหลาดใจ
แต่ความจริง แผนพวกนี้กลับไม่ดีไปกว่าข้อเสนอของซูฟู่
ทว่าทุกคนไม่กล้าทำให้เรื่องใหญ่โตเกินไป มิเช่นนั้นจะจบไม่ได้
สุดท้าย ด้วยการลงคะแนนเสียงของทุกคน ให้ฮ่องเต้ทะเลาะกับน้องสิบแปด ทะเลาะกันให้หนักๆ รอพวกเขาเข้าวังแล้วก็บอกว่าเตรียมงานเลี้ยงในวังแล้ว
แผนนี้ใช่ว่าจะยอดเยี่ยมที่สุด แต่ผู้เสนอคือฮ่องเต้ ทุกคนย่อมต้องคล้อยตาม…จะไม่คล้อยตามก็ไม่ได้นี่นะ! ฮ่องเต้กริ้วจนกระบนในหน้าเด่นชัดแล้ว
จากนั้นทุกคนก็เริ่มหารือในรายละเอียด ฮ่องเต้ยังรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกซูกั๋วกงและซูฟู่ชิงกับซูฟู่เถียนบุตรชายทั้งสองของเขาล่วงหน้า
ตอนนี้ซูฟู่ชิงเป็นเลขาธิการกรมทหาร ส่วนซูฟู่เถียนก็เป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ มีความจำเป็นต้องบอกล่วงหน้า
หลังจากส่งคนไปบอกกล่าวกับซูกั๋วกงแล้ว ซูฟู่ชิงก็พูดขึ้น “จะทำเรื่องให้มากความทำไม? พวกเขาอยากให้เราประหลาดใจ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาสมความปรารถนาไม่ดีหรือ? แม้แต่ฝ่าบาทก็จะเอากับเขาด้วย”
ซูกั๋วกงอมยิ้ม “มีพี่ชายพี่สะใภ้อยู่ พระองค์ก็ยังเป็นเด็กน้อย ให้พระองค์ได้กลับไปเป็นเด็กสักครั้งเถอะ”
ซูกั๋วกงไม่พบบุตรสาวและบุตรเขยมานาน คิดถึงเหลือแสน ทีแรกตอนที่ใต้เท้าจางไป พวกเขายังอยากให้อีกฝ่ายนำของจำนวนหนึ่งไปให้ด้วย แต่พอคิดอีกที รู้สึกว่ารอให้เวลาประจวบเหมาะแล้วเขาค่อยไปด้วยตน
สุดท้าย เขายังไม่ทันไป พวกเขาก็กลับมาแล้ว
เนื่องจากซูกั๋วกงยังไม่เคยเจอเด็กทั้งสอง ยังไม่มีความผูกพันมาก ดังนั้นจึงได้แต่พยายามทำตามแบบที่ตาคนหนึ่งพึงกระทำ
วันถัดมา องครักษ์เงาดำรับผิดชอบนำคนไปส่งเทียบเชิญ ไปจวนอ๋องชางก่อน เพราะพี่หมันบอกแล้วว่าต้องแจ้งกับซูลั่วชิงเป็นคนแรก
แต่พอไปถึงจวนอ๋องชางก็เห็นหยู่เหวินอี้วิ่งมาด้วยความร้อนรน ครั้นเห็นองครักษ์เงาดำเขาก็ตะลึงหนัก “เงาดำ เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร? พวกเจ้ากลับมาแล้ว?”
องครักษ์เงาดำสะบัดหน้า ดื่มด่ำกับความตะลึงของเขา “ถูกต้อง พวกเรากลับมาแล้ว วันนี้มาส่งเทียบเชิญ งานเลี้ยงคืนนี้…”
แต่หยู่เหวินอี้กลับรีบๆ ร้อนๆ เดินออกไปข้างนอก “เอาไว้ค่อยว่ากัน ฝ่าบาทกับน้องสิบแปดตีกันอยู่ในวัง ข้าต้องรีบไปห้าม สวรรค์! ไม่รู้ว่าทำไมถึงตีกันขึ้นมาได้สิน่า เห็นว่าหนักหนาเอาการด้วย น้องสิบแปดถูกตีขาหักแล้ว!”
หยู่เหวินอี้กล่าวจบก็หันไปตะโกนเรียกคนจากข้างใน “เร็วหน่อย รีบไปรับชายาซื่อจื่อที่ร้านเข้าวัง ตอนนี้ข้าจะเข้าวังไปห้ามก่อน อย่าได้ตีกันเป็นอะไรไปเลย เช่นนั้นต้องยุ่งแน่”
หยู่เหวินอี้โหวกเหวกไปก็วิ่งไป วิ่งออกไปสองสามก้าวก็นึกขึ้นได้ว่าองครักษ์เงาดำยังอยู่ ดังนั้นจึงวิ่งกลับมาพูดกับเขา “เงาดำ ไว้ข้ากลับมาแล้วค่อยไปพูดคุยเรื่องเก่าๆ กับเจ้า ขออภัย ขอตัวก่อนล่ะ”
องครักษ์เงาดำอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “เจ้าจะใช้ขาวิ่งหรืออย่างไร? ในจวนไม่มีม้าหรือ?”
หยู่เหวินอี้สะดุ้ง ต้องจริงจังขนาดนี้เชียว? แต่ก็ได้ เขายิ้มแล้วตบหัวตัวเอง “ใช่ๆ ดูสิข้ารีบจนเลอะเลือนไปแล้ว”
เฮ้อ อยากกอดเงาดำจังเลย อดทน อดทน!