บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2058 รนหาที่ตาย
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2058 รนหาที่ตาย
องครักษ์เงาดำก็รู้สึกว่าเรื่องนี้หนักหนาเอาการเหมือนกัน เนื่องจากซื่อจื่ออี้ที่ปกติมักสุขุมใจเย็น ยามนี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ขนาดออกจวนยังไม่ขี่ม้าด้วย
เขารีบกลับจวนอ๋องซู่ บอกเล่าเรื่องที่ฮ่องเต้ลงไม้ลงมือกับน้องสิบแปดกับหยู่เหวินเซียวและโล่หมัน
ระหว่างนั้นเขาได้แสดงจินตาการของตัวเอง บอกเล่าเรื่องราวจนค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากซื่อจื่ออี้บอกว่าน้องสิบแปดขาหัก และวรยุทธ์ของน้องสิบแปดอยู่เหนือฮ่องเต้ เช่นนั้นในสถานการณ์ที่ผู้ที่แกร่งกว่าขาหัก เช่นนั้นผู้ที่ด้อยกว่าอย่างน้อยก็ต้องขาหักสองข้างแล้ว
โล่หมันได้ฟังก็เป็นดั่งน้ำมันราดกองไฟ เพื่อชดใช้เงิน นางอยู่ในแคว้นต้าโจวยุ่งจะเป็นจะตาย พวกเขากลับดี คนหนึ่งเป็นฮ่องเต้ คนหนึ่งคือรองโสวฝู่ ถึงกับทะเลาะวิวาทอยู่ในวังอย่างเปิดเผย หากให้คนใต้หล้าล่วงรู้การกระทำเช่นนี้จะไม่เป็นที่น่าขันหรือ?
นางเดินวนอยู่ในห้องอยากหาของเฆี่ยนนัก แต่กลับไม่พบของที่เหมาะมือ ครั้นเงยหน้าก็เห็นไม้กวาดในมือพี่เหว่ยแล้ว เขาหน้าดำคร่ำเครียด “ไป เข้าวังไปจัดการพวกเขา!”
พี่เหว่ยยังโกรธขึ้งขนาดนี้ เห็นได้ว่าพวกเขาทำเกินไปขนาดไหน
พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องการสังสรรค์ฉลองอะไรได้อีก ยกขบวนควบม้าไปทางวังหลวงทันที
องครักษ์วังหลวงเห็นคนกลุ่มหนึ่งมาอย่างอึกทึกครึกโครมก็เข้าสู่ภาวะระแวดระวังทันที แต่พอเห็นว่าที่นำมาคืออ๋องชินเฟิงอัน และถัดมาคือพระชายาเขา มีพวกเขานำอยู่ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าฝูงที่ตามมาคือใคร ต่างตระหนักว่าคือองครักษ์ลับผู้มีชื่อเสียงเลื่องชื่อลือชานั่นเอง
ประตูวังเปิดกว้าง พวกเขาควบม้าตะบึงเข้าไปโดยตรง เมื่อถามทราบว่าตอนนี้ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ทรงพระอักษร ก็ยกขบวนไปทางนั้นทันที
ในห้องทรงพระอักษรมีเพียงเจ้าหก เสี่ยวอู่และน้องสิบแปดสามคน ส่วนฉางชี่ก็หลบซ่อนอยู่บนหลังคาตำหนัก มองอยู่ไกลๆ พอเห็นขบวนใหญ่มาทางห้องทรงพระอักษรแล้วก็รีบกระโดดลงมาผลักประตูด้วยความตื่นเต้นก่อนจะรายงาน “มาแล้วๆ!”
น้องสิบแปดกับเจ้าหกพยายามทำให้สมจริงสมจัง เมื่อครู่กระชากดอกไม้ประดับศีรษะแล้ว ตอนนี้ก็ทำให้ผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้ายังวาดรอยเลือดอีก และเนื่องจากฉู่เสี่ยวอู่เป็นคนห้ามศึก ดังนั้นจึงอยู่ข้างๆ ตลอด เขายังนับว่าสะอาดเรียบร้อย
เมื่อได้ยินการรายงาน ทั้งสองก็กระเด้งขึ้นมาด่ากันทันที
“น้องสิบแปด เจ้ามันบัดซบ วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าจะไม่ขอแซ่หยู่เหวิน เจ้าเก่งนักนะ ทำเรื่องเหลวแหลกอะไร ยังจะเป็นรองโสวฝู่อีกแน่ะ ด้วยความสามารถของเจ้า คุณสมบัติจะเป็นบ่าวรับใช้ยังไม่พอเลย”
น้องสิบแปดผงะ คุณสมบัติจะเป็นบ่าวรับใช้ยังไม่พอ? นี่จะเกินไปแล้วกระมัง? จากใจหรือเปล่าเนี่ย?
“เจ้าบอกว่าคุณสมบัติข้าไม่พอจะเป็นบ่าวรับใช้? แล้วตัวเจ้าเล่า? วรยุทธ์เจ้าแย่ที่สุด ชกต่อยก็ไม่ใช่คู่ปรับข้า ข้ามือเดียวก็บีบเจ้าตายได้แล้ว”
เจ้าหกหน้าตึง “เล่นละครส่วนเล่นละคร เจ้าจะพูดเรื่องอะไรก็อย่างพูดเรื่องนี้ เจ้าพูดเรื่องอื่นไม่ได้หรือ? ทำไมต้องพูดเรื่องวรยุทธ์ด้วย?”
“ก็วรยุทธ์เจ้าแย่นี่ ทะเลาะกันไม่ใช่ว่าต้องหยิบยกจุดด้อยมาทะเลาะกันหรือ?”
“เจ้าวรยุทธ์สูงแล้วมีประโยชน์อะไร? เจ้าเพิ่งเป็นผู้ชายได้กี่ปี? เจ้าตุ๊ด! ถูกคนตระกูลฉู่อัดจนฉี่ราดกางเกง ขายหน้าสิ้นดี!”
“พอที! จะพูดถึงเรื่องพวกนี้ทำไม?” เรื่องปัสสาวะรดกางเกงเป็นความอัปยศที่ยากจะลืมเลือนของน้องสิบแปด เป็นสหายก็ไม่ควรเอ่ยถึง ดังนั้นจึงพลันโกรธ “แล้วเจ้าเก่งมากหรือ? ตอนเจ้าอยู่ในราชวิทยาลัยก็ไม่ใช่ถูกคนสาดฉี่ม้าใส่หรือ? แล้วยังซ่อนตัวอยู่ในส้วมกับฉู่เสี่ยวอู่ไม่กล้าออกมาอีก พูดถึงเรื่องขายหน้า เจ้าขายหน้ามากกว่าข้าเยอะ ข้าในตอนนั้นดีชั่วยังได้รับภัยคุกคามถึงชีวิต”
“น้องสิบแปด ข้าขอเตือน เลิกพูดเสีย!” เจ้าหกตะคอก เอ็นเขียวบนใบหน้าปูดโปน
“เจ้าก็เลิกพูดเรื่องที่ข้าฉี่ใส่กางเกงสิ ข้าก็จะเลิกพูดเรื่องที่เจ้าถูกสาดด้วยฉี่ม้าเหมือนกัน”
“เจ้าไอ้คนโตแต่ตัวสมองนิ่ม ข้าจะไม่ไว้เจ้า!”
“เจ้าหกหน้ากระ เจ้ากล้าแตะข้าดูสิ? ดูสิว่าข้าจะอัดเจ้าหรือไม่”
เจ้าหกสมองขาดผึง วาดหมัดออกไป “เจ้ากล้าเย้ยว่าข้าหน้ากระหรือ? เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
น้องสิบแปดยื่นมือออกไปกัน หมัดหนึ่งต่อยเข้าหน้าเจ้าหก แล้วยื่นเท้าของเขาออกไปกวาด เจ้าหกล้มลงกับพื้นทันที แต่โชคดีที่ปฏิกิริยาว่องไว ตอนล้มลงพื้นได้ยกเท้าขึ้นเตะขาของน้องสิบแปดด้วย ดังนั้นน้องสิบแปดจึงหกคะเมนไปข้างหน้า ล้มลงพื้นเหมือนกัน
เจ้าหกเห็นดังนั้นก็พลันพลิกตัวเข้าไป น้องสิบแปดไหวพริบดี กลิ้งแล้วใช้ศอกกดทับหลังเขา กดให้เขาอยู่กับพื้น
แต่เจ้าหกก็ใช่ย่อย เมื่อนอนอยู่กับพื้นแล้ว นั่นเป็นการชกต่อยแบบคนป่า ย่อมไม่ให้น้องสิบแปดได้เปรียบง่ายๆ ครั้นกระทืบเท้าตัวก็ถลาไปข้างหน้า เขาพลิกตัวมาทับน้องสิบแปดอีกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มชกต่อยกันบนพื้น
ฉู่เสี่ยวอู่กับฉางชี่ดูอยู่ข้างๆ รู้สึกคาดเดายาก ตอนนี้กำลังเล่นละครหรือทะเลาะกันจริงๆ กันแน่
ดูท่าแล้วเหมือนจะจริง แต่เมื่อครู่ไม่ได้พูดกันแล้วหรือว่าเล่นละคร?
อื่ม เจ้าหกกับน้องสิบแปดน่าจะรู้จักความพอดี กำลังแสดงละครกันอยู่ มืออาชีพมาก แสดงได้สมจริงเหลือเกิน
ดังนั้นฉู่เสี่ยวอู่จึงปลอบอยู่ข้างๆ “น้องสิบแปด พอได้แล้ว ในสายตาเจ้าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างกษัตริย์กับขุนนางหรือ? นี่เจ้าชกต่อยฮ่องเต้มีความผิดล่วงเกินเบื้องสูง ต้องตัดหัวเชียวนะ”
น้องสิบแปดตวาด “ตัดหัว? ดี ตัดหัวข้า ตอนที่ต้องการให้ข้าเล่นละครเป็นพี่น้อง ตอนนี้เป็นเรื่องแล้วก็บอกว่าจะตัดหัวข้า เห็นข้ารังแกง่ายใช่หรือไม่? ฉู่เสี่ยวอู่ เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร นกสองหัว ไม่แน่ไม่นอน!”
ฉู่เสี่ยวอู่อึ้ง “น้องสิบแปด ข้ามาหย่าศึกต่างหาก อย่าเอาเข้าไปเกี่ยวด้วยสิ พวกเจ้าก็ทะเลาะของพวกเจ้าไป”
“ทะเลาะอะไร ที่ข้าพูดเป็นความจริง เจ้าเป็นนกสองหัว ศักดิ์ศรีเล่า? ศักดิ์ศรีเจ้าไม่มีแล้วกระมัง? เห็นว่าเขาเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็เลยลำเอียงทางเขาใช่ไหม? เดือนที่แล้วเจ้าได้เหล้าก็ให้เขาหมด ไม่แบ่งให้ข้าสักกา!”
ฉู่เสี่ยวอู่โมโหจนถีบเขาทีหนึ่ง “ข้าไม่แบ่งเจ้าอย่างไร? ข้าเอาไปส่งให้ที่จวนเจ้า แต่ขุนนางในจวนบอกว่าเจ้าเข้าวัง ข้าถึงได้หิ้วเข้าวังไปร่วมดื่มด้วยกันสามคน เจ้าอย่าให้มันมากนักนะ!”