บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2059 ข้าน้อยมาแล้ว
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2059 ข้าน้อยมาแล้ว
เจ้าหกคว้าใบหูของน้องสิบแปด เอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้ายังกล้าพาลไปถึงเสี่ยวอู่อีก? เหล้าไหนั้นเจ้าดื่มมากที่สุด ดื่มจนอ้วก ยังกล้าบอกว่าไม่มีส่วนของเจ้า? ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย!”
น้องสิบแปดเจ็บหูร้องไม่หยุด “ปล่อยนะ หูข้าจะหลุดออกมาแล้ว เจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย? ไม่ปล่อยข้าจะข่วนหน้าเจ้า!”
เข้ายื่นมือออกไป ไม่สนว่าจะแม่นหรือไม่ ออกแรงข่วนอย่างหนัก แต่การข่วนนี้กลับทำให้ฉู่เสี่ยวอู่บาดเจ็บ
ฉู่เสี่ยวอู่ลูบใบหน้า พอเห็นว่ามีเลือดออกก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งตัวเข้าไปต่อย
สามคนตะลุมบอนกันตัวกลม
ฉางชี่อุดปากอยู่ข้างๆ โอ้โฮ สมจริงสุดๆ ถ้าไม่ได้รู้แต่แรกว่าพวกเขาเล่นละคร ยังนึกว่าทะเลาะกันจริงๆ แล้ว
แต่ทำไมโสวฝู่ฉู่ต้องเข้าร่วมด้วยล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาต้องห้ามหรือ? การระบุตำแหน่งไม่ชัดเจนนะ พลาดแล้ว ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก คนที่โมโหพลุ่งพล่านเดินพรวดเข้ามา ทั้งสามคนสะดุ้ง รีบแยกออกจากกัน ทว่ามันสายไปเสียแล้ว ไม้กวาดทำการทักทายกับพวกเขา หนึ่งที สองที สามที แต่ละหนล้วนทรงพลัง ตีจนพวกเขาเอามือกุมศีรษะวิ่งหนี
แต่จะหนีไปไหนได้?
หยู่เหวินเซียวเอื้อมมือคว้าไว้สองคน ลูบใบหูพวกเขาด้วยความชำนิชำนาญ จากนั้นก็บิดเป็นมุมกว้างหนึ่งร้อยแปดสิบองศา ทั้งสองเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน อ้อนวอนให้ละเว้นไม่หยุด “พี่เหว่ย ข้าผิดไปแล้ว”
“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ปล่อย ปล่อย”
ฉู่เสี่ยวอู่เห็นดังนั้นก็รีบปรี่หนี ทว่าโล่หมันโยนไม้กวาดออกไป สองมือบิดใบหูฉู่เสี่ยวอู่เป็นการทักทาย ฉู่เสี่ยวอู่มองโล่หมันด้วยใบหน้าอมทุกข์ “พี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว ข้ารู้ความผิดแล้ว”
ประสบการณ์บอกพวกเขาว่ายามที่ถูกลงโทษอย่าได้แก้ตัวเด็ดขาด การแก้ตัวมีแต่จะทำให้มีจุดจบอนาถกว่าเดิม
จะต้องยอมรับผิด อีกทั้งท่าทียังต้องสง่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ด้วย
หยู่เหวินเซียวออกคำสั่ง “องครักษ์เงาดำ เอาเชือกมา มัดพวกเขาให้ข้า มัดติดกับเสากลางนั่นแหละ ไม่ต้องแยกกันมัด เอาสามคนมัดกองรวมกันไปเลย”
องครักษ์เงาดำถือเชือกสาวเท้ายาวมา ใบหน้าดุดัน มารดา! งานนี้เขาถนัดที่สุด กล้าวิวาทในห้องทรงพระอักษรวังหลวง ต่อให้นายท่านไม่สั่ง เขาก็เตรียมลงมืออยู่แล้ว
ทั้งสามถูกมัดอยู่กับเสาทรงกลมแกะสลักลายมังกรเหินทะเลเมฆกลางตำหนักอย่างรวดเร็วฉับไว
นี่ทำเอาฉางชี่ตะลึงงัน รีบอธิบาย “นี่เป็นการเล่นละคร นี่ก็เพื่อทำให้พวกท่านประหลาดใจ ในวังจัดงานเลี้ยงเอาไว้แล้ว”
ทั้งสามรีบพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ใช่ พวกเราจัดฉาก ไม่ได้ตีกันจริงๆ สักหน่อย”
หยู่เหวินเซียวหัวเราะเย็นเสียงหนึ่ง “มิผิด ทีแรกวางแผนเล่นละคร แต่พวกเจ้าเล่นละครอารมณ์จริง การจัดฉากแต่ลงมือจริง”
เขาเห็นประจักษ์ได้ยินชัด ได้ยินเสียงทะเลาะตลอดทางที่มา แต่ละถ้อยคำล้วนระคนความโมโหโทโสและความไม่พอใจอย่างมาก
พวกเขาเป็นราชานักแสดงหรือ? ไม่ใช่เด็ดขาด ดังนั้น อยากเล่นละคร แต่กลับกลายเป็นจริง ทะเลาะกันจริงๆ
มีอย่างที่ไหน! ล้วนเป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง กลับยังกล้าตีกัน
ทั้งสามก้มหน้างุด ละอายใจอย่างยิ่ง ไม่กล้าแก้ตัว
ส่วนในห้องข้างห้องทรงพระอักษรมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรออย่างตื่นเต้น และจี๋เอ๋อร์ก็คือหนึ่งในนั้นด้วย
พวกเขาแค่รอฉางชี่มาส่งข่าวก็ออกไปทำให้พวกเขาตกใจได้แล้ว ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่สุดท้ายรออยู่นานฉางชี่ก็ยังไม่มาสักที จี๋เอ๋อร์รอไม่ไหว เขาอยากพบพี่เหว่ยกับพี่สะใภ้เหลือเกินแล้ว ยังมีหลานตัวน้อยอีก
ดังนั้นเขาจึงดิ้นหลุดจากหยู่เหวินอี้ ผลักประตูตำหนักเปิดออกแล้ววิ่งออกไป
หัวใจเขาเต้นดั่งกลองรัวตลอดทาง วันนี้ตอนที่ถูกเรียกเข้าวังยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ภายหลังใต้เท้าจางบอกกับเขาว่าต้องเล่นละครฉากหนึ่ง เขายังตั้งตารอคอยเป็นพิเศษ กระทั่งเมื่อครู่มาซ่อนตัวที่นี่แล้วถึงรู้ว่าที่แท้พี่เหว่ยกับพี่สะใภ้กลับมา และยังพาเด็กๆ กลับมาด้วย เขาตื่นเต้นเสียไม่มี แต่พวกเขาบอกว่าต้องหลอกพี่เหว่ยกับพี่สะใภ้สักหน่อย ให้พวกเขามีความทรงจำการกลับมาครั้งนี้ตราตรึง หากความทรงจำฝังลึก พวกเขาก็จะกลับมาบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ความร่วมมือ
แต่ใครจะรู้ว่าต้องรอนานขนาดนี้? เขาไม่อยากรอ เขาต้องการพบพี่สะใภ้กับพี่เหว่ยเร็วๆ
“พี่สะใภ้ พี่เหว่ย พวกท่านอยู่ที่ไหน?” เขาส่งเสียงตะโกนออกมา
ครั้นได้ยินเสียงของจี๋เอ๋อร์ โล่หมันก็หันพรึบแล้วรีบวิ่งออกไป เห็นชายหนุ่มชุดผาวสีเขียว แต่งผมสวมกวานทองหยกกำลังวิ่งตะบึงมาด้วยความเร็วดั่งสายลม
นางรีบประคองไหล่ของเขา ช่วยเขาหยุดด่วน เห็นดวงหน้าตื่นเต้นสดใสของเขาแล้ว น้ำตาโล่หมันก็ทะลักออกมาอย่างไม่มีเหตุผล “ห้ามวิ่ง”
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ ข้าดีใจเหลือเกิน” จี๋เอ๋อร์กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น “พวกเขายังไม่ให้ข้าออกมา บอกว่าจะทำให้พวกท่านประหลาดใจ โง่งมจริง กลับมาแล้วก็ต้องพบทันทีสิ”
โล่หมันเข้าใจในทันที เจ้าสุนัขพวกนี้ รู้ว่าพวกเขากลับมาแล้วจริงๆ สายข่าวทำได้ไม่เลวนี่
“ชิงชิงล่ะ? ชิงชิงก็ซ่อนตัวด้วยหรือ?” โล่หมันถาม “ถูกต้อง” จี๋เอ๋อร์ฟ้องร้อง “พวกเขาบอกว่าให้พวกเจ้าหกเขาทะเลาะกัน ทำให้ท่านตกใจ แล้วค่อยวิ่งออกไป บอกว่าพวกท่านถูกหลอกแล้ว จากนั้นทุกคนก็จะหัวเราะยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
แล้วความทรงจำพวกท่านก็จะฝังลึกมากขึ้น ต่อไปจะกลับมาบ่อยหน่อย
เขานับนิ้วมือ “ใต้เท้าจาง อาสี่ ซูฟู่ ใต้เท้าอู๋เวยเจิ้น น้องอี้…”
โล่หมันบีบมือเขาไว้ ยิ้มหวานเอ่ย “วางใจเถอะ พี่เหว่ยกับข้าจะทำให้พวกเขายากจะลืมเลือนเอง”
ครั้นเงยหน้าก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมา ซูลั่วชิงเดินขึ้นหน้า เปล่งเสียง “อย่านับรวมข้าสิ ข้าไม่ได้เห็นด้วยสักหน่อย”
หลังจากนางกล่าวจบก็วิ่งเหยาะมา กอดโล่หมัน น้ำเสียงเริ่มสะอื้น “พวกท่านกลับมาได้สักที”
โล่หมันกอดซูลั่วชิง รู้สึกว่าจะควบคุมน้ำตาของตัวเองไม่อยู่แล้ว
ทุกคนเข้าห้อมล้อมด้วยความตื้นตัน แต่ยังไม่ทันเอ่ยก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของหยู่เหวินเซียวดังออกมา “พูดพล่ามอะไร? มัดเอาไว้ มัดจนกว่าพวกเราจะดื่มเหล้าเสร็จแล้วค่อยปล่อยพวกเจ้า”
งานเลี้ยงเตรียมอยู่นานแล้ว ดังนั้นคนบางคนจึงไม่ต้องอยู่ก็ได้
วันนี้แม่ทัพหลี่กลับบ้านเร็ว แต่งองค์ทรงเครื่องยกหนึ่ง ต้องสวมใส่ให้องอาจสักหน่อย เขาจะไปงานเลี้ยงที่ตื้นตันหัวใจคน อาๆๆๆ อ๋องชินเฟิงอัน แม่ทัพสัตว์เทพ ข้าน้อยมาแล้ว!