บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2061 ท่านบรรพบุรุษ ฝ่าบาทประคองข้า
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2061 ท่านบรรพบุรุษ ฝ่าบาทประคองข้า
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที 2061 ท่านบรรพบุรุษ ฝ่าบาทประคองข้า
ครั้นกล่าวถึงแม่ทัพหลี่ วันนี้เขาหอบเอาของขวัญไปที่จวนอ๋องซู่แต่เย็นแล้ว
ผู้ที่ต้อนรับเขาคือท่านน้าทั้งสองและชิวฉาน พอได้ยินว่ามาเป็นแขกงานเลี้ยงคืนนี้แล้ว สตรีสามนางก็มองกันทีหนึ่ง ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี
เนื่องจากวันนี้วางแผนจะจัดงานเลี้ยงในจวน แต่เปลี่ยนแผนกะทันหัน พวกเขาเข้าวังไปหมดแล้ว
แต่อย่างไรแม่ทัพหลี่ก็มาแล้ว กระดากจะบอกว่างานเลี้ยงยังไม่ได้เตรียม จึงเอ่ยกับเขาว่าทุกคนไปทำงานข้างนอกกันหมด ให้เขารอสักหน่อย คาดว่าพวกเขาอยู่ในวังคงไม่กลับมาค่ำเกินไป
เนื่องจากยุ่งกับการดูแลลูก ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่สนทนากับแม่ทัพหลี่ หลังจากยกน้ำให้แล้วก็ให้เขาตามสบาย
แม่ทัพหลี่นั่งอยู่ในห้องโถงจวนอ๋องซู่ ทั้งยินดีทั้งหวั่นเกรง ไม่กล้าสอดส่องดวงตาไปทั่ว นี่คือจวนอ๋องซู่เชียวนะ มาดื่มสุราที่จวนอ๋องซู่มื้อหนึ่ง สามารถกลับไปโอ้อวดได้ทั้งชีวิตเลย
จวนอ๋องก็คือจวนอ๋อง จัดงานเลี้ยงยังสามารถทำได้เงียบเชียบขนาดนี้ หากเป็นบ้านพวกเขา จะเชิญแขกสองสามโต๊ะยังมิต้องไก่เตลิดสุนัขวิ่งพล่านหรือ?
ฉะนั้น ผู้ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ไม่ว่าจะทำเรื่องอันใดล้วนแตกต่างจากคนทั่วไป อยู่เหนือปุถุชน
เขาไม่จำกัดว่าคืนนี้จะมีสุราอาหารอะไร แค่คิดว่าสามารถคารวะสุรากับทุกคนได้ ก็นับว่าแสดงน้ำใจแล้ว
ของขวัญที่นำมาคืนนี้ ล้วนเป็นเสื้อผ้าเด็กที่ให้อนุภรรยาในบ้านทำขึ้นกับมือตัวเอง หลังจากรู้ว่าพระชายาให้กำเนิดบุตร
เบี้ยหวัดเขาไม่มาก ซื้อของขวัญราคาแพงอะไรไม่ได้ แค่น้ำใจเล็กน้อย หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจจึงดี
งานเย็บปักของอนุภรรยาทำได้ไม่เลว เสื้อผ้าของเขาล้วนเป็นนางทำเองทั้งนั้น เพื่อนร่วมงานเห็นยังชื่นชมว่าชำนิชำนาญมีฝีมือยิ่ง
ทว่ารออยู่นางก็ไม่เห็นพวกเขากลับมา ดังนั้นขณะที่ชิวฉานเข้ามาเติมน้ำชาให้ เขาจึงมอบของขวัญ บอกว่ามอบให้ซื่อจื่อน้อยและจวิ้นจู่น้อย
ชิวฉานยินดีเป็นอย่างยิ่ง เสื้อผ้าตัวเล็กๆ สองสามตัวนี้ทำได้ประณีตงดงามมาก ภาพและสีสันที่ปักก็ละมุน พบความสง่างามในความน่ารัก
นางกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็เข้าไปให้เด็กลองชุด ยาวไปหน่อย แต่น่ามองมากทีเดียว ชิวฉานอุ้มออกมาให้แม่ทัพหลี่ดู และให้อีกฝ่ายอุ้มด้วย
แม่ทัพหลี่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง? เขา…เขาอุ้มซื่อจื่อกับจวิ้นจู่น้อย? เขาอุ้มได้หรือ? ชิวฉานส่งเด็กตรงหน้าเขาอย่างไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ เขาอุ้มข้างละคน ดูดวงหน้าสองใบนั้นคล้ายกับผิวไข่สองใบเล็กน้อย ดวงตาโตวาววับ ไอ้หยา งามเกินไปแล้ว อย่างไรก็เป็นสายเลือดแห่งราชวงศ์ เพิ่งจะกี่เดือนก็ดูไม่ธรรมดาแล้ว
ดูมุมปากที่มีโจ๊กติดอยู่นิดหน่อยนั่นสิ ยังต้องพยายามใช้ลิ้นเลียไป กลัวจะเสียของ
ไอ้หยา ฉวยตอนที่ท่านอ๋องไม่อยู่อุ้มมากหน่อยเถอะ หากท่านอ๋องกลับมาไหนเลยจะกล้าล่วงเกิน แต้เขาเพิ่งจะคิดแบบนี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมาจากข้างนอก เขาตกใจรีบยัดเด็กคืนให้ชิวฉาน ครั้นเงยหน้าก็เห็นนายท่านองครักษ์เงาดำห้อม้าตะบึงเข้ามาเลย แล้วตะโกนกับเขา “แม่ทัพหลี่ ไป คืนนี้เราเปลี่ยนที่จัดงานเลี้ยงแล้ว”
แม่ทัพหลี่อ้อทีหนึ่ง รีบวิ่งออกไป “เปลี่ยนเป็นที่ไหนหรือ?”
น่าเสียดาย เดิมยังคิดว่าจะได้ดื่มในจวนอ๋องสักมื้อ กลับไปจะได้โอ้อวดทั้งชาติ คาดว่าคงเปลี่ยนเป็นภัตตาคารกระมัง
ที่อย่างภัตตาคารไม่มีอะไรน่าโอ้อวด เพราะใครที่ไหนไม่เคยไปเล่า?
แต่ไม่เป็นไร ได้กินดื่มกับอ๋องชินเฟิงอันและแม่ทัพทั้งหลายในหอจัยซิงก็ยังอวดได้สักหน่อยเหมือนกัน
องครักษ์เงาดำเหยียดยิ้ม “เปลี่ยนเป็นในวังหลวง ไป ข้าจะพาท่านเข้าวังดื่มเหล้า”
ทีแรกแม่ทัพหลี่กำลังวิ่งอยู่ แต่พอได้ยินคำนี้ สองขาก็อ่อนระทวยลงคุกเข่ากับพื้นตุบ หา? วันนี้หูมีปัญหาหรือ? ทำไมถึงได้ยินถ้อยคำจำพวกที่เขาไม่มีสิทธิ์จะได้ยินล่ะ?
องครักษ์เงาดำพลิกตัวลงม้าประคองเขา “ม้าของท่านล่ะ? ไปสิ”
ริมฝีปากแม่ทัพหลี่สั่นระริก “ในวัง? เป็นวังหลวงหรือ? ในวังที่ฝ่าบาทประทับ? เป็นความหมายนี้?”
“ถูกต้อง วังหลวง ฝ่าบาทพระประยูรญาติทั้งหลายกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักกำลังรออยู่ รอท่านคนเดียวนี่แหละ ท่านสายแล้ว”
แม่ทัพหลี่หน้าซีด สองขาอ่อนพับ ไม่เพียงแต่สองขา แต่ทั้งตัวเลยด้วย เรี่ยวแรงสักนิดก็ไม่มี
ฟันที่ไม่เอาไหนกำลังทำการสู้รบกันกึกๆ ช้อนดวงตากระดิ่งทองเหลืองอันไร้ที่พึ่งพิง ทำอะไรไม่ถูก บริสุทธิ์และไร้กำลัง “รอแต่ข้า? ฝ่าบาทพระประยูรญาติทั้งหลายกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักรอแต่ข้า?”
“ใช่สิ รีบไปจูงม้าเร็ว” องครักษ์เงาดำพลันเอ่ย จะสั่นอะไร หากชักช้าร่ำไรอีกเหล้าจะถูกดื่มหมดแล้ว
“ข้า…” สองขาแม่ทัพหลี่ที่อ่อนยวบแบะออกข้าง จากขาเป็ดเป็นลักษณะO จากO กลายเป็น X เดินเป็นเส้นคลื่นอันยุ่งเหยิงทั้งอย่างนั้น “ข้าไม่มีม้า ข้าขี่ลามา”
ครั้นถึงปากประตู เขาก็เริ่มปีนป่ายขึ้นตัวลา แต่ด้วยเนื้อตัวที่อ่อนแรง แม้แต่หลังลาเขาก็ปีนไม่ขึ้น ลายังถึงกับทนดูไม่ได้ ย่อขาทั้งสี่ลง เจ้าขึ้นหลังปู่ลาเถอะ
สุดท้าย หนึ่งม้าหนึ่งลา หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง เว้นช่วงห่างระยะยาว องครักษ์เงาดำหันไปเร่งเร้าหลายหน แต่ลาชราภาพแล้ว เดินช้ายิ่ง องครักษ์เงาดำรู้สึกว่าหากยังเดินทางด้วยความเร็วนี้ กว่าจะถึงวังหลวงคงไม่เหลืออะไรแล้ว
ดังนั้นจึงลงจากม้า แล้วลากแม่ทัพหลี่ขึ้นม้าของตน ทั้งสองขี่ม้าตัวเดียววิ่งตะบึงเข้าเมืองหลวง
ลาเต็มวัยจะรู้จักกลับบ้านเอง แม่ทัพหลี่ตื่นเต้นจริงๆ เนื้อตัวแข็งทื่อ แม้แต่การหายใจยังจำกัดอยู่ภายในบริเวณหนึ่ง เขาขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษตัวใหญ่ต่อหน้าธารกำนัล ทั้งเขาสาบานว่าเขาไม่ได้เตี้ยม่อต้อจริงๆ แต่พอนั่งอยู่บนหลังม้ากับท่านองครักษ์เงาดำแล้ว ไฉนเขาจึงเหมือนภรรยาตัวน้อยไปได้?
สูดลมหายใจทางจมูก อยากร่ำไห้นิดๆ เป็นความตื่นเต้น เป็นความประทับใจ เป็นอารมณ์ต่างๆ นานา
ในที่สุดเมื่อถึงวังหลวง ครั้นเห็นบรรดาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นในตำหนัก แม่ทัพหลี่ก็หักห้ามอารมณ์ตื่นเต้น กลั้นน้ำตาร้อนที่กรอบตา เข้าไปถึงก็คุกเข่าลงกับพื้น เขาไม่เห็นว่าผู้ใดคือฮ่องเต้ แต่ถึงอย่างไรก็คุกเข่าก่อนเถอะ
มีมือหนึ่งดึงเขาขึ้นมา ทั้งยังเอ่ยอย่างอ่อนโยน “แม่ทัพหลี่ ลุกขึ้นมานั่งเถอะ”
ครั้นเขาเงยหน้า มองรอยจางๆ ตรงใบหน้าของชายหนุ่มนั้น แล้วมองชุดมังกรที่ยับยู่ยี่และขาดประมาณหนึ่งแล้ว เขาก็พรูลมออกมา อยู่นานก็สูดอากาศเข้าไม่ได้ ท่านบรรพบุรุษ ฝ่าบาทประคองข้า