บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2062 ซูฟู่ถูกตำหนิ
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2062 ซูฟู่ถูกตำหนิ
ราตรีนี้ บรรยากาศครื้นเครงสนุกสนาน และในที่สุดสามคนนั้นก็ได้นั่งลงดื่มสุราสักที
ดีที่ค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนกันเอง ขุนนางอื่นก็เป็นเครือญาติ ไม่มีคนนอกเห็นเรื่องขายหน้าของฮ่องเต้
เมื่อสองสามชั่วยามก่อน การสนทนาสิ้นสุดและเข้าใจสถานการณ์โดยรวมแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นการกินดื่ม
โล่หมันมึนเมาแล้วบางส่วน พิงไหล่ของหยู่เหวินเซียว มองใบหน้าที่คุ้นเคยทีละดวง เวลาผ่านไปแล้วสองสามปี แต่ราวกับไม่เคยไปจากพวกเขา
คืนนี้ซูฟู่เมามาก เขาในตอนนี้เข้าได้ทุกฝักทุกฝ่าย รู้จักคบค้าสมาคมคารวะสุรา ทำได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ บรรลุขั้นสุดยอด
เขาโอบไหล่แม่ทัพหลี่ กำชับสั่งสอนเขายกหนึ่ง ให้เขาเป็นคนต้องมีอุดมคติเป้าหมายยิ่งใหญ่ยาวไกล จะบรรลุได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ใฝ่ฝันได้มากหน่อย อย่างไรเสียก็ไม่ต้องใช้เงิน
แม้ซูฟู่จะทำงานอยู่ที่เน่ย์เก๋อ แต่ปัจจุบันผู้ที่อยู่ในงานล้วนเป็นบุคคลระดับสูง นอกจากแม่ทัพหลี่ที่เขาสามารถกอดคอถ่ายทอดประสบการณ์แล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่สนใจเขา
แต่พอเขากล่าวถึงจุดที่ตื่นเต้นก็ถึงกับตบโต๊ะ “อย่าเห็นว่าเมื่อก่อนข้าเป็นแค่เด็กวิ่งงานของจวนอ๋องซู่นะ ตอนนี้นั่งตำแหน่งอยู่ที่เน่ย์เก๋อ ใครบ้างไม่ไว้หน้าข้าประมาณหนึ่งบ้าง แม้แต่ฮ่องเต้ เวลาเห็นข้ายังต้องค้อมเอวเรียกท่านพ่อตาเลย เมื่อก่อนเสี่ยวซูเป็นยังไง หยิ่งทะนงมากใช่ไหม เป็นกั๋วกง เป็นโสวฝู่ แต่พออยู่ต่อหน้าข้า…”
เมื่อนั้นเบื้องหน้าก็มืดมิด ถูกบางสิ่งบดบังแสง เขาเงยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครขวางข้า”
ซูกั๋วกงยกจอกสุราขึ้น มองเขาจากมุมสูง นิ้วมือไล้ไปตามจอกรอบหนึ่ง หรี่หนังตาลง ดูไม่ใส่ใจ “ข้าเสี่ยวซูมาคารวะใต้เท้าซูหนึ่งจอก ไม่ทราบใต้เท้าซูจะให้เกียรติหรือไม่”
ซูฟู่มึนงง ทำไมต้องคารวะเขา
สมองที่ถูกแอลกอฮอล์มอมเมาได้สติโดยฉับพลัน รู้ว่าตนเองกล่าวผิดไป ตกใจจนหน้าซีดเซียว ลุกขึ้นมือไม้พัลวัน “เสี่ยวซู ไม่ ไม่ ท่านกั๋วกงความผิดสมควรตายหมื่นๆ ครั้ง ไม่ใช่ ข้า…ข้าน้อยผิดไปแล้วสมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้ง ข้าน้อยพูดจาเลื่อนเปื้อน ท่านกั๋วกงอย่าได้ถือสา มา ข้าน้อยคารวะท่านกั๋วกงหนึ่งจอก”
เขาค้อมเอวหาจอกสุรา แต่สะดุดเท้าทีหนึ่ง ถลาล้มลงกับโต๊ะ
แม่ทัพหลี่รีบประคองเขาขึ้น ท่ามกลางความลนลาน เขาหยิบสุรากาหนึ่งขึ้นมาคารวะซูกั๋วกง ค้อมเอวชนจอกสุราแล้วซดดื่มเข้าปาก แต่พอรสสุราเสียดขึ้นจมูกก็พุ่งพรวดออกมาจนหมด
“ลากตัวออกไป!” หยู่เหวินเซียวหน้าตึง เดิมก็ไม่พอดื่มอยู่แล้ว ยังถูกเขาทำเสียไปเปล่าๆ อีก พูดผิดไม่เป็นไร แต่ทำสุราเลิศรสกับอาหารเสียเปล่าช่างน่าชิงชังนัก เท่าไรจึงจะพอให้เขาถลุง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยพูดจาเลื่อนเปื้อน ข้าน้อยจะลงโทษตัวเองสามจอก…”
ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกองครักษ์เงาดำลากตัวออกไป ส่งมอบให้ทหารรักษาพระองค์จัดการ
หยู่เหวินเซียวขมวดคิ้วเอ่ย “นิสัยจะโอหังใหญ่แล้ว เป็นขุนนางใหญ่แต่หากลืมความมุ่งมั่นเดิม เสียความหนักแน่น ครอบครัวก็จะพึ่งพาอาศัยไม่ได้ เหลาะแหละเช่นนี้จะอบรมลูกหลานได้ยังไง”
“น่าเป็นห่วง น่าเป็นห่วงจริงๆ!” องครักษ์เงาดำกล่าวคล้อยตาม
ยากนั้นที่องครักษ์เงาดำจะเห็นด้วย ทุกคนจึงรู้สึกว่าสมควรสั่งสอนซูฟู่สักหน่อย ให้เขาตาสว่างบ้าง อย่าได้มัวเมาอยู่กับอำนาจขุนนาง
ยามนี้เป่ยถังยังนับว่ายุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย หากพัฒนาไม่ถึงยี่สิบสามสิบปีจะไม่มีทางดีขึ้นเด็ดขาด ขุนนางเน่ย์เก๋อจะไม่หนักแน่นได้อย่างไร
ซูกั๋วกงวางแผนว่าจะกลับไปเตือนสติเขา
แม้จะบอกว่าคนที่ได้เป็นใหญ่ในพริบตาจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นขุนนางมาหลายปี ยังโอ้อวดไม่พออีกหรือ
แม่ทัพหลี่ตกใจ ในสายตาของเขา ซูฟู่ย่อมเป็นบุคคลระดับสูง แต่บทจะลากตัวออกไปก็ลากตัวออกไป เห็นได้ว่าการเป็นคนเป็นขุนนางยังต้องหนักแน่นรอบคอบจึงจะดี
เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ ตั้งใจทำทุกเรื่องให้ดีก็พอ เปิดทางให้ตัวเอง ให้ลูกหลานทุกรุ่นได้เดินตามทางที่เขาสร้างไว้
เอาตามนี้แหละ
หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา เมื่อแม่ทัพหลี่กลับถึงบ้านก็พูดด้วยความเมามายกับคนที่บ้าน ว่าตนเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง ได้พบกับฮ่องเต้ พบ อ๋องชินเฟิงอัน ซูกั๋วกง รองโสวฝู่และคนอื่นๆ กินอาหารชาววัง ดื่มสุราเลิศรสของวังหลวง
อนุภรรยาล้างหน้าให้เขาอย่างจนใจ “ลาหายไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ไม่ต้องมาโกหกขนาดนี้ ไม่โทษท่านหรอก”
แม่ทัพหลี่ถอนหายใจ นั่นสิ คืนนี้เป็นจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว แต่น่าเสียดายที่ลาหายไป ลาที่กลับบ้านตัวเองไม่ได้ไม่ใช่ลาดี หายไปแล้วก็ช่างมันเถอะ
แม่ทัพทั้งหลายของหอจัยซิงก็กลับถึงจวนอ๋องซู่แล้ว ห่ออาหารกลับมาให้พวกท่านน้า แถมยังรับจี๋เอ๋อร์กลับมาอยู่ด้วย
ในจวน แม้ทุกคนจะมึนเมาอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ไม่คิดจะเข้านอน อยากจะนั่งสนทนาด้วยกันมากๆ
เหมือนกับสมัยก่อน หอจัยซิงมีผู้คนมากมายแน่นขนัดจนคนเยอะเรื่องแยะ เสือ หมาป่าสุนัขนอนขดอยู่ด้านข้าง ฟังพวกเขาเล่าเรื่องเดิมซ้ำๆ ง่วงเหงาหาวนอนจะหลับ
เมื่ออยู่ที่นี่ทุกคนก็ไม่มีความระแวดระวังอะไรอีก อยู่ในภาวะผ่อนคลายจดจ่อกับตัวเอง
คืนนี้จี๋เอ๋อร์กลับอยู่กับเด็กๆ ตลอด มองดูต้าเป่า มองดูเอ้อร์เป่า แล้วมองดูต้าเป่าอีกที มองดูเอ้อร์เป่าอีกที ดวงตายุ่งเสียไม่มี
ในดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยความจริงใจและความทะนุถนอม สำหรับเขา เด็กสองคนนี้ต่างจากลูกของชิงชิง เขาไม่รู้ว่าต่างกันที่ตรงไหน อาจเป็นเพราะต้าเป่ากับเอ้อร์เป่ามีดวงหน้าผสมผสานระหว่างพี่เหว่ยกับพี่สะใภ้ พอเห็นพวกเขาแล้ว จี๋เอ๋อร์ก็รู้สึกสงบใจมาก