บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2066 มาเร็วไปเร็ว
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2066 มาเร็วไปเร็ว
และนอกจากตัวละครหลักเหล่านั้นแล้ว ยังมีนางเอกอีกท่านหนึ่ง นางเอกชื่อเรียกว่าหวางลิ่วเยว่
เซเว่นอัพตะลึงหนัก “คือ…ผู้จัดการใหญ่เคยส่งบทของพวกเราไปให้เธอใช่ไหม”
หวางลิ่วเยว่หยิบขนมที่อยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมายัดเข้าปาก “ส่งบทอะไร ไม่นี่ เขาเพิ่งบอกฉันวันนี้นี่เอง พวกนายมีบทแล้วเหรอ”
“เธอไม่เคยอ่านบทของผม?” เซเว่นอัพมองเธอ ต้องการมองว่าเธอพูดเท็จหรือไม่
ชื่อเหล่านี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์โลกใบนี้ แต่ให้เป็นความบังเอิญก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบังเอิญถึงขั้นนี้
“ไม่เคยอ่าน นายเอาบทของพวกนายให้ฉันดูหน่อยสิ”
เซเว่นอัพหยิบบทบนโต๊ะให้เธอ นักเขียนบทหวางรับ แต่พอเปิดหน้าแรกเห็นตัวละครหลักแล้ว เธอก็แข็งทื่อเป็นหิน
ทั้งสองคนนั่งลงพึ่บ พลิกเปิดบทของอีกฝ่าย
ยิ่งเซเว่นอัพอ่านก็อย่างตกตะลึง นอกจากสองสามชื่อนั้นแล้ว ยังมีชื่ออื่นๆ ที่เหมือนกัน แต่แนวหลักนักเขียนบทหวางคือเรื่องพื้นบ้าน เป็นครอบครัวคนขายเนื้อเผชิญสถานการณ์บ้านเมือง และการทำกิจการอย่างไรให้ใหญ่โต
ในเนื้อเรื่องนี้ หวางลิ่วเยว่เป็นตัวละครที่เก่งกาจมาก มีคนตามจีบมากมาย หนึ่งในนั้นคือองครักษ์เงาดำ องครักษ์ฟ้าผ่าและองครักษ์ลับผี พวกเขาต่างเคยตามจีบนาง แม้แต่หยู่เหวินเซียวซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องซู่ก็ยังเคยแสดงออกว่ามีความรู้สึกดีต่อนางเช่นกัน
แต่ความรู้สึกดีใจเรื่องค่อนข้างลับลมคมใน ใช้สายตาล้ำลึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกในการแสดงออก กลับเป็นผู้เรียกว่าองครักษ์เงาดำเสียอีกที่มักวนเวียนอยู่ตรงหน้าแผงลอยของนางเป็นนิจ หาข้ออ้างพูดคุยกับนาง ประเดี๋ยวก็ต้องการให้นางแถมปอดหมู ประเดี๋ยวก็ต้องการให้นางแถมตับหมูชิ้นหนึ่ง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แนวทางหลัก แนวทางหลักคือเรื่องราวการนำครอบครัวไปสู่มั่งคั่งของหวางลิ่วเยว่ และความเป็นอยู่ของประชาชนละแวกนั้นจำนวนหนึ่ง
ส่วนนี้สามารถเสริมเนื้อเรื่องได้ค่อนข้างดี เป่ยถังในขณะนั้น ราชสำนักและประชาชนค่อยๆ เดินไปข้างหน้า เฉกเช่นม้วนภาพที่ค่อยๆ คลี่ออก ตัวละครโลดแล่นอยู่บนกระดาษนั้น
หลังจากนักเขียนบทหวางอ่านจบก็ตะลึงจนลูกตาแทบจะถลนออกมา “พระเจ้า เรื่องนี้ไม่ได้คิดออกมาเองมั้ง นายไปอ่านหนังสือโบราณที่ไหนมา”
“แล้วเรื่องของเธอมาได้ยังไงล่ะ” เซเว่นอัพย้อนถาม
“เรื่องนี้…” นักเขียนบทหวางกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งตื่นเต้นและตื่นตระหนก “หลังจากบรรพบุรุษตระกูลหวางเราร่ำรวยแล้วก็หาคนมาเขียนแล้วสืบต่อกันมา สืบทอดอยู่ในตระกูลพวกเรามาตลอด แต่ความจริงไม่มีใครสนใจหรอก มีแต่ฉันนี่แหละ พออ่านแล้วก็ไม่รู้ยังไง เอาแต่ฝันถึงคนกับเรื่องที่อยู่ในหนังสือ เพราะงั้นฉันก็เลยใช้นามปากกาว่าหวางลิ่วเยว่ไง”
เซเว่นอัพจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ มิน่าล่ะ ในเรื่องของความรู้สึกถึงเต็มไปด้วยความละเมอเพ้อพกต่างๆ นานา
เซเว่นอัพไม่รู้ว่ามิติเวลาเกิดความผิดพลาดตรงไหน หรือว่าตัดกันที่ตรงไหน แต่เรื่องนี้ของนักเขียนบทหวางยังมีส่วนช่วยเรื่องทั้งหมดได้บ้าง
เพราะในสายตาของพวกคนหอจัยซิงมักตั้งเป้าอยู่ที่การเมืองและสนามรบ ส่วนในเนื้อเรื่องของนักเขียนบทหวางคือตัวละครเล็กๆ ทั้งหมดถูกผลักให้เดินอย่างไรในเรื่องโครงเรื่องใหญ่เหล่านั้น ดึงออกมาส่วนหนึ่งแล้วแทรกรวมเข้าไป เรื่องราวก็จะสมบูรณ์มากขึ้น
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมสร้างของพวกเราครับ” เซเว่นอัพยื่นมือออกไปหาเธอ
หวางลิ่วเยว่ลุกขึ้นยืน จับมือเขาแน่น “ไม่ขออะไรทั้งนั้น ขอแต่เวลาฉาย ใส่ชื่อฉันลงไปในทีมนักเขียนบทด้วย เรื่องเงินไม่สำคัญเลย ถึงยังไงฉันก็เชื่อว่านายไม่เอาเปรียบฉันอยู่แล้ว”
เซเว่นอัพหลุดหัวเราะ “คำพูดนี้ของเธอนี่แหละ ผมต้องให้ค่าเขียนบทเธอแน่นอน”
หวางลิ่วเยว่ดีใจลิงโลด รีบหาห้องน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปแล้วถึงเริ่มเต้นแร้งเต้นกาฉลอง
ในที่สุดก็ทนมาได้สักที เธอจะเปลี่ยนรถมอเตอร์ไซค์ผุๆ คันนั้นซะ
หลังจากทั้งสองทักทายกันแล้ว ก็เริ่มปรับเปลี่ยนบทให้สมบูรณ์อีกหน่อย สุดท้ายก็ได้เรื่องออกมา แม้แต่โพ่ตี้อวี้ยังต้องหลั่งน้ำตาเล็กน้อย เพราะขณะนั้นเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น ที่คนในยุทธภพสัญจรคือพื้นบ้าน ที่พบเห็นคือประชาชน แน่นอน รายได้นั้นคือเงินของคนรวย
เขามักพูดว่าไม่คิดถึงสถานที่แห่งนั้น เพราะบัดนี้ที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่ยามหลับฝันยังเห็นตัวเองวนเวียนอยู่ในยุทธภพพื้นบ้าน ถนนหนทางที่มีเสียงอึกทึก ด้านข้างร้านเหล้าธงสุรากึ่งเก่าปลิวไสว มีกลิ่นหอมของสุราโชยออกมาจากในตรอก
ขณะนั้นเขามีเงินมากมาย แต่กลับใช้ไม่ลง เขาตัวเปล่าเล่าเปลือย จำเป็นต้องมีเงินมากๆ จึงจะรู้สึกปลอดภัย
แน่นอน เรื่องในอดีตเหล่านี้แค่คิดก็พอ เขาไม่อยากกลับไป เขามีเพื่อน มีครอบครัวที่นี่ กลับไปคือตัวคนเดียว
ยุทธภพอันเงียบเหงาไม่ใช่กับเขาคหบดีในวัยชรา
หลังจากตรวจบทเสร็จ หวางลิ่วเยว่ก็ราวกับสร้างสรรค์ผลงานก้องโลกสำเร็จ รีบไปรับเงินค่าเขียนบทกับผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการใหญ่ถลึงตากับเธอ “งานการก็ต้องมีระบบระเบียบ จ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง”
หวางลิ่วเยว่เงยหน้าขึ้น กล่าวหนัก “หมาที่ฐานที่มั่นของฉันจะไม่มีอาหารกินแล้ว ถ้ากล้าจ่ายแค่ครึ่งเดียว ฉันจะเอาหมาร้อยกว่าตัวไปอยู่ที่บ้านคุณเลย”
ผู้จัดการใหญ่ตีกำปั้นของเธอ เพราะในเล็บอาจมีมูลสุนัขแฝงอยู่ในนั้น ดังนั้นจึงสั่งให้ฝ่ายบัญชีจ่ายเงินให้เธออย่างรวดเร็ว หวางลิ่วเยว่พุ่งไปที่ตลาดขายรถมือสองทันที ซื้ออู่หลิงหวงกวน(*ชื่อยี่ห้อรถยนต์ของจีน)มือสองคันหนึ่งทันที หลังจากเดินขั้นตอนเสร็จยังเจาะจงขับมาโฉบรอบบริษัทอีกรอบหนึ่ง เซเว่นอัพเห็นว่าเบาะด้านหลังของเธอถูกถอดออกหมดแล้ว ข้างในเต็มไปด้วยสุนัข
เซเว่นอัพอยากเตือนเธอว่าอย่าขับรถดัดแปลงเข้ามาในเมือง แต่ยังไม่ทันพูด เธอก็ขับรถไปเสียแล้ว บอกว่าจะพาเด็กๆ ไปว่ายน้ำที่เขื่อน
แต่เพิ่งขับรถไปได้ไม่ถึงห้าสิเมตรก็ถูกตำรวจจราจรดักไว้ ไม่นาน เซเว่นอัพก็เห็นหวางลิ่วเยว่หน้าหมองลงมาจากรถ จูงสุนัขลงมาทีละตัว ไหล่ห่อคอตกรอการลงโทษ
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เซเว่นอัพได้เห็นหวางลิ่วเยว่ ภายหลังได้ยินผู้จัดการใหญ่บอกว่าเธอเข้าสู่ทัพวงการวรรณกรรมอินเทอร์เน็ตแล้ว ตั้งปณิธานว่าต้องเป็นสุดยอดแห่งวงการนั้นให้ได้
ด้านการเลือกนักแสดงมีความคืบหน้าแล้ว กำหนดนางเอกแล้ว เป็นบัณฑิตจบใหม่จากวิทยาลัยศิลปะการแสดง ชื่อว่าโล่เป่าอี้ เคยเป็นดารารับเชิญหลายเรื่อง มีพรสวรรค์ มีทักษะการแสดง ปั้นง่ายมาก
สายตาในการมองคนของผู้จัดการใหญ่แม่นมาก ให้ทางบริษัทเซ็นสัญญากับเธอ ตอนนี้ยังถูก เอาไว้ทำให้ดังแล้ว เงินก็จะมาแบบเทน้ำเทท่า
นี่เป็นวิธีการตามปกติ แต่หลังจากโพ่ตี้อวี้เห็นเธอแล้ว กลับรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะเขารู้สึกว่าดันเธอดันให้ดังไม่ได้
แม้เขาจะไม่เคยสัมผัสธุรกิจภาพยนตร์โทรทัศน์มาก่อน แต่ระยะนี้ก็พอศึกษามาบ้าง พบว่านักแสดงหน้าใหม่ที่โด่งดังพวกนั้น มีใครบ้างที่ไม่มีหน้าตาโดดเด่น
นังหนูคนนี้อย่างมากก็นับได้แค่หน้าตาดีจิ้มลิ้ม หูตาจมูกปากรวมอยู่รวมกันแล้วสวย แต่ถ้าแยกกัน ดวงตาโตไม่พอ จมูกก็โด่งไม่พอ ปากยังไม่อิ่มเอิบ แถมยังหูกางอีก
ที่สำคัญที่สุดคือ ก้นใหญ่ไม่พอ ผู้หญิงที่มีวาสนาต้องก้นใหญ่ จุดนี้เนี่ย เขาคิดว่านักเขียนบทหวางคนนั้นยังพอใช้ได้ ทั้งใหญ่ทั้งผาย ใช้เป็นเขียงได้เลย เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ฟ้าประทานมาดีอย่างนี้ กลับอยู่จนมีสารรูปเช่นนี้ เข้าใจยากอยู่บ้างเล็กน้อย
ผู้จัดการใหญ่ “ประธานโพ่ ตัวแสดงที่จะเป็นพระเอก หลังจากพวกเราหารือภายในแล้วก็เลือกไว้สองสามคน เชิญท่านดูก่อนครับ”