บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2067 พวกเขาต้องเป็นสตั๊นท์แมน
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2067 พวกเขาต้องเป็นสตั๊นท์แมน
ประธานโพ่ดูข้อมูลอย่างตั้งอกตั้งใจครู่หนึ่ง
นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ชื่อดังท่านแรก มีผลงานล้นหลาม ทักษะการแสดงไร้ที่ติ ถึงเรียกค่าตัวสูงก็ไม่เป็นปัญหา เพราะประธานโพ่มีเงินเยอะแยะ
ท่านที่สอง หนุ่มน้อยรูปหล่อที่กำลังมีคนติดตาม ทักษะการแสดงค่อนข้างตื้นเขิน ดีที่มีคนติดตามสนับสนุน แค่แฟนคลับของเขาก็โอบอุ้มละครกว่าครึ่งเรื่องแล้ว แต่มีเรื่องยุ่งยากอยู่สักหน่อย เพราะเขามีทีมกองถ่ายต้องรับผิดชอบดูแลทีมของเขา ต้องการตัวแทนแสดงสามคนขึ้นไป
ท่านที่สาม มาจากคิวบู๊ เคยถูกปั้นเป็นตัวละครที่ค่อนข้างได้รับความชื่นชอบ เป็นพระรองในละครเรื่องนั้น ผลงานที่แสดงให้เห็นฝีมือก็มีแต่เรื่องนั้น
ท่านที่สี่ คนนอกวงการ ไม่ต้องแนะนำอะไรทั้งนั้น เพราะแม้แต่ชื่อกับรูปภาพก็ไม่มี
“คนนอกวงการ? หนังเรื่องแรกของบริษัทพวกเรา งานชิ้นใหญ่ แต่เธอกลับไปหาคนนอกวงการมา?” ประธานโพ่มองผู้จัดการใหญ่อย่างไม่เข้าใจ “คงไม่ใช่ว่าเป็นญาติเธออีกมั้ง?”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ญาติของผม” ผู้จัดการใหญ่รีบแก้ต่าง “ถึงจะเป็นคนนอกวงการ แต่เขาเป็นทหาร ผมเคยเจอเขาสองครั้งแล้ว ไม่รู้ทำไม มักรู้สึกว่าเขาเหมาะกับบทหยู่เหวินเซียวมากเลยทีเดียว อย่างกับบทนี้มีเพื่อเขาโดยเฉพาะเลย”
“ชื่ออะไรเธอก็ไม่รู้ แล้วจะเอามาเป็นพระเอกได้ยังไง”
“รู้ชื่อแซ่สิครับ แซ่เจิ้น เพื่อนผมแนะนำให้ผมรู้จัก ผมไปตามกับเพื่อนผมได้ เขาสนิทกับคุณเจิ้นมาก”
“ในเมื่อเป็นทหาร แล้วจะออกมาถ่ายหนังได้ยังไง”
“ถามดูก่อนสิครับ ถ้าได้ก็นัดมาเจอกัน เอาไว้คุณเห็นเขาแล้วต้องรู้สึกว่าเหมาะมากแน่ๆ”
ประธานโพ่ขี้เกียจจะพูดกับเขา เพียงไล่ไปแบบชืดๆ “คุณไปเจอเขาก่อนเถอะ เจอแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้จัดการใหญ่มีเส้นสายกว้างขวาง มีเพื่อนทุกหนทุกแห่ง และตามที่เขาบอก เพื่อนทุกคนล้วนยินดีที่จะช่วยเขา
ตามคาด หลังจากที่ใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนสารพัดแล้ว ในที่สุดก็นัดคุณเจิ้นออกมาพบจนได้ เขาโทรศัพท์หาประธานโพ่ทันที ให้อีกฝ่ายมาพบสักหน่อย
ทีแรกประธานโพ่ไม่อยากไป เพราะเขาตัดสินใจจะเลือกคนแรกในรายชื่อ คนที่เคยเล่นมาทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์ แถมเจรจากับเขาเป็นการส่วนตัวแล้วด้วย รู้สึกเหมาะสมที่สุด
แต่เขาเป็นเถ้าแก่ที่มีมารยาทกับวิญญูชนเคารพผู้มีการศึกษา รู้จักเคารพผู้อยู่ใต้บัญชา หลังจากโพล่งด้วยอารมณ์หงุดหงิดออกไปแล้ว ก็ยังมาถึงร้านกาแฟที่นัดหมาย
พอเห็นคุณเจิ้นท่านนี้ ประธานโพ่ก็ตาค้างไปทันที กำหมัดคิดจะทุบลงไปที่ศีรษะของผู้จัดการใหญ่
แต่เขาไม่กล้าตีคนต่อหน้าคุณเจิ้นท่านนี้จริงๆ คุณเจิ้นยังดี แต่คุณผู้หญิงเจิ้นท่านนั้นที่อยู่ข้างๆ เขานี่สิ ค่อนข้างน่ากลัว
ผู้จัดการใหญ่ลุกขึ้นยืนแนะนำทันที “คุณเจิ้น คุณผู้หญิงเจิ้น ท่านนี้คือท่านประธานที่ผมบอกกับพวกคุณครับ ท่านประธาน ท่านนี้คือคุณเจิ้น ส่วนน้องสาวคนสวยที่อยู่ด้านข้างท่านนี้ คือพี่สาวของคุณเจิ้นครับ”
ประธานโพ่เลิกคิ้ว เสี่ยวเม่ย? เธอชื่อเจิ้นลี่เสี่ยวเม่ย? (*เสี่ยวเม่ยหมายถึงน้องสาว)
“เจิ้นลี่…” ประธานโพ่เพิ่งอ้าปากทำการสนทนาให้สมบูรณ์เจิ้นลี่ก็ใช้สายตาเย็นชาดุดันมองมา ประธานโพ่พลันเปลี่ยนคำพูด “เก่งจริงๆ ทั้งสองท่านมีบุคลิกไม่ธรรมดาเลย แค่เห็นก็รู้สึกว่าเหมาะกับบทของพวกเรามาก”
“ท่านประธาน เชิญนั่งครับ!” เจิ้นลี่เอ่ยปาก นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย มีความเคร่งขรึมในแบบที่สามารถวิจารณ์ประเทศชาติได้
ประธานโพ่หย่อนบั้นท้ายนั่งลง เขากลัวเจิ้นลี่ กลัวมาก เจ้านี่ไม่เหมือนกับพ่อแม่ของเขา เย็นเยือกทั้งตัว อย่างกับมีใครติดหนี้เขาพันแปดร้อยล้านอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ว่านิสัยนี้เหมือนใครสิน่า พ่อแม่เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้สักหน่อย
แต่เขากลับรู้สึกว่าเจิ้นรุยนั้นหาได้ยาก เจิ้นรุยเหมือนได้ส่วนดีของพ่อกับแม่ของเขารวมกันนิดๆ ฉลาดกล้าหาญ แต่กลับไม่มีแผนการล้ำลึกและความมุทะลุดุดัน
“พวกคนทั้งสอง…” ทีแรกท่าทีของประธานโพ่อ่อนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่พอนึกถึงว่าตนต้องแสร้งเป็นไม่รู้จักพวกเขาแล้วก็วางมาดของท่านประธานทันที “สนใจบทไหมครับ หรือว่ามีข้อเสนอแนะอะไรหรือเปล่า”
เจิ้นรุยยิ้มน้อยๆ “ท่านประธาน สวัสดีครับ กับบทผมไม่มีอะไรจะเสนอแนะ เขียนดีมาก…”
“งั้น…พวกคุณอยากร่วมแสดงไหมครับ”
ประธานโพ่ร้องโอดโอยอยู่ในใจ อย่าเชียวนะ เจิ้นรุยยังดี เจิ้นลี่นี่สิ ถ้าเจิ้นลี่มาที่สถานที่ถ่ายทำ เรื่องทั้งหมดก็จะถูกเธอควบคุม
มีเธออยู่ ใครก็อย่าหวังจะได้เป็นอิสระเลย แม้แต่หลายชายเซเว่นอัพก็ต้องเชื่อฟังเธอ
ไม่เคยเห็นว่ามีใครสามารถควบคุมเธอได้ หวังจริงๆ ว่าต่อไปเธอจะหาแฟนหนุ่มวางอำนาจ สั่งสอนเธอให้หนัก
เจิ้นรุยพูดขึ้น “พวกเราสนใจครับ แต่จะไม่เป็นนักแสดงนำ ผมอยากเป็นสตั๊นท์แมน(*ผู้แสดงแทนในฉากเสี่ยงอันตราย)ของพระเอก ผมอ่านบทแล้ว ฉากบู๊ค่อนข้างมาก ผมหวังว่าจะได้ต่อสู้จริงๆ ไม่ใช่แค่ทำท่าไปอย่างนั้นหรือใช้เอฟเฟคพิเศษอะไร ทำแบบนี้จะให้หนังทั้งเรื่องดูราคาถูก”
“สตั๊นท์แมน?” ผู้จัดการใหญ่โบกมือทันที “ไม่ได้ ต้องเป็นนักแสดงนำ ถ้าคุณไม่เป็นนักแสดงนำ คนที่เป็นนักแสดงนำของพวกเราคงมีตัวแสดงแทนของตัวเองแน่”
เขาคิดไว้แล้ว ถ้าคุณเจิ้นไม่ร่วมแสดง เขาก็จะเลือกพระเอกที่มีคนติดตามคนนั้น กระแสนิยมคือสิ่งสำคัญ
พระเอกที่มีคนติดตามท่านนั้นมีทีมของตัวเอง น่ากลัวว่าเขาก็จะกำหนดแม้แต่ตัวแสดงแทนเองด้วย อีกอย่าง รูปร่างคุณเจิ้นท่านนี้กำยำบึกบึน ไม่เข้ากับหนุ่มน้อยคนนั้นเลย
อีกอย่าง เขาอัญเชิญประธานโพ่มาเป็นเกียรติถึงนี่ ถ้ามาแค่เพื่อเลือกตัวแสดงแทน เขาที่เป็นผู้จัดการใหญ่ก็จะดูไม่เอาไหนเกินไป แม้แต่เรื่องเล็กๆ ก็ยังจัดการเองไม่ได้
เขาเพิ่งพูดจบ เจิ้นลี่ก็เปิดปาก “ตามนี้นะคะ เจิ้นรุยจะเป็นสตั๊นท์แมนของพระเอก และฉันก็จะเป็นสตั๊นวูแมนของนางเอก เซ็นสัญญาพรุ่งนี้ ตอนนี้ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อน”
พูดจบก็ก้มหน้ากับประธานโพ่เล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจากไป
ประธานโพ่มองส่งเธอด้วยสายตา ปลื้มใจมาก เจิ้นลี่ยังมีมารยาทกับเขามาก
แต่ผู้จัดการใหญ่กลับงงงัน ทำไมถึงเอาตามนี้แล้วล่ะ? แค่ตัวแสดงแทนก็วางมาดขนาดนี้เลยเหรอ
“คุณเจิ้น น้องสาวคุณตัดสินใจอย่างนี้ไม่…”
“ศิลปะป้องกันตัวของจีน เทควันโด มวยไทย คาราเต้ เธอไร้เทียมทาน”
ผู้จัดการใหญ่ชะงัก ยิ้มพูด “ยินดีครับ ยินดีถึงที่สุดครับ”