บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2068 ออกเดินทางกลับบ้านมารดา
หลังจากประธานโพ่และผู้จัดการใหญ่กลับไป ก็ปรึกษากันเรื่องพระเอก
ผู้จัดการใหญ่ “ตอนนี้ในวงการดำเนินงานอย่างนี้ทั้งนั้น มีคนติดตามถึงมีเรื่องพูด มีเรื่องพูดถึงรักษาระดับความดังเอาไว้ได้ ท่านว่า นางเอกของเราก็ไม่มีชื่อเสียงแล้ว ถ้าพระเอกยังไม่เป็นที่สนใจอีกจะดำเนินงานยากเอานะครับ”
ประธานโพ่ “เธอเป็นมืออาชีพ เธอพูดถูก”
ผู้จัดการใหญ่ “ครับ กระทั่งว่าเรื่องนี้พวกเรายังไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงด้วย การปั่นกระแสพวกเขามีทีมของตัวเอง แค่ช่องทางการประกาศออกไป พวกเขาก็จะขึ้นอันดับเทรนด์ทั้งเดือน หัวข้ออะไรก็มีมาไม่หยุด รักษาระดับความดังได้”
ประธานโพ่ “อื่ม เธอพูดถูก”
ผู้จัดการใหญ่ “อีกอย่างนะครับ ด้านราคาพวกเรายังต้องเจรจาอีกหน่อย ตอนนี้ตลาดนิ่ง พวกเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้มีแค่ไม่กี่บริษัทที่ให้ราคาตามที่พวกเขาเรียกมาได้ พวกเราให้สักแปดส่วนก็ไม่เลวแล้ว”
ประธานโพ่ “อืม เธอพูดถูก มืออาชีพ”
ผู้จัดการใหญ่ “ผมคาดคะเน สามสิบล้านก็ได้แล้ว ถ้าคุณไม่มีข้อคิดเห็น พวกเราก็เซ็นสัญญาวันพรุ่งนี้ เป็นยังไงครับ”
ประธานโพ่ “อื่ม ไม่มีข้อคิดเห็น พรุ่งนี้เธอนัดอาจารย์หูมา พวกเราจะปรึกษาลงมติรายละเอียดความร่วมมือ”
“ไม่ใช่ครับ” ผู้จัดการใหญ่หัวเราะเอ่ย “ไม่ใช่อาจารย์หู คืออาจารย์หยาง”
“อื่ม อาจารย์หูหยาง เอาตามนี้”
“ไม่ใช่ครับ คืออาจารย์หยาง ไม่ใช่อาจารย์หู หูหยางหูหยาง อย่างหลังครับ ประธานโพ่คุณฟังให้ดีครับ”
“ฟังดีแล้ว ก็คืออาจารย์หู”
ผู้จัดการใหญ่เฮ้อทีหนึ่ง “เมื่อกี้ผมพูดไปตั้งเยอะแยะ คุณไม่ได้ฟังเลยเหรอครับ?”
ประธานโพ่มองเขาอย่างประหลาดใจ “ฟังแล้ว ยังชมเธออยู่เลย เธอไม่ได้ยินฉันชมเหรอ”
ผู้จัดการใหญ่มองเขาด้วยความรันทดอึดอัด “นั่นคุณชมผมเหรอครับ คุณทำอย่างขอไปทีกับผมต่างหาก”
“เธอนี่มันจริงๆ เลย ชมเธอแบบจริงใจจากใจจริงเธอก็ยังไม่เชื่อ ได้ พวกเรามาเอาให้เคลียร์ เมื่อกี้เธอพูดว่าหูหยางๆ ใช่ไหม ฉันบอกว่าเลือกอาจารย์หยาง แต่เธอบอกว่าเลือกอาจารย์หู แต่ฉันจะเอาอาจารย์หยางให้ได้ เธอก็จะเอาอาจารย์หูให้ได้ แล้วเธอยังพยายามเกลี้ยกล่อมฉัน บอกว่าต้องเลือกอาจารย์หู ใช่ไหม”
ผู้จัดการใหญ่มึนเล็กน้อย “ใช่ครับ ผมบอกว่าต้องเป็นอาจารย์หูไง แต่คุณกลับจะเอาอาจารย์หยาง ผมจะวิเคราะห์กับคุณสักหน่อย ว่าทำไมต้องเลือกอาจารย์หู…”
ประธานโพ่ตบบ่าของเขา พูด “ไม่ต้องวิเคราะห์แล้ว เอาตามเธอแล้วกัน ตามที่เธอบอก เลือกอาจารย์หู”
ผู้จัดการใหญ่สีหน้าผ่อนคลาย “ประธานโพ่ คุณเห็นด้วยก็ดีครับ”
เขาหมุนตัวออกไป วางแผนว่าจะเรียกคนมาร่างหนังสือสัญญาอย่างเบิกบานใจ แต่พอเดินไปถึงปากประตูกลับรู้สึกทะแม่งๆ “เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ผมบอกว่าจะเอาอาจารย์หยางมาตลอดนี่ อาจารย์หูเป็นคุณที่พูดต่างหาก”
ประธานโพ่หน้าตึงทันที “เมื่อกี้บอกว่าจะเอาอาจารย์หู เธอเป็นคนพูดใช่ไหม”
“ใช่ครับ…”
“งั้นฉันเห็นด้วยแล้ว เธอก็ดีใจมาก ใช่ไหม”
“ใช่ครับไม่ผิด…”
“แล้วเธอยังจะพูดมากอะไร เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระไม่จบสักที ถ้าเธอทำงานตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ไม่ไหว งั้นฉันก็จะ…”
ผู้จัดการใหญ่พลันยืนตรงแน่ว สำรวมสีหน้า “งั้นผมจะกลับห้องทำงานโทรหาอาจารย์หูเดี๋ยวนี้เลยครับ”
กล่าวจบก็เผ่นแนบไปทันที
ประธานโพ่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนมือไพล่หลังเดินออกไป ถอนหายใจ วิ่งทำไมกัน ก็นี่คือห้องทำงานของเขาเองไง
บริษัทดีๆ ของเขา ทำจนเหมือนอย่างกับละครเวทีงานวัด นี่ถ่ายทำออกมาแล้วไม่รู้ว่าคุณภาพจะเป็นยังไง ถ้าทำให้หลานชายดังระเบิดในตูมเดียวไม่ได้ เขาที่เป็นผู้ใหญ่ก็เป็นแบบไม่ผ่านมาตรฐานแล้ว
ทุกอย่างดำเนินตามแผนที่วางไว้ ก่อนวันพิธีเปิดกล้องก็ได้รับโทรศัพท์จากหลานชายเซเว่นอัพ บอกว่าพิธีเปิดกล้องในวันพรุ่งนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะมาร่วมงานด้วย
ประธานโพ่ดีใจเนื้อเต้น
ถึงเขาจะอยู่ที่นี่กว่าค่อนชีวิตแล้ว แต่ในเนื้อแท้ก็ยังเป็นคนเป่ยถัง จะลืมบ้านเกิดเมืองนอนไม่ได้
อีกอย่าง สาเหตุที่เขาต้องเดินบนเส้นทางนี้ ยังต้องเริ่มเล่าตั้งแต่ข้อตกลงนั้น
ตอนนั้นหยู่เหวินเซียวผู้ยากจนข้นแค้นมาหาเขา ต้องการสั่งทำอาวุธ หลังจากให้เงินมัดจำแล้ว ที่เหลือกลับต้องการติดบัญชี
น่าขัน เขาโพ่ตี้อวี้อยู่ในยุทธภพมานานหลายปีขนาดนี้ เคยทำการค้าใหญ่โตมากมาย จะให้เขาติดบัญชีได้อย่างไร ต่อให้เป็นเจ้าฟ้านายคนก็ไม่ได้
แต่เจ้าสิบแปดมงกุฎนั่นช่างรู้เขาดีจริงๆ ถึงกับให้คำสัญญา ว่าถ้ายอมให้เขาติดบัญชี ก็ยังจะขอพระราชทานชื่อขนานนามเจ้าแห่งศาสตราวุธอะไรเทือกนั้นจากฮ่องเต้ให้
ถึงเขาจะสนใจแต่เรื่องเงินทอง แต่เนื้อแท้แล้วยังรู้สึกต้อยต่ำในฐานะคนชั้นรากหญ้าของตัวเองที่สุด ถ้าได้รับการยอมรับจากราชสำนัก ฐานะก็จะเปลี่ยนเป็นไม่เหมือนเดิม
ในใจเขา ฮ่องเต้มีอำนาจบารมีเสมอ
แน่นอน เมื่อก่อนก็เคยพบฮ่องเต้และฮองเฮาเหมือนกัน สนทนาอย่างมีความสุขมาก แต่ตอนนั้นกับไม่เหมือนตอนนี้ เพราะเขาหวังจะได้รับการยอมรับกิจการจากฮ่องเต้
การที่ฮ่องเต้และฮองเฮาจะมาร่วมงานพิธีเปิดกล้องในตอนนี้ นั่นก็คือการยอมรับและคาดหวังกับกิจการของเขา
ล่าช้ามาหลายสิบปี เขายังต้องการการยอมรับจากฮ่องเต้แคว้นที่เขาอยู่เป็นอย่างมาก
เป่ยถัง
วันหยุดปีละครั้งที่หาได้ยากของหยู่เหวินเห้า ในที่สุดก็วางกำหนดการได้สักที
แต่โสวฝู่บอกว่าวันหยุดของเขาเคยหยุดไปแล้ว จะรั้งตัวเขาไว้ ดีที่รัชทายาทออกตัวในยามคับขัน เขาบอกว่าต่อไปหากเสด็จพ่อหยุด เขาจะดูแลแคว้นเอง
โสวฝู่เหลิ่งเห็นว่ารัชทายาทมีคุณธรรมหนักแน่นเช่นนี้ จึงไม่พูดอะไรอีก หันตัวลอบดีใจ บัดนี้รัชทายาทควรศึกษางานในราชสำนักแล้ว ก่อนหน้านี้พูดกับเจ้าห้าตั้งหลายหน แต่เจ้าห้าบอกว่าให้เด็กฝึกฝนอีกหน่อย ให้เขามีช่วงเวลาที่ไม่มีภาระอีกสองปี เพราะต่อไปต้องลำบากเช่นเดียวกับเขา
แต่เวลานี้รัชทายาทเอ่ยปากเองว่าจะดูแลงานบ้านเมือง เช่นนั้นเจ้าห้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
เจ้าห้าย่อมรู้ซึ้งในความคิดชั่วร้ายของโสวฝู่ แต่ทำอย่างไรได้ เขามีบุตรชายหลายคน จะสนใจคนนี้ ละเลยอีกคนไม่ได้
ภาพยนตร์ใหญ่ที่บุตรชายทำเตรียมจะเริ่มแล้ว แถมยังเล่าเรื่องของเป่ยถังด้วย อย่างไรเขาก็ต้องไปร่วมพิธีด้วยตนเองให้ได้
เก็บสัมภาระร่วมกับเจ้าหยวน พาสามใหญ่ออกเดินทางกลับบ้านมารดา