บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2073 ลูกชายคนดีที่โง่ไปหน่อย
เนื่องจากเจ้าห้าถ่ายทำบทละครของตัวเองเสร็จเร็วมาก ดังนั้นจึงยังพอมีเวลาว่างเหลืออยู่อีกสองสามวัน เขาจึงไปทำหน้าที่ลูกเขยผู้แสนกตัญญู ด้วยการพาพ่อตาแม่ยายออกไปเดินซื้อของ
อ้อ… แล้วก็ยังมีสามยักษ์ใหญ่ด้วย
หลังจากตรวจร่างกายได้สามวัน พวกเขาก็ออกจากโรงพยาบาล ในรายงานสุขภาพล้วนปัญหากันคนละเล็กละน้อย ในตับของอู๋ซ่างหวงมีซีสต์ก้อนเล็ก ๆ แต่ปัญหาไม่ร้ายแรง มาคอยรับการตรวจซ้ำก็ไม่เป็นไรแล้ว
หัวใจก็ไม่ค่อยดีนัก แต่อาการที่ส่วนหัวใจนี้เขาเคยเป็นมาก่อน ยังดีที่หยวนชิงหลิงคอยสังเกตอาการของเขาอยู่ ดังนั้นจึงไม่ร้ายแรงขึ้นไปกว่าเดิม
เซียวเหยากงมีปัญหาไขมันพอกตับ ซึ่งพบตั้งแต่การตรวจครั้งแรกแล้ว ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่คุณย่าไม่อนุญาตให้พวกเขากินแอลกอฮอล์และพวกเนื้อสัตว์
ปัญหาล่าสุดที่ตรวจพบใหม่ของท่านฉู่ คือโรคโลหิตจาง
แม้ว่าท่านฉู่จะไม่รู้เรื่องการแพทย์มากนัก แต่เขาคิดว่าในเมื่อน้องสิบแปดมีโรคไขมันพอกตับ ส่วนเขามีโรคโลหิตจาง ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าใครที่เพลิดเพลินกับความร่ำรวยด้วยการกินหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่ยั้ง ส่วนใครที่ทำงานยุ่งจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่ในราชสำนัก
ด้วยเหตุนี้เอง ท่านฉู่จึงโมโหโกรธาอย่างยิ่ง เขากับเจ้าหกต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยหนักหนาจนร่างกายเกิดโรค แต่น้องสิบแปดกลับใช้ชีวิตดีเหลือเกินแล้ว กินดีอยู่ดีจนมีไขมันพอกตับ
ทั้งที่สัญญากันเป็นดิบเป็นดีแล้วแท้ ๆ ว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แต่น้องสิบแปดเหมือนจะเสพสุขร่ำรวยอยู่คนเดียวเลยนะ
เซียวเหยากงยักไหล่เหมือนตาแก่ไม่เอาไหนคนหนึ่ง “คนเราทุกคนล้วนมีความปรารถนาที่ไม่เหมือนกัน ข้ารีบถอนตัวระหว่างที่อยู่ในฐานะอันรุ่งโรจน์ แต่เจ้าไม่เกรงกลัวความยากลำบากแพ้พ่าย ยืนหยัดต่อสู้ท้าทายอย่างกล้าหาญ ความดีและคุณธรรมของเจ้าจะถูกจดจำไปนับพัน ๆ ปี ส่วนข้าจะถูกจดจำในฐานะเซียวเหยาผู้รักอิสระ ”
อู๋ซ่างหวงยกมือขึ้นกุมอก กลอกตามองบนใส่ ” อย่ามายุให้ข้าโกรธนะ เชื่อหรือไม่ข้าจะแพร่โรคหัวใจให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”
เซียวเหยากงพูดว่า “ก็ได้ ๆ อย่างมากสุดพอกลับไปแล้ว ข้าตุ๋นน้ำแกงให้พวกเจ้าสองคนกินดีหรือไม่? ตุ๋นให้สิบปีเลย คงจะเพียงพอแล้วกระมัง?”
“ตุ๋นให้เสี่ยวสี่ด้วยล่ะ!” ท่านฉู่จ้องเขาเขม็ง
“ตุ๋นให้หมดทุกคนนั่นแหล่ะ ข้ามีเงินซะอย่าง” เซียวเหยากงล้วงหยิบเหรียญทองรูปเกือกม้าออกมาสองเหรียญ ตอนนี้เขาชินแล้ว ไม่ว่าไปไหนก็มักจะพกเจ้าของชิ้นนี้ติดตัวไปด้วยทุกที่ โดยเฉพาะเมื่อมาถึงที่นี่ เหรียญทองรูปเกือกม้าเหล่านี้มีราคาสูงมาก อันที่จริงแล้วเขาเองก็อยากทำดีกับทุกคนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินหรือลงแรงก็ได้ แต่โบราณมีคำสอนหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ความมั่งคั่งไม่ควรเปิดเผย ถ้าให้พวกเขารู้ว่าตัวเองมีเงินขนาดนี้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกปล้นชิงไปได้ง่าย ๆ
แต่ถ้าจะพูดไป อันที่จริงแล้วทุกคนในจวนอ๋องซู่ก็เก็บออมเงินกันไว้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ติดอยู่ที่ว่าพวกเขาแค่ตัดใจใช้มันไม่ลงก็เท่านั้นเอง
ในมือมีของกินไม่ขาด ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจทั้งนั้น
สามยักษ์ใหญ่มุ่งหน้าสู่การท่องเที่ยวอีกครั้งแล้ว ครั้งนี้มีประธานโพ่ตามไปรับใช้ตลอดทาง รวมถึงจัดแจงทริปการเดินทาง ตลอดจนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เสร็จสรรพ
โพ่ตี้อวี้ไม่สนใจเรื่องเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้อยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ได้ร่วมเดินทางไปกับพวกอู๋ซ่างหวง จึงค่อนข้างระมัดระวังอยู่พอสมควร นั่นเป็นเพราะว่าอู๋ซ่างหวงเข้มงวดจริงจังมาก เอะอะอะไรขึ้นมา เขาก็พร้อมจะชักสีหน้าไม่ไว้ไมตรีได้เสมอ
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ยังไงก็ออกจะกลัวเขาหน่อย ๆ อยู่เหมือนกัน
ยังดีที่ หลังจากได้ออกไปเที่ยวด้วยกันหลายวันเข้า ทุกคนต่างก็ผ่อนคลายลงมาก ใบหน้าที่เคร่งเครียดจริงจังของเขานั้น เป็นเพียงเพราะว่าเขาไม่ค่อยคุ้นเคยด้วย พอเขาคุ้นเคยขึ้นมา ก็เริ่มงัดลูกเล่นทุกประเภทมาล้อเขาเล่นไม่หยุด
หลังจากได้ออกไปเที่ยวด้วยกันหนหนึ่ง โพ่ตี้อวี้ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์น้อย ๆ จึงเป็นฝ่ายเสนอว่าไปเที่ยวที่อื่นกันต่อก็ได้ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้อยู่แล้ว
อู๋ซ่างหวงส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้พวกเราอายุมากแล้ว ค่อนข้างคิดถึงบ้านง่าย เลยอยากจะกลับไปพร้อมกับเจ้าห้าเลย”
โพ่ตี้อวี้ถึงกับหลุดขำ ทำอย่างกับว่าพวกเขาเพิ่งแก่อย่างนั้นแหล่ะ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าพวกเขามาเที่ยวเล่นทีไร ต่างก็เที่ยวอย่างสนุกสนานจนลืมบ้านเกิดเมืองนอนกันเลยทีเดียว
อันที่จริงแล้วอู๋ซ่างหวงกับเซียวเหยากงสองคนนี้ยังไงก็ได้ แต่ท่านฉู่อยากกลับแล้ว เขาไม่อาจห่างแม่นมสี่ไปนาน ๆ ได้ เดิมทีครั้งนี้เขาอยากพานางมาที่นี่ด้วย แต่นับจากที่นางได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของนางก็ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนอีก
ระหว่างที่เตรียมตัวก่อนจะกลับไป เจ้าห้ายังพาพวกเขาไปที่กองถ่ายด้วย พวกเขาจึงได้เห็นหน้าตาของนักแสดงที่มารับบทเป็นสามยักษ์รุ่นเยาว์
เซียวเหยากงกับท่านฉู่ดูแล้วรู้สึกพอใจมาก แต่อู๋ซ่างหวงมองดูเจ้าหนูนั่นเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมยิ่งดูก็ยิ่งขัดนัยน์ตา ตอนเขายังหนุ่ม เขาเองก็หล่อเหลางามสง่าเหมือนกันนะรู้หรือไม่?
ยิ่งพอได้มาดูหน้าตาของพระเอกนางเอกอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่กลับไม่มีความรู้สึกว่าสามารถเชื่อมต่อกับพี่เหว่ยและพี่สะใภ้ได้เลย
แต่หลังจากได้ดูตอนที่พวกเขาแสดง ความรู้สึกไม่เข้ากันที่ว่าก็พลันหายไปทันที ทุกย่างก้าวทุกการเคลื่อนไหวก็แทบจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าไม่ดูหน้าล่ะก็ พวกเขาก็คือพี่เหว่ยและพี่สะใภ้ตัวเป็น ๆ เลยทีเดียว
หยู่เหวินเห้าอธิบายว่า: “ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนได้รับการสอนโดยเซเว่นอัพ ทำให้ทุกอากัปกริยาของพวกเขา เหมือนตัวจริงจนแทบจะแยกไม่ออกเลยเชียวล่ะ”
“มิน่าล่ะ” อู๋ซ่างหวงมองแล้วมองอีก จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกปวดใจน้อย ๆ การที่ตัวเองซึ่งอายุมากขนาดนี้แล้วได้มาเห็นพี่เหว่ยกับพี่สะใภ้ตอนวัยหนุ่มสาว มันเป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกสะท้อนใจมากจริง ๆ
รู้สึกว่าพวกเขาช่างเด็กน้อยสิ้นดี กับแค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งก็ทะเลาะกันได้แล้ว ทั้งยังทุบทำลายข้าวของจนทั้งห้องพังพินาศเละเทะไปหมด
พวกเขาไม่ได้รั้งอยู่ในกองถ่ายนานนัก มีเรื่องราวเก่า ๆ มากมายเกินไป อะไรที่จำไม่ได้ก็ปล่อยให้จำไม่ได้ไปทั้งอย่างนั้นเถอะ
ช่วงที่เริ่มเตรียมตัวกลับบ้าน ศาสตราจารย์หยวนกับคุณแม่หยวนต่างก็สัญญาว่าจะไปฉลองปีใหม่ปีนี้ที่บ้านของพวกเขา
ส่วนหยู่เหวินเห้าก็ใช้เวลาเท่าที่เหลือคุยกับพวกลูก ๆ
เกี่ยวกับเรื่องของข้าวเหนียว เขาแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปว่า “ถ้าลูกอยากคบแฟนสาวที่นี่สักคน พ่อก็จะไม่ห้ามลูกหรอก คนหนุ่มสาวน่ะ ก็ควรจะได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับชีวิตในวัยเยาว์ ได้ตกหลุมรักใครสักคน ต่อให้มีเรื่องน่าเสียใจบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราอยู่แล้ว แต่ถ้าลูกอยากมุ่งมั่นตั้งใจเรียนอย่างเดียว ก็ได้เหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็พร้อมจะสนับสนุนลูกเสมอ”
เมื่อข้าวเหนียวได้ยินดังนั้น ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัย “คบแฟนสาว? ทำไมต้องคบแฟนสาวด้วยล่ะ? นี่จะไม่เสียเวลาแย่หรอกเหรอ? พ่อรู้ไหมว่าผมมีการบ้านเยอะขนาดไหน? รู้ไหมว่าผมเรียนหนักขนาดไหน? แค่เวลานอนผมยังแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ”
“หา? นี่เจ้าโง่ขนาดนี้เลยเชียวรึ?” หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน ลูกชายของเขาล้วนมีพรสวรรค์โดดเด่นไม่ธรรมดา ทำไมถึงมีเรื่องที่ว่าทำการบ้านยุ่งมากจนไม่ได้นอนล่ะเนี่ย?
“พ่อ ผมไม่ได้โง่นะ แค่เรียนเยอะเฉย ๆ ” ข้าวเหนียวถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว
“ได้ ๆ ๆ เจ้าก็ฉลาดมากเหมือนกัน พ่อรู้” หยู่เหวินเห้ารีบปลอบใจ เฮ้อ ไม่ว่าจะโง่สักแค่ไหน ก็ยังเป็นลูกชายของตัวเองอยู่ดีไม่ใช่รึ? จะรังเกียจไม่ได้เด็ดขาด