บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2074 หยู่เหวินเห้ามีความคิดใหม่
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2074 หยู่เหวินเห้ามีความคิดใหม่
เมื่อกลับถึงเป่ยถัง หยู่เหวินเห้าก็ตรงไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที คิดจะอ่านฎีกาที่สะสมไว้ทั้งหมดให้เสร็จ
เพราะนี่มันสิบวันเชียวนะ น่ากลัวว่าโต๊ะทำงานคงจะเต็มไปด้วยฎีกากองพะเนินเท่าภูเขาแล้ว
แต่เมื่อเขามาถึงห้องทรงพระอักษร กลับเห็นว่ามีฎีกาแค่ไม่กี่เล่มที่วางกระจายอยู่ เขาเปิดออกดู จึงเห็นว่าฎีกาเหล่านี้ล้วนได้รับการลงนามอนุมัติแล้ว ขาดเพียงการประทับตรารับรองเท่านั้น
ฎีกาเหล่านี้เป็นคำขอสร้างระบบชลประทานในพื้นที่ต่าง ๆ เขาอ่านดูรอบหนึ่ง เป็นการวิเคราะห์งานที่ดีมาก
ตอนแรกคิดว่าเป็นโสวฝู่ แต่หลังจากพินิจดูลายมืออย่างละเอียดแล้วกลับไม่ใช่ เป็นรัชทายาทที่เขียนบทวิเคราะห์
หยู่เหวินเห้าถึงกับตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ก่อนจะสั่งให้มู่หรูกงกงเรียกโสวฝู่มาเข้าพบทันที
หลังจากคุยกับเจ้าเหลิ่งในห้องทรงพระอักษรได้ราว ๆ หนึ่งชั่วยาม เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินว่าในช่วงสิบวันหลังจากที่เขาไป เรื่องอะไรทั้งหลายที่เกิดขึ้นในราชสำนัก ล้วนมีรัชทายาทที่เป็นคนดูแลจัดการให้ทั้งหมด เขาฟังแล้วถึงกับตื่นตะลึงไปเลย
เขารู้ว่าลูกชายของเขาใช้การได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะใช้การได้มากมายครอบคลุมถึงขนาดนี้ เรียกว่าบางจุดยังทำได้ดีกว่าเขาเสียอีก
ตอนค่ำ หยู่เหวินเห้าก็เฝ้าครุ่นคิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง แต่เขาไม่ได้พูดกับเจ้าหยวน เพราะเขารู้สึกว่าถ้าเขาทำแบบนี้จริง ๆ ล่ะก็ มันออกจะดูเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย
แต่เขาคิดว่ารัชทายาทดีมาก แม้ว่าจะมีบางเรื่องที่อาจจัดการได้อย่างไม่มีวุฒิภาวะนัก แต่ถ้าเขาสั่งสมประสบการณ์เพิ่มอีกนิด มันจะต้องดีขึ้นกว่านี้แน่ ๆ
มีเขาอยู่ รัชทายาทจะสามารถฝึกฝนประสบการณ์ได้อย่างสบายใจ แต่เมื่อไหร่ที่ต้องขึ้นมากุมอำนาจ นั่นแหล่ะถึงจะเป็นประสบการณ์อย่างแท้จริง
เขาครุ่นคิดอยู่นาน แต่เห็นว่าเจ้าหยวนยังไม่กลับห้อง จึงสอบถามดู ถึงรู้ว่านางกำลังทำงานยุ่ง ๆ อยู่ในห้องหนังสือเล็ก
เขารู้ว่านางกำลังยุ่งอยู่กับงานอะไร ตอนที่กลับมา นางบอกว่ายาที่พัฒนาขึ้นใหม่ตัวหนึ่งได้เริ่มทำการทดสอบแล้ว ส่วนยาที่เคยทดสอบก่อนหน้านี้ก็เริ่มออกสู่ท้องตลาดแล้วด้วย นางจึงนำข้อมูลมากมายมหาศาลเหล่านั้นกลับมาอ่าน
พอคิดได้เช่นนี้ จึงทำให้ความคิดเรื่องการกระจายอำนาจของเขายิ่งแน่วแน่มากขึ้น เพราะมีเพียงการกระจายอำนาจเท่านั้น ที่มันจะทำให้เจ้าหยวนได้ทำในสิ่งที่นางต้องการได้
เจ้าหยวนยอมสละอาชีพที่นางรักเพื่อเขามาโดยตลอด แต่นางเป็นคนที่ทั้งฉลาดและมีความสามารถขนาดนี้แท้ ๆ ตามเหตุผลแล้วนางควรได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
เมื่อก่อนได้แต่วิ่งไปวิ่งมาทั้งสองด้านเสมอ ๆ ช่วงเวลาที่จากไปก็จะทิ้งห่างกันนานมากไม่ได้ ต้องรีบไปรีบกลับ ช่างลำบากนางเหลือเกินแล้ว
ถ้าทุกครั้งที่กลับไป นางสามารถอยู่ที่นั่นได้นานขึ้นอีกหน่อย ก็อาจมีโอกาสที่นางจะประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้ก็ได้
ค่ำคืนนี้เย็นเยียบราวกับสายน้ำ เขานั่งอยู่ใต้เฉลียง มองดูเงาจันทร์ที่บิดเบี้ยวโค้งงอ โดยมีมู่หรูกงกงนั่งสัปหงกอยู่อีกด้าน
“มู่หรู ถ้าง่วงก็กลับไปนอนเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าที่นี่หรอก” หยู่เหวินเห้ากล่าว
มู่หรูกงกงกลับมานั่งตัวตรงทันที “อายุมากแล้ว ไม่ง่วงพ่ะย่ะค่ะ นอนได้ไม่นานเท่าไหร่”
“ยังจะบอกว่าไม่ง่วงอีกรึ? แค่เปลือกตาเจ้าก็แทบจะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว”
“ไม่ง่วงพ่ะย่ะค่ะ แค่หลับตาพักสมองเฉย ๆ ” มู่หรูกงกงฝืนเลิกคิ้วจนสูง ง่วงจนหนังตาปรือซ้อนกันเป็นสามชั้น
หยู่เหวินห่าวเห็นว่าเขาเอาแต่พูดว่าเแก่ แต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความแก่มาโดยตลอด ในใจก็พลันเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา เอ่ยถามว่า “มู่หรู อยากเกษียณหรือไม่?”
“เกษียณ? ทำไมต้องรีบร้อนล่ะพ่ะย่ะค่ะ? คนเราพอตายไปก็ได้เกษียณเป็นธรรมดา ถึงตอนนั้นค่อยเกษียณก็ได้”
“เจ้าอยู่ในวังมาทั้งชีวิต ไม่คิดว่ามันน่าเบื่อหรอกหรือ?”
“ข้าน้อยจะไปที่ไหนได้? ข้าน้อยได้อยู่รับใช้ข้างกายพระองค์ก็สบายใจยิ่งแล้ว”
“แล้วถ้าข้าต้องไปที่อื่นล่ะ?”
มู่หรูกงกงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขา “ไปที่อื่น? ก็คือสถานที่ที่ท่านไปทุกครั้งนั่นน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ? บ้านเดิมที่แท้จริงของฮองเฮา?”
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มู่หรูกงกงรู้อยู่แก่ใจ แต่เขาแค่ไม่เคยถามออกมา
“อื้ม ก็ประมาณนั้น”
มู่หรูกงกงตอบว่า: “กลับกัน ไม่ว่าฝ่าบาทอยู่ที่ไหน ข้าน้อยก็อยู่ที่นั่น หรือหากฝ่าบาททรงต้องการให้ข้าน้อยอยู่ที่ไหน ข้าน้อยก็จะอยู่ที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”
“ท้องฟ้าสูง ทะเลกว้าง เจ้าควรได้ออกไปท่องเที่ยวดูบ้าง”
มู่หรูกงกงเงียบงัน เขาอยู่ในวังมากว่าครึ่งชีวิต จะพูดอะไรถึงโลกภายนอกได้? ที่ที่เขาเคยไป ก็แค่ไปเดินเตร็ดเตร่แถวรอบ ๆ เมืองหลวง ในช่วงหลายปีมานี้ สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เขาเคยไปคือหมู่ตึกเหมย ไปเพื่อน้อมทักทายไท่ซ่างหวง
หลังจากเงียบไปนาน เขาก็พูดว่า: “โลกภายนอกอันตรายเกินไป คนแก่ไม่ควรไปไหนมาไหนเรื่อยเฉื่อย จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ”
หยู่เหวินเห้าดึงตัวเขาเข้ามา ให้ไปนั่งลงข้าง ๆ เขา “เจ้าวางใจเถอะ ถ้าจะออกไปข้างนอกจริง ๆ ข้าจะไปกับเจ้าด้วยแน่นอน”
มู่หรูกงกงถามทันทีว่า : “องค์หญิงไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“องค์หญิงอาจไปเป็นครั้งคราว”
มู่หรูกงกงพูดว่า: “ถ้าองค์หญิงไม่ไป ข้าน้อยก็ไม่ไปแล้วดีกว่า ถ้าข้าน้อยออกไปข้างนอก อย่างไรก็วางใจองค์หญิงไม่ลงจริง ๆ”
“มู่หรู ในฐานะผู้อาวุโส เจ้าต้องหัดเรียนรู้วิธีที่จะปล่อยวางลงเสียบ้าง ให้เด็ก ๆ ได้ออกไปสำรวจโลกกว้างของพวกเขาเอง”
“คำพูดนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก ต่อให้สูงแค่ไหน ก็ยังต้องมีรังของตัวเองอยู่ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? ในรังไม่ควรมีคนอยู่เฝ้าหรอกหรือ?”
“หรือจะพูดได้ว่า ในใจของเจ้า ข้าไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับองค์หญิงแล้ว?”
มู่หรูกงกงลืมตาขึ้น “เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงถามเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ? คนที่สำคัญที่สุดในใจของข้าน้อย ถูกต้องแล้ว ย่อมต้องเป็นองค์หญิง เหตุผลหลัก ๆ คือข้าน้อยรู้สึกไม่วางใจ กลัวว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดนั้นมีไม่มาก วันหลังก็ไม่รู้ว่าพอแต่งออกไปแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสได้พบหน้ากันอีก ช่วงเวลาที่ยังได้อยู่ด้วยกัน ก็ดูแลรับใช้ให้ดีเถิด ข้าน้อยแก่แล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองไปที่เส้นผมของเขา พบว่ามันขาวขึ้นมากจริง ๆ ทั้งยังมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย เรียกได้ว่าบนใบหน้าเขียนอายุที่มากขึ้นเอาไว้อย่างเด่นชัด
“มู่หรู ครั้งหน้าถ้าข้าออกไปข้าจะพาเจ้าไปด้วย ให้เจ้าได้กินอะไรมากมายที่เจ้าไม่เคยกินมาก่อน ให้ดูอะไร ๆ ที่เจ้าไม่เคยได้เห็นมาก่อน โอ้ แน่นอนว่า ข้าจะพาเจ้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลด้วย”
เจ้าหยวนมักชอบพูดถึงสุขภาพของคนแก่จนติดปาก ดังนั้นเจ้าห้าจึงคิดอยู่เสมอว่า คนแก่ทุกคนล้วนต้องเข้ารับการตรวจร่างกายในโรงพยาบาล
มู่หรูกงกงรับใช้ราชวงศ์มาเกือบตลอดชีวิตแล้ว ถ้ามีของอะไรดี ๆ หยู่เหวินเห้าก็อยากจะแบ่งปันกับเขา เอ่อ… แม้แต่เจ้าเหลิ่งกับหงเย่ก็ยังไม่คู่ควรเท่าไหร่
พวกเขายังสามารถทำงานได้อีกหลายสิบปี รอให้ผ่านไปสักสิบกว่าปีแล้ว ค่อยพาพวกเขาไปตรวจร่างกายสักครั้งก็แล้วกัน
เจ้าห้าไม่สามารถเก็บซ่อนความคิดของเขาได้ไหว รอจนหยวนชิงหลิงกลับมา เขาก็หยั่งเชิงถามทันทีว่า “เจ้าคิดอยากจะกลับไปตั้งรกรากที่นั้นสักครึ่งปี ไม่ก็สักปีบ้างหรือไม่?”
“หือ?” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ตอนที่พวกเรากลับไปครั้งนี้ ข้าให้เจ้าใหญ่ดูแลงานบ้านเมือง ข้าได้อ่านการวิเคราะห์ฎีกาที่เขาเขียน บอกได้คำเดียวเลยว่า เยี่ยม ทั้งมีความคิดล้ำหน้าและมั่นคง แล้วก็ดูจากตอนที่คุยกับเจ้าเหลิ่ง ก็เห็นได้ว่าเจ้าเหลิ่งพูดชมเขาไม่ขาดปาก ว่ามีแววโดดเด่นเหมือนข้าเมื่อสมัยก่อน”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้น เจ้าเลยอยากจะเกษียณ?”
“อาศัยว่าป่วย กึ่ง ๆ เกษียณ จากนั้นก็พาเจ้าไปตำหนักแยกของราชวงศ์เพื่อพักฟื้น”
หยวนชิงหลิงเอนตัวไปพิงไหล่ของเขาแล้วพูดว่า: “เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ ข้าไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรเจ้าได้มากนัก เจ้าต้องตัดสินใจเอง แต่ถ้าเจ้ารู้สึกว่าเจ้าอยากถามความคิดเห็นของคนอื่น เจ้าก็ลองไปถามอู๋ซ่างหวงกับไท่ซ่างหวงดูเถอะนะ”
“อื้ม ข้าเองก็อยากคุยกับพวกเขามากจริง ๆ” หยู่เหวินเห้ายกขาขึ้นมาไขว้ห้าง ท่าทางสงบนิ่งไม่หวั่นไหว ” ติดที่ว่าข้าอายุเพียงแค่นี้ ก็คิดอยากจะเกษียณแล้ว มันจะไม่ดูน่าละอายไปหน่อยหรือ?”
“ไม่หรอก เจ้าเองก็อยู่ในบัลลังก์มานานหลายปีแล้ว ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไว้มากมาย แถมเจ้าก็แค่อาศัยว่าป่วยเพื่อกึ่ง ๆ เกษียณ ถ้าเปาเอ๋อร์ยังไม่โตพอจริง ๆ เจ้าก็สามารถหายจากอาการป่วยได้นี่”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า เขารู้สึกว่าบางทีเป่ยถังอาจต้องการผู้นำคนใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเสริมสร้างประเทศและสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับประชาชน