บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2078 หลังจากนี้ไปจะเตรียมฟันปลอมไว้ให้มู่หรูกงกง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2078 หลังจากนี้ไปจะเตรียมฟันปลอมไว้ให้มู่หรูกงกง
นับจากนั้นมา ใบหน้าของเจ้าห้าก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีต่าง ๆ ไม่เคยซ้ำ บางครั้งก็ขาวซีด บางครั้งก็เหลืองซีด บางครั้งก็เขียวคล้ำ บางครั้งก็แดงเห่อเหมือนมีไข้ พูดแบบสรุปสั้น ๆ ก็คือดูอย่างไรก็ไม่ได้มีสุขภาพที่แข็งแรงดีแน่นอนนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่ในราชสำนักหารือเรื่องงานต่าง ๆ เขาก็มักจะถามความคิดเห็นของรัชทายาทเสมอ และบางเรื่องก็ปล่อยให้รัชทายาทเป็นคนตัดสินใจ
วันนี้เป็นวันก่อนที่ราชสำนักจะหยุดพักผ่อน ซึ่งถือเป็นการประชุมราชสำนักครั้งสุดท้ายของปีนี้
อ๋องฉีแห่งกรมการพระนครกำลังพูดถึงการจัดงานเฉลิมฉลอง ระหว่างราชสำนักกับประชาชนในช่วงตรุษจีน เขาก็ถึงกับได้ยินเสียงกรนแว่วมาเลยทีเดียว
ขุนนางทุกคนโกรธมาก ในราชสำนักที่เคร่งเครียดจริงจังเช่นนี้ ถึงกับมีคนนอนหลับเลยหรือ? ช่างไม่สมเหตุสมผลสิ้นดี
ทุกคนเงียบเสียงลง พยายามหาที่มาของเสียงเจ้าคนสารเลวที่มันกล้านอนในท้องพระโรง แต่สุดท้ายเมื่อหาเจอแล้ว สายตาของทุกคนก็ไปรวมตัวกันจ้องมองขึ้นไปบนบัลลังก์มังกรเป็นตาเดียว
เห็นแค่พระเศียรของฝ่าบาทเอียงเล็กน้อย สองตาปิดสนิท ทั้งร่างอยู่ในสภาพที่ดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง เสียงกรนที่ว่าดังแว่วมาจากเขานั่นเอง
ฝ่าบาทนอนหลับ? นี่ฝ่าบาทถึงกับนอนหลับในท้องพระโรงเลยรึ?
มู่หรูกงกงรีบออกมา เปล่งเสียงประกาศดังลั่น “เมื่อคืนนี้ฝ่าบาทไม่ค่อยสบาย ไอหนักมากจนถึงยามสาม ไอจนนอนไม่ได้ เกรงว่าตอนนี้คงจะง่วงมากแล้ว ขอทุกท่านถอยออกไปก่อนเถิด”
หัวใจของทุกคนหนักอึ้งจมดิ่ง ทำไมสถานการณ์ของฝ่าบาทยิ่งนับวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะนี่? ตอนแรกแค่มีอาการไอ จนตอนนี้ก็ยังไออยู่ อีกทั้งช่วงนี้สีหน้าก็ไม่ค่อยจะสู้ดีมาโดยตลอด ทักษะทางการแพทย์ของฮองเฮายอดเยี่ยมตั้งขนาดไหน รักษาแล้วก็ยังไม่ได้ผลเลยรึ?
หลังเลิกประชุมราชสำนัก บรรดาขุนนางทั้งหลายก็เข้าไปรุมล้อมรัชทายาทเพื่อถามรายละเอียด
รัชทายาทบอกอย่างสงบนิ่งว่า ในช่วงหลายปีมานี้เสด็จพ่อทรงทุ่มเททำงานในราชสำนักมากเกินไป บวกกับอาการบาดเจ็บจากสมัยก่อน จึงมีปัญหาโรคเก่ารุมเร้า ต้องขอบคุณการดูแลเอาใจใส่ของเสด็จแม่ในช่วงหลายปีมานี้ ที่ทำให้พอจะกดอาการให้ทุเลาลงไปได้บ้าง
แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่สามารถกลับไปเหมือนกับเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ได้ พอร่างกายเริ่มมีอาการเจ็บป่วยเมื่อยล้าขึ้นมานิดหน่อย ก็จะทำให้อาการเก่า ๆ กำเริบ เกิดเป็นแรงผลักดันที่หนุนส่งกันให้โรครุนแรงยิ่งขึ้น
บรรดาขุนนางได้ยินแล้ว ก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าฝ่าบาทเมื่อครั้งที่ยังเป็นอ๋องฉู่ก็ทรงงานหนักมาโดยตลอด ในช่วงหลายปีมานี้ แทบจะไม่เคยได้ยินพระองค์เอ่ยว่าป่วยเลย ดังนั้นพวกเขาจึงคิดกันไปเองแบบไม่รู้ตัวว่าฮ่องเต้ของพวกเขาร่างกายทำจากเหล็ก ไม่มีทางล้มป่วยเด็ดขาด
แต่คนเราจะไม่ป่วยเลยได้อย่างไรล่ะ? ยิ่งถ้ามีร่างกายที่มีโรคเก่าอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ในช่วงที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ เป่ยถังเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพระองค์ทรงงานอย่างหนัก ยังดีที่การสืบราชสันตติวงศ์ของรัชทายาท เป็นแบบส่งต่อจากบิดาไปยังโอรส ดังนั้นพอเหล่าขุนนางได้เห็นแบบนี้ต่างก็รู้สึกวางใจลงไปได้มาก
ในความเป็นจริง หลายวันมานี้เจ้าห้าเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
เขาเคยชินกับการประชุมราชการเช้า จากนั้นก็ไปหารือเรื่องต่าง ๆ ในห้องทรงพระอักษร บางครั้งการฟังข้าราชบริพารคุยกัน เย้าแหย่พวกเขาสักหน่อย ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้ไม่น้อย
อันที่จริงสำหรับเขาตอนนี้ ความยากอยู่ที่การบอกลาชีวิตที่เคยผ่านมาต่างหาก ก็เหมือนกับคนที่กำลังจะออกจากงาน ในใจมักจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ยากจะตัดใจได้
แต่เขาแค่ต้องนึกถึงเรื่องที่เจ้าหยวนยอมทิ้งทุกอย่างที่นั่น แล้วตามเขามาอยู่ที่เป่ยถัง ความอาลัยอาวรณ์ของนางล้วนถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด ในใจเขาจึงรู้สึกปล่อยวางลงได้ในที่สุด
ช่วงพลบค่ำ สองคนสามีภรรยาจะเคยชินกับการนั่งคุยกัน ปรึกษาหารือถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันหรือความคิดต่าง ๆ ที่อยู่ในใจของพวกเขา
เจ้าห้าก็พูดเรื่องพวกนี้ตามความจริงเช่นกัน
เจ้าหยวนเอนตัวไปพิงไหล่ของเขาแล้วพูดว่า: “เจ้าจะคิดแบบนี้ไม่ได้นะ เหตุผลที่ข้ารั้งอยู่ในเป่ยถังไม่ใช่แค่เพราะเจ้าเท่านั้นหรอก ช่วงแรก ๆ นั่นเป็นเพราะความจนใจ ต่อมาเป็นเพราะมีครอบครัวอยู่ที่นี่ มีเจ้า มีพวกลูก ๆ มีเพื่อนเป็นของตัวเอง ดังนั้นเรื่องพวกนี้จึงไม่สามารถยกมาเปรียบเทียบกันได้ สิ่งเดียวที่เจ้าต้องพิจารณาเมื่อจะทำการตัดสินใจเรื่องนี้ คือการพัฒนาของเป่ยถังในวันข้างหน้า ไม่ใช่ข้า”
“ข้าคิดเพื่อเปาเอ๋อร์” หยู่เหวินเห้าพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นให้มาก ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องนี้ยังไงก็ต้องส่งต่อให้เขาอยู่ดี ปัญหามีแค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น นอกเสียจากว่าในใจเจ้ามีแผน ว่าจะแต่งงานใหม่แล้วมีลูกชายอีกคน….”
“รีบหุบปากไปเลย” เจ้าห้าจ้องนางเขม็ง “นี่มันใช่คำพูดที่เจ้าพูดได้ตามอำเภอใจรึ? ที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน ทำไมเจ้าถึงต้องเตือนด้วยล่ะว่าข้าสามารถทำแบบนี้ได้? ถ้าข้าเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาจริง ๆ แล้วมีสามวังหกตำหนักเพิ่มเข้ามา ข้าไม่ยุ่งตายเลยหรอกหรือ?”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา เจ้าหยวนยังไม่ทันได้พูดอะไร มู่หรูกงกงกลับหลุดหัวเราะออกมาก่อนแล้ว เป็นการหัวเราะที่ฟังหยามหยันอย่างยิ่ง เจ้าตัวยังอดพูดเสริมเข้าไปอีกประโยคไม่ได้ว่า “หากฝ่าบาททรงมีความคิดเช่นนี้จริง ๆ ข้าน้อยย่อมสนับสนุนท่าน เมื่อไหร่จะเริ่มการคัดเลือกพระสนมหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระดูกกระเดี้ยวของข้าน้อยยังนับว่าดีอยู่ สามารถช่วยท่านเตรียมการได้ คัดเลือกพระสนมแล้ว ข้าน้อยยังมีโอกาสได้กินอะไรดี ๆ อีกมื้อด้วย”
หยู่เหวินเห้าคว้าผลพุทราจีนขึ้นมาแล้วขว้างออกไปทันที “ตาแก่ที่แทบจะไม่มีฟันเหลือซักซี่ ยังอยากจะกินอะไรดี ๆ อีกรึ? ไปดื่มโจ๊กใสของเจ้าซะไป๊ เจ้าลองดูตัวเองซิ จนเหลือฟันหน้าแค่สองซี่แล้วแท้ ๆ ไอ้ฟันหน้าสองซี่นี้ของเจ้าก็ดื้อด้านนักนะ วันหลังข้าจะถอนมันออกมาทั้งสองซี่ไม่ให้มีเหลือเลยคอยดู”
จะพูดไป ถ้าฟันไม่ดี กระเพาะก็จะไม่ดี มู่หรูกงกงควรได้เวลาไปทำฟันสักชุดแล้ว ตอนนี้การทำฟันปลอมสักชุด เป็นอะไรที่สะดวกมากเลยทีเดียว
มู่หรูกงกงยิ้มโชว์ฟันอย่างภาคภูมิใจ “ไม่สำคัญหรอกว่าข้าน้อยจะมีฟันเหลืออยู่กี่ซี่ แต่ข้าน้อยอายุปูนนี้แล้วยังมีฟันเหลือ มีคนแก่ตั้งเท่าไหร่ที่ต้องนึกอิจฉา? โปรดอย่าเปลี่ยนเรื่อง ฝ่าบาททรงวางแผนว่าจะคัดเลือกพระสนมเมื่อไหร่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? เรื่องนี้ไม่ควรชักช้า”
“เจ้านี่มัน…. ข้าก็แค่พูดเล่นเฉย ๆ ” จู่ ๆ เขาก็ร้องอั้ยหยาออกมาประโยคหนึ่งแล้วผุดลุกขึ้น นวด ๆ ที่เอว แล้วมองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยสีหน้ารันทดคล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม “แค่อารมณ์ขันน่ะ เจ้าเข้าใจคำว่าอารมณ์ขันสินะ?”
หยวนชิงหลิงกวักมือเรียกพลางยิ้มแย้ม “มานี่สิ ให้ข้าได้ใช้อารมณ์ขันกับเจ้าอีกสักหน่อย”
“ไม่ต้องอารมณ์ขันแล้วก็ได้ อันที่จริงข้าก็ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ขันสักเท่าไหร่หรอก” เจ้าห้าหันหลังได้ก็วิ่งหนีไปทันที แต่ผ่านไปไม่นานก็ถูกตามทัน โดนจับบิดหูแล้วลากกลับไป
มู่หรูกงกงหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะถอยออกไป นานมากแล้วจริง ๆ ที่ไม่ได้เห็นฝ่าบาทกับฮองเฮาหยอกเย้ากันเหมือนกับสมัยที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว
ทั้งรักใคร่ทั้งเย้าหยอกกันตลอดเวลา ดูแล้วเหนื่อยแทนจริง ๆ