บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2084 พามู่หรูไปติดฟันปลอม
หลังจากทางวิลล่าจัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว หยวนชิงหลิงก็ไปรับพ่อกับแม่มาอยู่ แล้วให้พี่ชายอยู่ที่แฟลตแห่งนั้นตามลำพัง
โตจนขนาดนี้แล้ว ก็ควรให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วยตัวเองได้แล้ว อย่าคาดหวังแต่จะให้พ่อแม่ช่วยซักผ้า ทำกับข้าวกับปลาให้กินตลอด ที่สำคัญ เขากับฟางหวูน่าจะถึงเวลาที่ควรพิจารณาเรื่องที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้แล้วมั้ย ?
พี่หยวนเป็นคนที่พิสดารไม่เหมือนใคร เขาบอกว่าเวลาที่ได้อยู่กับพ่อแม่เขาจะมีความสุข ตอนนี้อยู่คนเดียวเขาก็มีความสุข ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน แค่เมื่อไหร่ที่ว่างค่อยมาเจอหน้ากันก็พอ
และมันก็ช่างบังเอิญที่ฟางหวูเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวมาก แค่มาพบกันเป็นครั้งคราว สิ่งที่พวกเขาเห็นจะเป็นด้านดีของอีกฝ่าย แต่หลังจากอยู่ด้วยกันไป พวกเขาจะต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับการผายลม หรือพวกการขับถ่ายที่ควบคุมไม่ได้ของอีกฝ่ายเป็นบางครั้งบางคราว
มันทำลายความรู้สึกอันงดงามสิ้นดี
ศาสตราจารย์หยวนสองสามีภรรยาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้ไปอยู่กับลูกสาว เมื่อก่อนตอนที่ลูกสาวกับลูกเขยกลับมา พวกเขาต้องรีบร้อนไปทำธุระให้เสร็จ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เป็นความรู้สึกที่เหมือนได้กลับมาบ้านเลยจริง ๆ
พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอมากี่ปีแล้วนะ?
หลังจากจัดการทุกอย่างเข้าที่ เรื่องแรกที่จะทำคือพามู่หรูไปติดฟันปลอม
ในตอนแรกมู่หรูกงกงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก ไม่มีฟันแล้วก็กินอะไรอ่อน ๆ แทนไม่ได้หรือ? ทำฟันปลอมทำไม? เป็นฟันของใครกัน? ไม่สกปรกแย่รึ?
ดังนั้นจะเป็นจะตายเขาก็ไม่ยอมไป จนสุดท้ายเจ๋อหลานก็ออกหน้ามาช่วยพูดให้ว่าไม่ใช่ฟันของใคร แต่เป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาจากวัสดุพิเศษ หลังจากติดเข้าไปแล้ว ก็จะสามารถกินเนื้อสัตว์ได้แล้ว
นอกจากนี้ ท่านอาสวีอีก็มีฟันปลอมสองซี่ด้วย ในบรรดาฟันในปากของเขาตอนนี้ ฟันปลอมสองซี่ที่ว่านั้นคือฟันดูสวยที่สุด
คำพูดขององค์หญิง คือสิ่งที่มูหรูกงกงเชื่อฟังมาโดยตลอด บวกกับตัวเขาเคยง้างปากของใต้เท้าสวีออกดู ก็พบว่าฟันทั้งสองซี่นั้นเป็นฟันที่ดูดีมากจริง ๆ
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตามเขาไปที่โรงพยาบาลทันตกรรม แต่อยู่บ้านเพื่อพยายามยัดเยียดความรู้เกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาเข้าหัวอยู่ เพราะเขาเชิญพวกคุณหูมากินบาร์บีคิวที่บ้าน ถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องถาม เกี่ยวกับเรื่องการสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาของเขาอย่างแน่นอน
ครั้งนี้เขาดูสารคดีอย่างจริงจัง หลังจากดูจบ เขาก็มีอันต้องตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปเลย
ใต้ท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง ทุกซอกมุมติดแน่นเป็นแผ่นน้ำแข็งไปทั่วทุกสารทิศ มันเป็นโลกที่ห่างไกล แต่มันก็เป็นโลกเดียวกับที่พวกเราอาศัยอยู่เช่นกัน
จู่ ๆ เขาก็ค้นพบความคับแคบของตัวเอง
แต่ก่อนเคยคิดว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้ มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ขบคิดเรื่องภายในเป่ยถังได้อย่างทะลุปรุโปร่งนับพันนับหมื่น แต่ภายหลังมาจึงได้รู้ว่า การเปลี่ยนผ่านแบบเก่าไปใหม่มาในทุก ๆ ราชวงศ์นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเพียงการทำเรื่องตรงหน้าให้ดีที่สุด ถึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ขึ้นได้จริง
ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามุมมองของตัวเองกว้างขึ้นมาก มิน่าล่ะ ตอนแรกที่ท่านฉู่ได้ดูสารคดีเกี่ยวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ ก็ถึงกับตื่นตะลึงจนขวัญเตลิด เอาแต่พร่ำรำพันถึงความเล็กจ้อยไร้ค่าของตัวเอง แต่ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติด้วยเช่นกัน
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทั้งอ่อนแอทั้งเล็กจ้อยไม่ต่างอะไรกับมด แต่กลับสร้างอารยธรรมแล้วอารยธรรมเล่าอย่างไม่หยุดยั้ง เปลี่ยนเจ้าลูกบอลสีน้ำเงินดวงเล็ก ๆ ดวงนี้ ให้กลายเป็นสถานที่ที่มีพลังชีวิตอันเปี่ยมล้น
เขารู้สึกว่า ตัวเองได้เรียนรู้อะไรขึ้นมากทีเดียว
ในเวลาเดียวกัน มู่หรูกงกงที่อยู่ในโรงพยาบาลทันตกรรมก็ตกใจกลัวจนเซ่อไปแล้ว
คุณหมอบอกว่า จำเป็นต้องถอนฟันที่โยก ๆ คลอน ๆ ซึ่งเหลือกันอยู่แค่สองซี่ในปากของเขาออกก่อนถึงจะสามารถใส่ฟันปลอมได้
เขารีบลุกขึ้นพลางบอกว่าไม่ต้องทำแล้วดีกว่า ไม่ว่าฟันของเขาจะแย่แค่ไหน ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มา ไม่อาจถอนทิ้งได้
เจ๋อหลานรับผิดชอบเรื่องปลอบใจให้อารมณ์ของเขาเย็นลง ส่วนหยวนชิงหลิงไปคุยกับคุณหมอ
คุณหมอพูดด้วยท่าทางจนใจว่า: “ถ้าฟันแข็งแรงดีก็สามารถเก็บเอาไว้ได้อยู่นะครับ แต่ถ้าว่ากันตามจริง สภาพของฟันทั้งสองซี่นั้นของเขาคุณเองก็เห็นแล้ว รากฟันก็เสื่อมหมด อีกทั้งตัวฟันเองก็ผุจนโยกคลอนแล้ว ถ้าทำแม่พิมพ์ฟันตอนนี้ พอกลับไปแล้วฟันสองซี่นั้นค่อยหลุด ก็ยังต้องกลับมาทำใหม่นะ แบบนั้นจะไม่สิ้นเปลืองเงินแย่เหรอครับ?”
“พอจะยึดรากฟันสักหน่อยได้ไหมคะ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะครับ แต่ถ้าผมจะให้คำแนะนำแบบมืออาชีพแล้ว…..”
หยวนชิงหลิงบีบ ๆ มือ “ฉันรู้ค่ะว่าคำแนะนำของคุณเป็นระดับมืออาชีพ แต่สำหรับผู้สูงอายุ ฟันของพวกเขามีความสำคัญมาก ยังไงทางเราก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเขาเป็นอันดับแรก ช่วยยึดรากฟันให้เขาก่อนเถอะค่ะ ถ้าหลังจากนี้มันไม่ได้จริง ๆ หรือฟันเกิดหลุดออกไปเอง ค่อยมาทำใหม่อีกชุดก็ได้”
คุณหมอมองเธอ ดูท่าทางแปลกใจเล็กน้อย โดยปกติแล้วคนหนุ่มสาวมักต้องการลดความยุ่งยากทั้งอยากประหยัดเงินทองและเวลา ทำให้ไม่ค่อยจะคิดถึงความรู้สึกของผู้สูงอายุกันซักเท่าไหร่ พวกเขาคิดว่าการทำฟันปลอมให้ผู้สูงอายุ ก็นับว่าเป็นการแสดงความกตัญญูแล้ว
“ได้ครับ งั้นเรามายึดรากฟันก่อน” คุณหมอยิ้มพลางหันไปมองมู่หรูกงกง “คุณตา หลานสาวของคุณกตัญญูมาก ๆ เลยนะครับ คุณมีวาสนามากเลย”
มู่หรูกงกงกำลังจะบอกว่าฮองเฮาไม่ใช่หลานสาวของเขา ช่างล่วงเกินเบื้องสูงยิ่งนัก แต่เจ๋อหลานกลับคว้าแขนของเขาไว้พลางยิ้มแฉ่งเต็มใบหน้า “คุณหมอคะ นี่คือลูกสาวไม่ใช่หลานสาวหรอกค่ะ หนูต่างหากที่เป็นหลานสาวของเขา”
คุณหมอชำเลืองตามองเจ๋อหลานแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่หยวนชิงหลิงอีกแวบหนึ่ง คิดในใจว่าดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน แต่เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมความงามทางการแพทย์กำลังเฟื่องฟูไปทุกที่ ขอแค่คุณยินดีจ่ายเงิน ก็สามารถซ่อนอายุที่แท้จริงของคุณได้
ตอนนี้ละครของเซเว่นอัพปิดกล้องแล้ว พวกเรื่องงานเบื้องหลังการถ่ายทำ เขาไม่ค่อยสันทัดนัก แต่ก็อยากเรียนรู้จริง ๆ เรียกได้ว่าแทบจะไปขลุกอยู่กับทีมผู้ผลิตละคร เพื่อศึกษาเรียนรู้ตลอดช่วงวันหยุดฤดูหนาวเลยทีเดียว
เจ้าห้ายังเชิญคนในกองถ่ายมาเป็นแขกด้วย ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโพ่ตี้อวี้ คัลเชอะ กรุ๊ป สถานะของเขานั้นเป็นอะไรที่ดึงดูดใจมาก ๆ
แน่นอนว่า เขาก็เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ไม่ต้องพูดถึงแค่ความหล่อเหลา แต่ยังมีออร่าอันสูงส่งและสง่างามอาบไปทั้งเนื้อทั้งตัว เวลาที่แผ่ออร่าแข็งแกร่งดุดันออกมา ก็สามารถทำให้ผู้คนตื่นตระหนกตกตะลึงได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ยิ้มแย้มอ่อนโยน ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้สัมผัสสายลมสดชื่นท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิเลยทีเดียว
อาจารย์หูเข้ากับเขาได้ดีเป็นพิเศษ เพราะพวกเขามีหัวข้อความสนใจที่เหมือนกัน
ช่วงนี้อาจารย์หูรับละครแนวหักเหลี่ยมเฉือนคมในรั้วในวังหลายเรื่อง ดังนั้นเขาจึงชอบฟังเรื่องราวในราชสำนักเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวละครที่หยู่เหวินเห้าพูดถึงนั้น แต่ละคนเหมือนกับมีตัวตนอยู่จริง เขาได้ฟังแล้วก็พลอยรู้สึกอินตามไปด้วย
เขาได้เรียนรู้อะไร ๆ มากมายจากอาจารย์หยู่เหวิน ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ในการแสดงละครของเขาอย่างมาก
ติดอยู่แค่ว่า พ่อบ้านวัยชราของอาจารย์หยู่เหวินคนนั้น ดูเหมือนจะแปลก ๆ อยู่ซักหน่อย
มีบางครั้งที่เขาวางมือลงบนไหล่ของอาจารย์หยู่เหวิน พ่อบ้านคนนั้นก็ทำท่าเหมือนว่าอยากจะพุ่งเข้ามาฉีกทึ้งเขาออกเป็นชิ้น ๆ
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงที่สุด ครั้งแรกที่ทีมงานในกองถ่ายทั้งหมดมาทำบาร์บีคิวกัน เขาก็แค่นั่งถัดจากอาจารย์หยู่เหวินเฉย ๆ พ่อบ้านชราคนนั้นก็รีบกระโดดตัวลอยออกมา แล้วบอกว่าตำแหน่งนั้นนั่งไม่ได้
แม้ว่าต่อมาอาจารย์หยู่เหวินจะอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า เขาเป็นคนแก่ที่มีอาการของโรคสมองเสื่อม ทำให้มีพฤติกรรมค่อนข้างแปลกประหลาด ขอให้ทุกคนช่วยเข้าใจและให้อภัยเขาด้วย แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกกลัวเขาหน่อย ๆ อยู่ดี
แต่เมื่อคบหาสนิทสนมกันมากขึ้น พ่อบ้านชราก็ค่อย ๆ ลดความเคร่งเครียดลงไปเรื่อย ๆ ถึงกับมีบางครั้งที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดคุยกับพวกเขาคนละสองสามคำเลยด้วย