บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2085 ใช้ชีวิตแบบชั่วคราว
เจ๋อหลานมาอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ ก็กลับไป แม้ว่าจะยังไม่ค่อยวางใจมู่หรูกงกงเท่าไหร่ แต่ก็ได้ไหว้วานให้พวกพี่ชายที่ตอนไหนมีเวลา ก็ช่วย ๆ กลับมาดูเขาหน่อย หรือรวดพาเขาออกไปเดินเล่นให้บ่อย ๆ หน่อยก็ดี
ยังดีที่ในบ้านก็มีผู้สูงอายุอยู่สองคนด้วย ศาสตราจารย์หยวนมักจะชอบพาเขาออกไปเดินเล่น หรือไม่ก็รำไทเก็ก
เรื่องอื่นมู่หรูกงกงอาจไม่สันทัดนัก แต่เมื่อพูดถึงไทเก๊กกับการรำดาบ นี่คือจุดแข็งของเขา
บางทีแม้แต่เจ้าห้าก็อาจจะลืมไปแล้วว่า วรยุทธ์ของชายชราคนนี้สูงมาก
การรำดาบในสวนวันนี้ รำเสียจนมือของหญิงชราทั้งกลุ่มบวมเป่งไปหมด มู่หรูกงกงมองดูสีหน้าตกตะลึงของทุกคน ตัวเขาเองก็พลอยประหลาดใจไปด้วยเช่นกัน นี่มันก็แค่ทักษะการใช้ดาบธรรมดา ๆ ไม่ใช่หรือ? องค์หญิงบอกว่าที่นี่ห้ามใช้พวกวิชาตัวเบาหรือกระบวนท่าวรยุทธ์อื่นใด แต่อนุญาตให้รำหมัดมวยกับพวกท่ารำดาบแบบง่าย ๆ ได้
เขาแอบนึกสงสัยว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่นี่ไม่ฝึกวรยุทธ์กัน?
นอกจากนี้ในสวนสาธารณะยังมีกลุ่มนักเต้นสตรีทแดนซ์อายุน้อยอีกกลุ่มใหญ่ พวกเขาเต็มไปด้วยความสนใจกระหายอยากในโลกแห่งวรยุทธ์ ซึ่งคนที่อยู่ในวัยนี้ มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้
หลังจากที่เห็นมู่หรูกงกงรำดาบ ต่างก็พากันกรูเข้ามาถามมู่หรูกงกงว่าพอจะสอนพวกเขาได้ไหม
นั่นเริ่มจะเกี่ยวพันเป็นปัญหาเรื่องการรับลูกศิษย์แล้ว มู่หรูกงกงครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ยังไม่ได้รับปากทันที บอกแค่ว่าเขาจะขอกลับไปหารือกับคนในครอบครัวดูก่อน
หยู่เหวินเห้าเห็นด้วยอย่างมาก พอเขามีหน้าที่การงานของตัวเองให้ไปทำ จะได้ไม่ต้องมาคอยจู้จี้จุกจิกอยู่ในจวน …..ในบ้านตลอดทั้งวันอีก ประเดี๋ยวก็เจอนั่นขัดนัยน์ตา ประเดี๋ยวก็เจอโน่นขัดนัยน์ตา ไม่จบไม่สิ้นสักที
ในเรื่องนี้ หยู่เหวินเห้าขอให้ฟางหวูช่วยเป็นธุระจัดการให้ โดยขอให้ฟางหวูไปหาสถานที่ให้เขา เปิดเป็นโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน แล้วให้มู่หรูกงกงเป็นโค้ชผู้ฝึกสอน
ตอนนี้เจ้าห้ากำลังเรียนอักษรจีนตัวย่ออยู่ บางทีอาจเป็นเพราะเขาเคยนอนกับผู้หญิงที่มีมันสมองที่แข็งแกร่งที่สุด บวกกับได้กินยาด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นสมองของเขาจึงมีความยืดหยุ่นมาก จึงสามารถจดจำและเขียนอักษณจีนตัวย่อทั้งหมดได้แล้ว
เขารู้สึกภูมิใจมาก ที่ตัวเองสามารถกระโดดข้ามชั้นอนุบาล แล้วตรงเข้าศึกษาภาคบังคับแบบเก้าปีได้เลยโดยตรง
หยวนชิงหลิงหาครูสอนพิเศษตามบ้านให้เขาคนหนึ่ง ครูคนนี้แซ่ฟ่าน เคยเป็นครูโรงเรียนมัธยมปลาย สอนเด็กม.หกมาหลายรุ่น เพราะเจอความกดดันมากเกินไปเลยลาออก แต่เพราะหย่าร้างไปเมื่อปีก่อน ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ค่อนข้างลำบาก จึงตัดสินใจออกมารับจ๊อบ สามารถเลี้ยงลูกได้ทั้งยังทำงานหาเงินได้ด้วย
ก่อนที่อาจารย์จะมา ก็พอจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหยู่เหวินเห้าโดยคร่าว ๆ แล้ว
เดิมทีเป็นนักวิจัยที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อครึ่งปีก่อน เขาหกล้มหัวฟาดได้รับบาดเจ็บหนัก จึงสูญเสียความทรงจำไปบางส่วน ตอนนี้สามารถจดจำสมาชิกในครอบครัวได้แล้ว แต่ติดที่หลงลืมความรู้ไปมากมายหลายอย่างเลยทีเดียว
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความรู้ตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ทั้งหมดที่ได้เรียนรู้มาส่วนใหญ่หายไปหมดแล้ว
อาจารย์ฟ่านรู้สึกเสียดายแทนมาก ต้องรู้ก่อนว่า ผู้มีความสามารถหนึ่งคน ตลอดเส้นทางการบ่มเพาะตั้งแต่ประถมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ประเทศชาติจะต้องใช้เงินไปเท่าไหร่นั้นเอาเป็นว่ายังไม่ต้องพูดถึง จากนั้นเจ้าตัวก็ต้องอดทนกับความกดดัน ฝ่าฟันความเหนื่อยยากตลอดเส้นทางนี้ที่ตัวเองเลือกอีกตั้งเท่าไหร่? พูดง่าย ๆ ก็คือกองทหารม้านับหมื่นนับพัน แข่งขันกันข้ามสะพานไม้แผ่นเดียว* แท้ ๆ ความรู้ที่ทุ่มเทเรียนรู้มาอย่างเหนื่อยยากลำบากเหล่านั้น พอบทจะลืมก็ลืมหมดไม่มีเหลือเลย ช่างเป็นเรื่องที่ฟังแล้วชวนเจ็บปวดใจซะจริง ๆ
ดังนั้น อาจารย์ฟ่านจึงตั้งใจสอนอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากพินอินกันเลยทีเดียว
โชคดีที่เจ้าห้าก็ฉลาดจริง ๆ บวกกับตัวเขาก็กระตือรือร้นที่จะได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเรียนมาก
เช่นเดียวกับการเรียนรู้ตัวอักษรจีนตัวย่อ คุณต้องลืมตัวอักษรดั้งเดิมที่ฝังรากลึกในสมองของคุณให้หมดก่อน แล้วเริ่มต้นใหม่ทีละขีดทีละเส้นไปจนจบ
จะว่าไปก็ดีอยู่นะ เขาว่าการลากเส้นตัวอักษรง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย เวลาเขียนไม่เหนื่อยเลยสักนิด
นอกจากนี้ เจ้าปากกานี้ก็ยังเขียนง่ายอีกด้วย
เพียงไม่นาน อาจารย์ฟ่านก็ค้นพบจุดเด่นของหยู่เหวินเห้า อักษรแต่ละเส้นแต่ละขีดของเขาเขียนได้งดงามประณีตจริง ๆ ถ้าไม่มีทักษะที่ฝึกฝนมานับยี่สิบสามสิบปีแล้วล่ะก็ ไม่มีทางเขียนอักษรที่งดงามทรงพลังขนาดนี้ได้แน่ๆ
ติดแค่เวลาที่เขาเขียนอักษรจีนตัวย่อ เขาค่อนข้างจะดูอึดอัดไปบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ที่เขาเขียนอักษรแบบดั้งเดิม นั่นจะเหมือนกับคำโบราณที่ว่ามังกรเหินหงส์ระบำไม่มีผิด ความคล่องแคล่วไหลลื่นนั้นช่างดูแล้วน่าทึ่งมาก ๆ
คำที่เขียนได้ดีที่สุด คือคำว่าเยว่ แค่โบกสะบัดมือไม่กี่ครั้ง ก็สำเร็จออกมาอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว
ด้านภาษาต่างประเทศ ศาสตราจารย์หยวนเป็นคนสอนให้ด้วยตัวเอง ศาสตราจารย์หยวนมีความเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากซะจนไม่รู้จะเอาไปเทียบกับอะไรได้แล้วจริง ๆ
เวลาที่อาจารย์ฟ่านสอน หยู่เหวินเห้ายังรู้สึกว่าค่อนข้างจะผ่อนคลายกว่าไม่น้อย
แต่เมื่อตำแหน่งอาจารย์ถูกแทนที่ด้วยพ่อตา เขาก็รู้สึกเคร่งเครียดประหม่าแล้ว ช่วงเริ่มเรียนสองสามคาบแรกเขาทำได้ไม่ดีนัก ออกเสียงระรัวจนลิ้นพันกันไปหมด แทบจะทำเอาเขาสติแตกให้ได้แล้วจริง ๆ
โชคดีที่เขาได้แต่งงานกับภรรยาที่แสนดี พอถึงตอนค่ำหยวนชิงหลิงก็ช่วยสอนเสริมให้เขา
เสียงของเจ้าหยวนเพราะมาก การออกเสียงก็ชัดเจน คำอธิบายก็เข้าใจง่ายมาก หยู่เหวินเห้ารู้สึกชอบฟังเป็นพิเศษ
เพราะเริ่มแรก คำที่เจ้าหยวนสอนให้เขาพูดคือคำจำพวก ฉันรักคุณ เราเป็นสามีภรรยากัน ในหลาย ๆ ภาษา ถ้อยคำเหล่านี้ฟังแล้วหวานหยด จนเหมือนถูกอาบย้อมด้วยน้ำผึ้งเลยทีเดียว
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า การเรียนรู้จำเป็นต้องเริ่มจากความสนใจจริง ๆ เมื่อมีความสนใจ ก็จะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้แบบก้าวกระโดด
ในเวลาว่าง ก็ฝึกเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ต่างประเทศ
สมองของเจ้าห้าเคยถูกหนอนน้ำแข็งและยาชนิดพิเศษแทรกซึมมาก่อน ดังนั้นจึงฉลาดมาก สามารถเข้าใจได้ด้วยการดูเพียงครั้งเดียว
จากนั้นก็มาต่อที่ด้านกีฬา ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล ฟุตบอล แบดมินตัน ปิงปอง เบสบอล ไม่มีกีฬาอะไรที่เขาไม่เล่น
ในบรรดากีฬาเหล่านี้ เจ้าห้าชอบฟุตบอลมากที่สุด เมื่อมีเวลาว่างเขาจะเล่นฟุตบอลกับมู่หรูในสนาม
แม้ว่ามู่หรูกงกงจะแก่แล้ว แต่เพราะเขามีวรยุทธ์ติดกาย จึงมีความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ควบคุมลูกบอลได้อย่างใจนึก ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสองเดือน ระดับของเขาก็ดีพอที่จะเข้าร่วมเกมของพวกมืออาชีพได้แล้ว
มู่หรูกงกงเริ่มมีงานประจำของตัวเองแล้ว คือสอนศิลปะการต่อสู้ เขาเปิดโรงฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเป็นทางการ เจ้าห้าไปเป็นโค้ชรับเชิญให้เป็นครั้งคราว ด้วยวรยุทธ์อันยอดเยี่ยม บวกกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขา จึงดึงดูดลูกศิษย์ที่เป็นผู้หญิงมาได้อีกกลุ่มใหญ่
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าห้าอยากทำ ทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นแค่การใช้ชีวิตแบบชั่วคราว สิ่งที่เขาอยากทำจริง ๆ คือการเดินทางไปยังแอนตาร์กติกา เพื่อสำรวจและศึกษาธารน้ำแข็ง