บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2089 แม่ของเสี่ยวจี๋ตกลงแล้ว
ครูฝึกขอเบอร์โทรศัพท์ของหยวนชิงหลิงไว้ บอกว่าจะกลับไปพูดกล่อมเธอดู นางเธอตกลงก็จะติดต่อทางโทรศัพท์
หยวนชิงหลิงให้เบอร์โทรศัพท์ของตนเองไว้ ครูกับครูอยู่ฝึกสักพัก รู้ว่าหลายปีมานี้แม่ของเสี่ยวจี๋มีชีวิตผ่านมาอย่างลำบากมาก
หลังจากเสี่ยวจี๋ป่วย พวกเขายืมเงินคนที่สามารถยืมได้ไปจนทั่ว หลังจากทำการผ่าตัดแล้วนึกว่าจะหายดี จึงเริ่มใช้หนี้ ใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะต้องประหยัดเงิน เสี่ยวจี๋มักจะละเลยการทานยา ซึ่งยาหลังผ่าตัดนั่นหยุดทานไม่ได้ สุดท้าย อาการจึงกำเริบขึ้นมาอีก?
“เธอโทษตัวเองอย่างมาก เธอตัวคนเดียวทำงานสองกะอย่างลำบาก ดังนั้นจึงไม่ได้ดูแลกำกับให้เสี่ยวจี๋ทานยา แม้แต่เสี่ยวจี๋ละเลยการทานยาก็ไม่รู้ พวกคุณอย่าโทษเธอ เธอทนรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ได้อยากปล่อยวาง เธอไม่มีแรงแล้วต่างหาก”
หยวนชิงหลิงจะไม่เห็นแววตาหมดหวังของเธอได้อย่างไร? ที่จริงเธอเข้าใจความรู้สึกที่หลังจากหมดหวัง แล้วไม่กล้ามีความหวังอีกแม้เพียงนิดเป็นอย่างดี
เพราะความหวังเพียงน้อยนิด ต้องแลกกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่สุด
เมื่อปล่อยวางแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจก็จะผ่อนคลาย เธอเตรียมใจดีแล้วที่จะเผชิญกับความตายพร้อมลูกชาย
ไม่มีใครโทษเธอได้ เพราะความทุกข์ทรมานของเธอที่ผ่านมา ต่อให้คนอื่นรับรู้แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกแบบนั้น
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าไปหาคุณหมอหลี่ที่โรงพยาบาล ได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ก็เคยยื่นเรื่องเข้ากลุ่มทดลอง การพิจารณาขั้นแรกก็ผ่านแล้ว แต่ก่อนที่จะเข้ากลุ่ม สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความดันในกะโหลกสูงเกินไป แถมอัตราการแพร่กระจายยังเร็วเกินคาดอีกด้วย ดังนั้นสุดท้ายจึงไม่ให้เขาเข้ากลุ่ม
“วันที่แจ้งว่าไม่สามารถเข้ากลุ่มได้ เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ นั่งอยู่ข้างเตียงมองดูเสี่ยวจี๋ ตอนนั้นเสี่ยวจี๋ยังมีสติดีอยู่ ถามอยู่ตลอดว่าเข้ากลุ่มได้แล้วใช่ไหม สามารถได้รักษาฟรีแล้ว”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ ความโหดร้ายมากมายภายในโลก สามารถเห็นได้ในแผนกเนื้องอกวิทยา
หยวนชิงหลิงไปดูเสี่ยวจี๋แปบหนึ่ง เสี่ยวจี๋เพิ่งรับยาแก้ปวดเข้าไป จึงพอทำให้นอนหลับได้ ระดับความเจ็บปวดของมะเร็งในเด็กอายุสิบขวบคนนี้ ต้องแบกรับไปตลอด
แม่ของเสี่ยวจี๋อยากปล่อยวาง เพราะไม่อยากให้เขาทรมาน
“แม่ของเสี่ยวจี๋ไม่มาเลย ใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงถามพยาบาล
พยาบาลพูดตอบว่า “ไม่มา เพราะค้างชำระค่ารักษาเยอะมาก เดิมควรที่จะต้องออกจากโรงพยาบาล แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่มีปัญญาซื้อแม้แต่ยาแก้ปวด ท่านก็รู้ ตอนนี้ยาแก้ปวดที่ใช้ได้ผลกับเขานั้นแพงมาก เธอไม่มา โรงพยาบาลก็ไม่สามารถที่จะขับไล่คนออกไป”
นี่เป็นเหตุผลที่เธอหลบหนี
หยู่เหวินเห้าหันเดินออกไปเงียบๆ พาคุณหมอหลี่ลงไปจ่ายค่ารักษาของเสี่ยวจี๋ที่ค้างชำระให้ทั้งหมด
เพราะเคยเข้ารับการรักษาเพื่อช่วยชีวิตในห้องไอซียู ค่ารักษาที่ค้างชำระจึงไม่น้อย หยู่เหวินเห้ารู้ว่าการใช้เงินทองช่วยคน ช่วยคนได้ไม่เยอะ แต่ตอนที่เขาช่วยชีวิตแม่ของเสี่ยวจี๋มาจากในห้าง ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะนิ่งดูดายไม่ได้
เมื่อก่อนเขารู้ว่าที่เจ้าหยวนทำเรื่องวิจัยยาเพราะต้องการช่วยคน แต่สำหรับเขายังไงก็เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อมาเจอเสี่ยวจี๋ เขาค่อยเข้าใจว่านั่นไม่ใช่เพียงแนวคิด นั่นคือการเกิดใหม่ที่มอบให้กับผู้ป่วย
ที่ผ่านมาเขาก็รู้ มีคนมากมายทำการวิจัยเรื่องยาเหมือนเจ้าหยวน หลายสิบปีเหมือนดั่งหนึ่งวัน หนึ่งในหมู่พวกเขา อาจมีบางคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด แต่ก็มีไม่น้อยที่เหมือนกับเจ้าหยวน มีความเมตตากรุณาต่อโลก
หลังจากจ่ายเงินค้างชำระหมดแล้ว เขาไม่ได้ไปหาเจ้าหยวน แต่โทรไปถามครูฝึกว่า สามารถนัดคุยกับแม่ของเสี่ยวจี๋เป็นการส่วนตัวได้ไหม
แม่ของเสี่ยวจี๋ตกลงแล้ว
เขาขับรถไปยังร้านกาแฟเดิม ไม่ได้ให้ครูฝึกอยู่ด้วย เป็นการคุยกับแม่ของเสี่ยวจี๋เป็นการส่วนตัว
“ผมรู้ว่าหลายปีมานี้คุณผ่านมาอย่างยากลำบากแค่ไหน และก็เข้าใจทำไมคุณถึงอยากปล่อยวาง ผมก็มีลูก ดังนั้นวันนี้เรายืนอยู่ในฐานะความเป็นพ่อแม่ แล้วมาคุยกัน”
“เสี่ยวจี๋ทรมานที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขายังอายุน้อยมาก หากรักษาหายยังอนาคตอีกยาวไกล จะรักษาหายหรือไม่ ตอนนี้พวกเราต่างไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง ซึ่งความหวังนี้คุณจะปฏิเสธก็ได้ ให้เขาก็ได้ ผมรู้ว่าคุณอยากจากไปพร้อมกับเขา ดังนั้นคุณอาจจะไม่มีโอกาสที่จะเสียใจในภายหลัง ทำไมตอนนั้นถึงไม่ลองอีกสักครั้ง ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิด ยังไงก็เป็นความหวัง บางทีหากคุณคิดในฐานะที่เป็นเสี่ยวจี๋ เขาอยากที่จะปล่อยวางไหม? เขาไม่อยากลองจริงๆหรือ? เขาเคยบอกคุณไหมว่า เมื่อเขาโตแล้วเขาอยากเป็นอะไร?”
แม่ของเสี่ยวจี๋ด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “การรักษาเมื่อสามีก่อน เขาบอกว่าเมื่อเติบโตเขาอยากเป็นหมอ”
“เขามีความหวังที่จะมีอนาคต แม่ของเสี่ยวจี๋ เรามาคิดคำนวณดู ไม่เข้ากลุ่มเขาจะตาย ก่อนตายยังไงก็ต้องทุกข์ทรมาน เข้ากลุ่มเขาก็อาจจะตาย แต่ก็มีความหวังที่จะรอด การคิดคำนวณนี้ง่ายมาก คุณต้องคิดได้แน่ ปล่อยวางนั้นง่ายมาก เพียรพยายามต่อไปนั้นยาก ต้องดูว่าคุณยินยอมที่จะเพียรพยายามเพื่อเสี่ยวจี๋อีกสักหน่อยไหม แต่ครั้งนี้คุณไม่ได้สู้เพียงลำพัง พวกเราล้วนจะช่วยคุณ”
แม่ของเสี่ยวจี๋เช็ดน้ำตา ไหล่ทั้งคู่ยังคงสั่นเทาอยู่ตลอด ที่จริงคำพูดก่อนหน้านี้ของหยู่เหวินเห้านางไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะคำพูดพวกนี้นางฟังมาแล้วอย่างมากมาย มีเพียงประโยคสุดท้าย นางไม่ได้สู้เพียงลำพัง พวกเขาจะช่วยนาง คำพูดประโยคนี้ทำให้หัวใจที่สิ้นหวังและตายไปแล้วของนางค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาใหม่
นางเหนื่อยมากแล้วจริงๆ นับตั้งแต่เนื้องอกเสี่ยวจี๋กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง เธอได้นอนเพียงวันละสามชั่วโมง ชีวิตประจำวันเป็นเหมือนฝันร้ายและความจริงผสมกัน เสียงมากมายที่ได้ยินคือให้นางปล่อยวางไม่ต้องเพียรพยายามต่อ
น้ำตาของนางร่วงไหลอีกครั้ง พูดกับหยู่เหวินเห้าทั้งน้ำตาว่า “ขอบคุณพวกคุณ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ฉันก็ขอขอบคุณพวกคุณ”
หยู่เหวินเห้าค่อยโล่งอก โทรศัพท์ไปหาเจ้าหยวน บอกนางว่าแม่ของเสี่ยวจี๋ตอบตกลงแล้ว