บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2090 เจ้าห้าเข้าร่วมทีมกู้ภัย
เสี่ยวจี๋ถูกย้ายตัวไปยังศูนย์เนื้องอกโรงพยาบาลหมิงซิน หยวนชิงหลิงเป็นหัวหน้าทีมแพทย์
อาการรุนแรงขนาดนี้ ตอนที่ย้ายโรงพยาบาลก็เกิดสถานการณ์วิกฤต แต่โชคดีที่หยวนชิงหลิงเฝ้าติดตามมาถึงโรงพยาบาลหมิงซินด้วยตนเอง
นางกับหยางหรูไห่ปรึกษาหารือกัน วางแผนการรักษา วันที่สองก็จะเริ่มการผ่าตัด ยืดยื้ออีกไม่ได้ ดำเนินการผ่าตัดโดยหยวนชิงหลิง
แม่ของเสี่ยวจี๋รู้สึกว่าคุณหมอหยวนอายุน้อย กลัวว่าเธอจะทำการผ่าตัดได้ไม่ดีพอ เพราะเซลล์มะเร็งจะต้องถูกกำจัดออกให้หมด เลยอยากสอบถามว่าสามารถเปลี่ยนเป็นหมอที่มีคุณวุฒิสูงกว่านี้ได้ไหม
แต่รองผู้อำนวยการมาคุยกับเธอ ให้เธอเชื่อมั่นคุณหมอหยวน ไม่มีใครมีคุณวุฒิสูงเท่าเธอแล้ว
สุดท้ายแม่ของเสี่ยวจี๋เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวนาง
ตอนที่ส่งเสี่ยวจี๋เข้าไปในห้องผ่าตัด เธอจับมือเสี่ยวจี๋ไว้พร้อมพูดให้กำลังเขา แต่เสี่ยวจี๋เข้มแข็งและว่าง่ายมาก เขามองดูแม่ พร้อมพูดขึ้นด้วยความโล่งใจว่า “ผมถามคุณหมอหยวนแล้ว เธอบอกว่าการผ่าตัดกับการรักษาในครั้งนี้ล้วนไม่มีค่าใช้จ่าย แม่ แม่ไม่ต้องไปทำงานสองที่แล้ว”
แม่ของเสี่ยวจี๋น้ำตาไหล พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “ขอเพียงลูกดีขึ้น ให้แม่ทำงานสามที่ก็ได้ แม่ไม่เหนื่อยเลย”
เสี่ยวจี๋มองดูแม่ พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “หากผมไม่ได้ลงมาจากเตียงผ่าตัด หรือหลังจากผ่าตัดแล้วก็รักษาไม่หาย แม่ แม่ไปหาคนดูแลแม่นะ เส้นทางต่อไป มีคนอยู่เคียงข้างแม่ผมก็วางใจ”
แม่ของเสี่ยวจี๋ร้องไห้ พร้อมพยักหัวพูดขึ้นว่า “ได้ ได้ แม่รับปากลูก”
เสี่ยวจี๋ค่อยยิ้มแย้ม เขากลัวว่าเมื่อเขาจากไป แม่จะไม่ยอมมีชีวิตอยู่ต่อ
ชีวิตคนเรานั้นล้ำค่ามาก การได้มามีชีวิตแล้วมีร่างกายที่แข็งแรงนั้นถือเป็นบุญอย่างมากที่สุด อย่าใช้ชีวิตนี้ให้สูญเปล่า
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าที่แม่ของเสี่ยวจี๋ตอบตกลงเขา เพราะกลัวจริงๆว่าเขาจะจากไปบนเตียงผ่าตัด เมื่อจะจากไปแล้วยังห่วงใยเธอ ดังนั้นจึงตอบตกลง
เพราะเจ้าหยวนกับคุณหมอหลี่ก็เคยคุยกันเรื่องนี้ การผ่าตัดมีความเสี่ยงต่อเสี่ยวจี๋ อาจทำให้หายใจล้มเหลวหรือส่งผลเป็นอื่นได้
ระหว่างการผ่าตัด หยู่เหวินเห้าก็อยู่ข้างนอก เขาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนแม่ของเสี่ยวจี๋ แม่ของเสี่ยวจี๋มีครูฝึกอยู่เป็นเพื่อน เขาอยู่ด้านนอกคอยเป็นเพื่อนเจ้าหยวนที่อยู่ในห้องผ่าตัด
เจ้าหยวนช่วยชีวิตคนอยู่ข้างใน ถึงเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่พยายามสร้างความรู้สึกให้เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าหยวน
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ
การผ่าตัดเสร็จไวกว่าที่เจ้าหยวนคาดการณ์ไว้ยี่สิบนาที ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก ตอนที่เจ้าหยวนเดินออกมา แม่ของเสี่ยวจี๋ขาอ่อนเลยทีเดียว ยืนขึ้นมาไม่ไหว ทำได้เพียงมองดูหยวนชิงหลิงเดินมาหา
ตอนที่หยวนชิงหลิงเดินมาถึงตรงหน้าของเธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก วางใจ เขาจะถูกย้ายไปยังแผนกผู้ป่วยหนักเป็นการชั่วคราว ไม่กี่วันก็จะออกมาได้”
แม่ของเสี่ยวจี๋ค่อยร่ำร้องไห้ออกมา มือทั้งคู่สั่นเทาไปหมด
หยู่เหวินเห้ายืนอยู่ค่อนข้างไกล มองดูเจ้าหยวนอยู่อย่างเงียบๆ เวลานี้เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก รู้สึกว่าตนเองรักผู้หญิงคนนี้อย่างที่สุด ทำไมเธอถึงได้เก่งขนาดนี้?
เขาละทิ้งบัลลังก์มายังที่นี่ สนับสนุนการงานของเจ้าหยวน สนับสนุนให้เธอค้นคว้าวิจัยยาต่อไป ตั้งแต่ต้น เขาสนับสนุนเพียงเจ้าหยวน แต่นั่นเป็นเพียงผิวเผิน ในขณะนี้เขาเพิ่งเข้าใจความหมายนั้น
รู้สึกว่าทุกอย่างคุ้มค่า
เจ้าหยวนงานยุ่งทั้งวัน หลังจากเสี่ยวจี๋เข้าไปในห้องผู้ป่วยหนัก นางก็เฝ้าอยู่ข้างในสักพักค่อยออกมา จากนั้นก็รีบทานข้าวกับเขา แล้วก็เดินกลับแผนกแล้ว
หยู่เหวินเห้าขับรถออกมาจากโรงพยาบาล ฟังเพลงมาตลอดทาง รู้สึกว่าจิตวิญญาณมีความเป็นอิสระ และก็ถูกมอบหมายความรับผิดชอบภารกิจใหม่ เขาไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เขาจะตามหาจนเจอ
เรื่องที่หยู่เหวินเห้าช่วยคน กระจายแพร่หลายไปทั่วเว็บ เขาเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ช่วยคนอย่างไม่ลังเล ถูกพวกนักข่าวนำมายกย่องผ่านสื่อ
กลายเป็นคนดังขึ้นมาทัน เมื่อรวมกับฉากที่เขาเข้าร่วมแสดง ก็ล้วนถูกขุดคุ้ยออกมา ถือเป็นการช่วยสนับสนุนหยู่เหวินหวงไปโดยปริยาย
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เพียงการช่วยคนเพียงคนเดียว
กลับมาถึงบ้านเขาเข้าเว็บแปบหนึ่ง เห็นวิดีโออันหนึ่ง เป็นนักสำรวจหลายคนที่ประสบอุบัติเหตุติดอยู่ในป่าลึก มีทีมกู้ภัยรับสมัครอาสาสมัครเพื่อไปเป็นผู้ช่วยทีมกู้ภัย ซึ่งทีมกู้ภัยนี้ก็อยู่ในเมืองนี้
เขาให้ข้าวเหนียวช่วยสืบดูว่า ทีมกู้ภัยนี้เชื่อถือได้หรือไม่
ไม่นานข้าวเหนียวก็ส่งสิ่งที่สืบกลับมาให้ว่า ทีมกู้ภัยพลเรือนนี้ก่อตั้งขึ้นมาหลายปีแล้ว ร่วมบรรเทาสาธารณภัย แต่เนื่องจากช่วงสองปีที่ผ่านมามีคนลาออกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจำนวนคนจึงไม่เพียงพอ จึงประกาศรับสมัครผ่านสื่อออนไลน์
ข้าวเหนียวยังบอกว่า อาสาสมัครพวกนี้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทุกอย่างที่ใช้ในการช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายของตนเอง ออกไปครั้งหนึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ยังต้องลางาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจธรรมดา คนจึงค่อยๆลดลง
จะว่าไปแล้ว ทีมกู้ภัยนี้เชื่อถือได้ แต่ขาดคนขาดทุนทรัพย์
ในฐานะที่เป็นลูก เขารู้ว่าพ่ออยากทำอะไร จึงได้ติดต่อหัวหน้าทีมงานนี้ แล้วนัดเขาออกมาคุย
หยู่เหวินเห้าชื่นชมข้าวเหนียว พร้อมรับปากว่าหากเขากลับมา จะเข้าครัวทำกับข้าวให้เขากินด้วยตนเอง
ข้าวเหนียวขอบคุณแล้วพูดขึ้นว่า อยากกินแกงกะหรี่เนื้อฝีมือยาย ปฏิเสธที่เขาจะเข้าครัวด้วยตนเองอย่างอ้อมค้อม
ส่วนหลังจากคุณเฉินหัวหน้าทีมกู้ภัยกับหยู่เหวินเห้าคุยกันเสร็จแล้ว ก็แทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง
ดังนั้น ในโลกนี้มีคนที่ร่ำรวยและโง่จริงๆ? ยอมจ่ายเงิน ยังยอมลงแรง
หลังจากที่เขาตกตะลึง ก็ถามย้ำอีกครั้งว่า “คุณหยู่เหวิน ทีมกู้ภัยของเรา ไม่มีอะไรตอบแทน ยิ่งไม่มีมูลค่าทางการค้า เราไม่ได้ทำการค้า ทุกคนล้วนเป็นอาสาสมัคร ไม่เข้าร่วมการช่วยเหลือที่มีค่าตอบแทน”
หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องพูดเรื่องเงินกับผม ตอนนี้ผมเพียงอยากทำอะไรที่มีความหมาย เหมือนกับภรรยาของผม”
คุณเฉินได้ยินประโยคนี้ หวนคิดถึงที่เขาเคยช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะกระโดดลงมาจากตึก นคิดว่าเขามีจิตใจที่กล้าหาญ ไม่รู้ว่าภรรยาของเขากำลังทำอะไรที่มีความหมาย? แต่ตอนนี้ทีมกู้ภัยขาดแคลนคนอย่างมาก จึงพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ คุณหยู่เหวิน ยินดีต้อนรับคุณมาเป็นทีมเดียวกัน”