บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2094 ที่แท้ก็เข้าใจคุณหยู่เหวินผิดไป
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2094 ที่แท้ก็เข้าใจคุณหยู่เหวินผิดไป
หลังจากพวกเขาวิ่งไปแล้ว คนในครอบครัวฟางจื๋อจื่อเดินออกมาจากในเต็นท์ พวกเขาร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว แม่ของฟางจื๋อจื่อหมดสติไปแล้วสองรอบ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน เติมน้ำเกลืออยู่ในเต็นท์
ได้ยินว่ามีคนขึ้นไปบนเขา แต่เพียงแค่สองคน พวกเขาก็ไม่คาดหวังอะไร
ภายในเขามืดสนิท เดินทางเท้าอย่างลำบาก เต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ
หยู่เหวินเห้าไม่โกรธพวกคนที่พูดกล่อมตอนอยู่ด้านล่าง เพราะอันตรายจริงๆ คนอื่นเป็นห่วงคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเขาด้วยใจจริง
นอกจากคุณเฉินคนนั้น บล็อคเขา เขาไม่ถือสาก็ได้ ใช่ว่าคนอื่นจำเป็นที่จะต้องเป็นเพื่อนกับตน
แต่พูดจาหยาบคายว่าร้ายไม่ได้ ไม่เข้าใจอะไรเลยก็หาว่าทำเพื่อชื่อเสียง อยากดังจนเป็นบ้า เขาจะต้องการอยากดังด้วยหรือ? หากเขาอยากดัง จะดังเมื่อไหร่ก็ได้ เขาเพียงแค่โพสต์ในโซเซียลว่าเขาเป็นหลานของ[ยามแสงอาทิตย์อัสดง] ยังสามารถบินไต่หน้าผา พร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลา ฮ่าๆ ยังต้องหาชื่อเสียง?
ทั้งสองคนไม่ได้ใช้เส้นทางเท้า เดินทางผ่านป่าไปโดยตรง ใช้วิชาตัวเบาได้อย่างราบรื่นสมดั่งตั้งใจ บินลอยอย่างสะใจ อยู่ที่นี่แล้วไม่สามารถใช้วิชาตัวเบานั้นถือว่าพลาดมาก
สวีอีแทบอยากที่จะโบยบินอยู่บนต้นไม้ไม่ลงมาอีก กำลังภายในที่สะสมมากว่าครึ่งปี วันนี้จะต้องได้ใช้จนหมดสิ้น
บนเขายังมีเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ค่อนข้างกระจัดกระจาย ได้ยินเสียงเรียกฟางจื๋อจื่อเป็นบางครั้ง
เข้าใกล้ยอดเขาหนิวเจี่ยว แสงจันทร์สลัว ไข่มุกราตรีกับไฟฉายส่องสว่างไปทั่วภูเขา หยู่เหวินเห้าสงบจิตตั้งใจฟังเจ้าหยวนบอกทาง เขาต้องตามหาฟางจื๋อจื่อให้เจอโดยเร็ว เจ้าหยวนจะได้ใช้เซลล์สมองน้อยลง
ตอนนี้เขารู้ว่า สมองของเจ้าหยวนที่พัฒนามากเกินไป จะทำให้นางเห็นภาพลวงตามากมาย ที่ผ่านมานางไม่เคยพูด แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนได้ไปสถาบันวิจัยพร้อมกับนาง หยางหรูไห่ทักทายนาง ถามถึงเรื่องภาพลวงตา เขาถึงรู้
แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรเจ้าหยวน เพียงไปถามหยางหรูไห่เป็นการส่วนตัว หยางหรูไห่บอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เธอไม่ใช้เซลล์สมองเป็นเวลานานก็พอ
สวีอีร้องตะโกนว่า “ฟางจื๋อจื่อ ฟางจื๋อจื่อ……”
ภายในภูเขาเงียบสงบ เสียงนี้ใช้กำลังภายในตะโกนออกไป ส่งเสียงออกไปได้ไกลมาก แม้แต่คนที่อยู่ตีนเขาก็ล้วนได้ยิน
แต่คนที่อยู่ตีนเขา กลับคิดว่าพวกเขาเดินทางเข้าไปไม่ไกล เพราะเสียงตะโกนยังได้ยินชัดขนาดนี้
คุณเฉินครุ่นคิดอยู่ขุ่นเคือง ที่แท้ก็ทำไปอย่างนั้นจริงๆ ตะโกนอยู่ใกล้ๆไม่กี่รอบ ถ่ายวิดีโอในที่มืดแล้วบอกว่าได้เข้าไปในภูเขาเพื่อช่วยเหลือท่ามกลางความมืด
หยู่เหวินเห้ากับสวีอีไม่ได้แยกย้ายกันตามหา ตามที่เจ้าหยวนบอกนั้น มุ่งหน้าตรงไปที่ริมหน้าผา
หลังจากตามหาสิบกว่านาที ในที่สุดก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างอ่อนแรงว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย…..”
“โอ้พระเจ้า ตกลงไปแล้ว?” สวีอีตกตะลึง รีบกระโดดลงไปอย่างเร่งรีบ ปากอมไฟฉายไว้ เดินไต่หน้าผา ในที่สุดก็เห็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ถือเถาวัลย์ด้วยมือทั้งสองข้าง เขาคว้ามือไปอุ้มแล้วกระโดดลอยขึ้นมา
หลังจากขึ้นมาแล้วก็วางลงบนพื้น หญิงสาวร้องไห้ไม่ออกแล้ว ดวงตาหม่นหมองราวกับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือแล้ว มือของเธอทั้งคู่ยังคงยกขึ้น ริมฝีปากสั่นเทาอยู่ตลอด
สวีอีถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมให้เธอ น่าสงสารมากเลย เสื้อผ้าฉีกขาด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่รู้ว่าต้องดิ้นรนอยู่บนภูเขาลูกนี้นานแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าตกลงไปในเหวได้อย่างไร
น่าสงสาร ใบหน้าที่ผอมซูมจนเห็นเนื้อแล้ว
“ฟางจื๋อจื่อ? เธอชื่อฟางจื๋อจื่อใช่ไหม? ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว” สวีอีพูดปลอบ พร้อมหยิบกล่องนมออกมาเสียบหลอด แล้วยื่นไปให้เธอ
หยู่เหวินเห้ากลับเอาแก้วน้ำอุ่นออกมา หยิบหลอดในแก้วน้ำอุ่นขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดื่มน้ำอุ่นๆก่อน แล้วค่อยดื่มนม”
ฟางจื๋อจื่อคว้าเอาแก้วน้ำอุ่นมากอดไว้ ไม่ต้องใช้หลอด เงยหน้าขึ้นยกขึ้นมาดื่ม รสชาติของความกระหายทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกนรก เธอต้องการน้ำอย่างมาก
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ค่อยๆดื่ม เดี๋ยวสำลัก”
ฟางจื๋อจื่อดื่มน้ำอุ่นเข้าไป ค่อยรู้ตัวว่าตนเองถูกช่วยชีวิตแล้ว เธอร้องไห้ออกมาทันที แต่เสียงแหบแห้ง ร้องไห้อย่างไม่มีเสียง มือที่เปื้อนไปด้วยเลือดกำแขนเสื้อของสวีอีไว้ เธอรู้ว่าสวีอีเป็นคนอุ้มเธอขึ้นมา
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว มีคนมากมายกำลังตามหาเธอ คนในครอบครัวของเธอก็กำลังตามหาเธอ วางใจ”
“ฉันกลัว…ฉันเพิ่งตกลงไป ฉันนึกว่าตนเองจะตาย” ฟางจื๋อจื่อสั่นเทา ในที่สุดก็พูดออกมาเป็นประโยค
หยู่เหวินเห้ามองพิจารณาดูเธอ ถึงเธอจะสามารถพูดได้ และแสดงออกถึงท่าทีตื่นเต้น สถานการณ์ค่อนข้างที่จะสาหัสแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “สวีอี ตะโกนบอกว่าตามหาคนเจอแล้ว ให้หมอเตรียมความพร้อม”
สวีอีลุกขึ้นมาแล้วตะโกนพูดขึ้นว่า “ตามหาฟางจื๋อจื่อเจอแล้ว มีบาดแผลได้รับบาดเจ็บ พวกหมอเตรียมความพร้อมด้วย พวกเราจะรีบลงเขา”
เสียงดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ผู้คนที่ตรงตีนภูเขาได้ยินเสียงราวกับมาจากลำโพง เป็นเสียงพวกเจ้าหน้าที่ทหารที่ออกตามหาหรือ?
ช่วยเหลือได้แล้วจริงหรือ?
เสียงไชโยดีใจดังสนั่น คนในครอบครัวฟางจื๋อจื่อรีบวิ่งออกมา พร้อมจะขึ้นไปบนเขา
แต่เจ้าหน้าที่ทหารห้ามไม่ให้ญาติขึ้นเขา เจ้าหน้าที่กู้ภัยหามเปลวิ่งไป คนอยู่ในเขาสี่วันแล้ว คงเดินเองไม่ไหว ต้องใช้เปลหาม
พยาบาลก็วิ่งตามไป กลัวว่าจะต้องช่วยปฐมพยาบาลฉุกเฉิน
แต่พวกเขาวิ่งไปได้ไม่ไกล ก็เห็นคนสองคนวิ่งลงมาจากเขาอย่างรวดเร็วมาก
พวกเขายังไม่ทันรู้ตัว สองคนนั้นก็วิ่งมาถึงตรงหน้าพวกเขา บนหลังหนึ่งในคนนั้นก็คือฟางจื๋อจื่อที่พวกเขาตามหามาหลายวัน
ไม่ทันได้สนใจที่จะตกตะลึง รีบช่วยคนสำคัญกว่า
ฟางจื๋อจื่อถูกเคลื่อนย้ายไปบนเปลแล้วถูกหามกลับมาที่แคมป์ พวกนักข่าวรุมล้อมมา ล้อมรอบสวีอีกับหยู่เหวินเห้าที่เป็นฮีโร่สองคนนี้
สวีอีกลัวพวกเขาแตะต้องฮ่องเต้ จึงขวางไว้อยู่ตลอดไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้
ไกลออกไป หยู่เหวินเห้ามองเห็นพวกคุณเฉินกำลังเดินมา ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง ลักษณะท่าทีคุณเฉินซับซ้อนอย่างมาก
เขาเพิ่งรู้ว่า เข้าใจคุณหยู่เหวินผิดไปแล้ว
เขาเดินไปหาโดยอัตโนมัติ อยากที่จะขอโทษเขา แต่เขาเบียดเข้าไปไม่ได้ แล้วคุณผู้ชายที่อยู่ด้านข้างคุณหยู่เหวินคนนั้น จ้องมองเขาอยู่ตลอด ลักษณะท่าทีราวกับจะทุบทำร้ายเขา เขาตกใจจนฝีเท้าหยุดชะงัก
ช่างเถอะ รอกลับไปแล้วค่อยโทรศัพท์ไปขอโทษเขา แล้วก็ตกลงยินยอมให้เขาเข้าร่วมทีมกู้ภัย