บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2096 ไม่รับลูกสาวบุญธรรม
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2096 ไม่รับลูกสาวบุญธรรม
ตอนค่ำๆ พ่อของฟางจื๋อจื่อโทรหาหยู่เหวินเห้า ซึ่งขอเบอร์มาจากคุณเฉิน ในสายโทรศัพท์คุณพ่อฟางตื้นตันจนร้องไห้ไปหลายครั้ง ไม่สามารถที่จะพูดขอบคุณออกมาได้อย่างเป็นประโยค
หยู่เหวินเห้าเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อดี ที่จริงตอนนั้นที่เขารีบกลับมาขนาดนั้น ไม่อยากที่จะรอ เพราะเขาสะเทือนใจแทนพ่อฟางจื๋อจื่อ
เขาไม่อยากที่จะเปรียบเทียบแบบนั้น ไม่อยากคิดถึงสิ่งที่ไม่เป็นมงคล แต่ แต่ หากเขาเป็นพ่อของฟางจื๋อจื่อ ลูกสาวหายสาบสูญอยู่ในป่าลึกหลายวัน เขาคงร้อนใจจนเป็นบ้าแล้วแน่
ดังนั้นเขาจึงรับคำขอบคุณ และตอบตกลงให้อีกฝ่ายมาเยี่ยมเพื่อเป็นการขอบคุณ เพราะหากไม่ได้มาขอบคุณด้วยตนเอง คุณพ่อฟางก็จะคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด
ยังไงก็คนเป็นพ่อเหมือนกัน เขาจึงเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
ทางด้านคุณเฉิน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเจอ ปล่อยไว้แบบนั้นก่อน
แต่เขาจะให้มีโอกาสได้เจอ คนแบบนี้ในหัวสมองมีน้ำ แต่จิตใจดี ตนเองออกเงินทุนออกแรงช่วยเหลือ ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงผลประโยชน์ ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้
เอาน้ำในหัวออกมาก็ดีแล้ว
พวกนักข่าวเก่งกันมาก สืบผ่านบางช่องทาง ได้ภาพกล้องวงจรปิดของโรงแรมมา สืบรู้ว่าพวกเขามาเมืองเสากันห้าคน ศาสตราจารย์หยวน หยู่เหวินหวง โล่เป่าอี้ล้วนถูกขุดออกมา
หยู่เหวินหวงเป็นบุคคลไม่ธรรมดา เป็นถึงจอหงวน
โล่เป่าอี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีสถานะเป็นนักแสดง เรื่องเกี่ยวกับนางก็จะยิ่งเยอะหน่อย
ส่วนศาสตราจารย์หยวน นายแพทย์ผู้ทรงเกียรติท่านนี้ หลังเกษียณแล้วยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือกู้ภัย ถือเป็นตัวแทนของพลังงานบวกในโลก
เมื่อสื่อมวลชนต้องการยกย่องคนคนหนึ่ง สามารถยกย่องได้จากทุกทิศทุกทางโดยไม่มีกำจัด ยกย่องคนจนมีแต่บนฟ้า ไม่มีบนพื้นดิน
พี่หนิงผู้จัดการของโล่เป่าอี้รีบเปิดแถลงข่าวว่า เดิมเธอไม่ได้เข้าร่วมกู้ภัย ครั้งนี้เพียงแค่ช่วยเพื่อนขับรถ และก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกู้ภัย
พี่หนิงกำลังปกป้องโล่เป่าอี้ เธอรู้ถึงความน่ากลัวของการเยินยอจนเกินไป โล่เป่าอี้ไม่ได้อยากเป็นดาราโด่งดัง เธอเพียงแค่ชอบการแสดงอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
อุปนิสัยของนาง ไม่เหมาะสมกับการอยู่ในวงการแสดง
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าห้ากับสวีอีจึงออกหน้า ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ในวันให้สัมภาษณ์ได้ให้ฟางหวูไปด้วย คำถามก็ให้ฟางหวูดูก่อน จากนั้นก็บอกสวีอีว่าควรตอบอย่างไร
สวีอีพูดเล่าตามความจริง เขาบอกว่าตนเองก็เป็นพ่อคนหนึ่ง ลูกสาวก็อายุพอๆกับฟางจื๋อจื่อ ดังนั้นพอรู้ว่าฟางจื๋อจื่อหายสาบสูญในป่าลึกก็ร้อนใจอย่างมาก เขาฝึกเรียนฝีมือการต่อสู้มานานหลายปีพอดี เดินทางบนเขาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงร่วมเดินทางไปช่วยกู้ภัยพร้อมเพื่อน
เนื่องจากสถานการณ์บางอย่าง เขายังไม่ได้ใบขับขี่ และใบขับขี่ของเพื่อน ก็คือของคุณหยู่เหวินคนนั้นใบขับขี่ยังไม่ครบปี จึงรบกวนขอโล่เป่าอี้มาช่วยขับรถ เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาโล่เป่าอี้เคยเป็นนักแข่งรถ คงจะคุ้นเคยถนนบนเขา
ชาวเน็ตต่างยกย่องชื่นชมอีกครั้ง บอกว่าคุณหยู่เหวินที่เป็นฮีโร่คนนี้ยังเป็นพลเมืองดีปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง รู้ว่าใบขับขี่ของตอนเองยังไม่ครบหนึ่งปี ไม่สามารถขึ้นทางด่วนได้
หลังจากฟางจื๋อจื่อออกจากโรงพยาบาล พวกเขาทั้งบ้านเดินทางมาเยี่ยม หยู่เหวินเห้าเอาที่อยู่บ้านพ่อตาแม่ยายให้ไป พร้อมรับแขกที่นั่น
คนบ้านตระกูลฟางนั้นแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง คุณแม่ฟางกลับถามฟางจื๋อจื่อขึ้นว่า ทำไมถึงตกลงไปเพียงคนเดียว
ฟางจื๋อจื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น ในใจยังคงหวาดผวาอยู่.
ที่แท้จู่ๆวันนั้นฝนตกหนัก ปกติเธอไม่ค่อยออกกำลังกาย เหนื่อยล้าอย่างมาก วันนั้นเธอตามไม่ทันค่อนข้างไกล คนอื่นๆร้อนใจที่จะหาสถานที่หลบฝน จึงลืมเธอไป
ต่อมาฝนยิ่งตกหนัก ถนนตรงหน้ามองเห็นไม่ชัดเจน เธอเดินพลัดหลงกับพวกเขา และก็เดินหลงทาง เธอหวาดกลัวมาก ร้องเรียกหาพวกเขาอยู่ตลอด
ต่อมาเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในโขดหินเพื่อหลบฝนที่ตกหนัก อยากหาถนนเดินออกมา กลับไม่เห็นมีถนน ยิ่งเดินยิ่งเปลี่ยว เดินไปเรื่อยอยู่บนเขาหลายวัน พร้อมหิวโหยอย่างมาก
เพราะมือถือของนางใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายหลัง ซึ่งเพื่อนร่วมทีมช่วยเธอสะพายกระเป๋า เธอไม่มีน้ำไม่มีอาหารแห้ง ยิ่งไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือ
หลายวันต่อมา เธอหากินผลไม้ ใบไม้อยู่ในป่า โชคดีที่ในกระเป๋ามีช็อกโกแลตสองอัน แม้ว่าหลังฝนตกจะละลายแล้ว อย่างน้อยก็ยังสามารถให้สารอาหารแก่เธอได้บ้าง
ผ่านไปหลายวัน เธอทั้งกลัวทั้งหิวทั้งเหนื่อยทั้งหมดหวัง ตอนที่เดินมาใกล้บริเวณยอดเขาหนิวเจี่ยว เหยียบบนพื้นหญ้า กลับพบความว่างเปล่า พร้อมตกลงไป
โชคดีที่เธอจับเถาวัลย์ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง อดทนจนคุณหยู่เหวินกับคุณสวีมาถึง ตอนนั้นเธอแทบทนไม่ไหวแล้ว หากช้าอีกสองสามนาที เธอต้องตกลงไปแล้วแน่
หลายวันมานี้คนตระกูลฟางเคยถามลูกสาว แต่เธอแสดงท่าทีหวาดกลัวและต่อต้านตลอดเวลา ไม่กล้าหวนคิด เพราะน่ากลัวอย่างมาก
แต่ฟางจื๋อจื่อเห็นสวีอีกับหยู่เหวินเห้า ทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกคับข้องใจและความกลัวถูกปลดปล่อยออกมาในทันที จึงบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันนี้ออกมา
สวีอีซาบซึ้งใจ ฮองเฮากระซิบพูดข้างหูของเขาว่า เพราะตอนที่ฟางจื๋อจื่อตกอยู่ในสภาวะหมดหวัง เขาไปช่วยไว้ได้ทัน ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกไว้วางใจ
ฟางจื๋อจื่อก็คว้าจับแขนเสื้อสวีอีไว้ตลอด นิ้วมือสั่นไหว ไม่ยอมปล่อยมือ
คุณย่าฟางเห็นแบบนี้ จึงรีบบอกให้หลานสาวคุกเข่าให้คุณสวี พร้อมพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “ทางเรามีธรรมเนียมประเพณี หากเด็กได้รับความช่วยเหลือจากอุบัติเหตุ ต้องระลึกถึงผู้มีพระคุณอย่างบิดาและมารดา ไม่รู้ว่าคุณสวียอมรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมไหม?”
สวีอียิ้มโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ตำแหน่งของพ่อ ไม่มีใครเทียบแทนได้ ผมช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย เทียบไม่ได้กับสิ่งที่คนเป็นพ่อกระทำมานานหลายปี หากยินดี ก็เรียกข้าว่าลุงสวี”
ฟางจื๋อจื่อรีบเรียกทันทีว่า “ลุงสวี”
แล้วก็เรียกหยู่เหวินเห้าว่า “ลุงหยู่เหวิน”
ต่อมา หยวนชิงหลิงเรียกฟางจื๋อจื่อเข้าไปในห้อง ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาแก่เธอ ถามเธอว่าทำไมเธอถึงร่วมผจญภัย
ฟางจื๋อจื่อค่อยเล่าให้ฟังอย่างเอียงอายว่า ตนเองไปสารภาพรักกับผู้ชายที่ชอบ แต่ผู้ชายบอกว่าเขาชอบผู้หญิงที่กล้าหาญร่าเริง เธอไม่ใช่คนประเภทที่เขาชอบ ดังนั้นเธอจึงต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยวิธีนี้
เธอยังเอามือถือออกมาให้หยวนชิงหลิงดู บอกว่าตอนที่เธอหายตัวไป ผู้ชายคนนั้นโทรหาเธอสามร้อยกว่าสาย ส่งข้อความมาร้อยกว่าข้อความ บอกว่าหากนางกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเขาก็จะคบกัน
ความรักของพวกเด็กๆ ตอนนี้หยวนชิงหลิงยังไม่ค่อยเข้าใจ จึงไม่ให้คำแนะนำในด้านความรัก ให้เธอเลือกด้วยตนเอง