บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2097 กิขการงานของเจ้าห้าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2097 กิขการงานของเจ้าห้าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไม่นานสวีอีก็จะกลับแล้ว เขาคิดถึงอะซี่กับลูกจะแย่แล้ว เขาจากพวกเขาเป็นเวลานานไม่ได้
หยวนชิงหลิงเริ่มรักษาเสี่ยวจี๋แล้ว ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงไปส่งเขาไม่ได้ จึงให้หยู่เหวินหวงไปแทน
ก่อนไป สวีอีถามมู่หรูกงกงว่าจะกลับไปไหม
หยู่เหวินเห้าหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เขาจะทิ้งข้าได้ลงคอหรือ? เขาไม่ไปแน่ เจ้ากลับไปเองเถอะ”
แต่เมื่อมู่หรูกงกงได้ยินสวีอีพูดประโยคนี้ ก็รีบเข้าไปเก็บของแล้ว ช่วงนี้เขาซื้อของอยู่ตลอดเวลา สะสมไว้ไม่น้อยแล้ว ดังนั้นต้องจัดเก็บอยู่พอสมควร
หยู่เหวินเห้าอึ้ง พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าก็จะกลับไปหรือ?”
“กลับ จะกลับไปด้วย” มู่หรูกงกงเปิดกระเป๋า ซึ่งกระเป๋านี้ดีอย่างมาก สามารถใส่ของได้มากมาย
หยู่เหวินเห้าหน้าบูดบึ้ง ต่อให้อยากกลับไปก็ควรแสดงท่าทีลังเลหน่อย ตรงเข้าไปเก็บของเลย ไม่ไว้หน้ากันเลย
หยวนชิงหลิงบอกหยู่เหวินหวงว่าต้องระวังความปลอดภัยให้ดี ต้องส่งพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย
หยู่เหวินหวงพูดขึ้นว่า “แม่วางใจ ผมส่งพวกเขากลับไป สามวันก็กลับมาแล้ว”
“ดี” หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองดูเจ้าห้า เห็นเขายกมือเท้าเอวมองดูมู่หรูกงกงเก็บของ ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก็หัวเราะออกมา
คนที่เจ้าห้าทำใจจากไม่ได้นั้นเยอะจริงๆ
สวีอีทำใจไม่ได้ เฝ้าอยู่ด้านข้างฮ่องเต้ พร้อมพูดเตือนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ไม่วางใจต่างๆมากมาย
เพราะเขารู้ว่าจากกันครั้งนี้ ได้เจอกันอีกทีก็อาจจะอีกหนึ่งถึงสองปี
สภาพจิตใจของเขาหนักอึ้ง มู่หรูกงกงอารมณ์ดีผ่อนคลายอย่างมาก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง
สวีอีไม่พอใจ แอบพูดกับฮ่องเต้ว่า “ท่านดูสิ ยังไงก็เป็นนายบ่าวกันเพียงครึ่งทาง ไม่ว่าจะจงรักภักดีแค่ไหนก็มีขีดจำกัด ไม่เหมือนข้าน้อยที่อยู่กับท่านมาตั้งแต่เด็ก ข้าน้อยเสียใจแทนท่านจริงๆ ท่านดีกับเขามาก เขายัง…..”
หยู่เหวินเห้าจับหูของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฟ้องหรือ? มู่หรูเขาคิดถึงเจ้าหญิง กลับไปหาเจ้าหญิง”
หยู่เหวินเห้ารู้มาจากเจ้าหยวนว่า มู่หรูเอาของที่เขาซื้อกลับไปให้เจ้าหญิง เขายังจะกลับมาอยู่ เพราะเจ้าหยวนรู้มาว่าเขาบอกพวกลูกศิษย์ว่าหยุดสี่วัน อีกสี่วันก็จะกลับมาสอนแล้ว
เขาเพียงแค่กลับไปเยี่ยมเจ้าหญิงสุดที่รักของเขา จึงดีใจอย่างมากอยู่แล้ว อีกไม่กี่วันก็กลับมา ทำไมจะต้องเศร้าสร้อย? แทบอยากจะรีบไปเลยต่างหาก
หลังจากสวีอีกลับไปแล้ว หยู่เหวินเห้ากำลังเตรียมทีมกู้ภัยของเขา
สมาชิกยังไม่มี แต่มีชื่อเรียกแล้วว่า ทีมกู้ภัยเป่ยถัง จดทะเบียนเรียบร้อยภายใต้การช่วยเหลือของประธานบริษัทบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์
เขาก่อตั้งเป็นองค์กรสวัสดิการสาธารณะเพื่อการช่วยเหลือโดยอาสาสมัคร ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใดๆ เพื่อบรรเทาสาธารณภัย การช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติ ส่งเสริมด้านมนุษยธรรม และกำหนดสัญญาข้อตกลงของเป่ยถังกู้ภัย
อาสาสมัครใจ แต่ต้องปฏิบัติตามสัญญาข้อตกลงของทีมกู้ภัย
ตอนนี้มีเพียงในเมืองก่วง ต่อไปจะมีไปทั่วประเทศ ไม่ต้องเร่งรีบ แต่ต้องมั่นคง
เมื่อประกาศรับอาสาสมัครออกไป ก็มีคนแห่มาสมัครกันเยอะแยะ
คุณเฉินพาคนในทีมงานของเขามา บอกว่าสมัครใจเข้าร่วมทีมกู้ภัยเป่ยถัง
เขาดูรายละเอียดที่คุณหยู่เหวินประกาศในเว็บแล้ว สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเขา แต่จำนวนคนมีจำกัด บวกกับไม่มีการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ เขาจึงไม่ได้ทำขึ้นมา
จนจะล้มเลิกอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาชื่นชมคุณหยู่เหวินอย่างเต็มเปี่ยม จึงยอมที่จะเข้าร่วม
หยู่เหวินเห้าไม่จดจำความบาดหมางเดิม ยินดีต้อนรับพวกเขา โดยไม่พูดถึงเรื่องเมื่อตอนช่วยเหลือฟางจื๋อจื่อ
เริ่มต้นของการฝึกอบรม ไม่รับเงินบริจาคใดๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดหยู่เหวินเห้ารับผิดชอบ ถือค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่โชคดีที่เขาไม่ขาดแคลนเงิน ดอกเบี้ยเงินของฮ่องเต้ฮุยจงที่อยู่ในธนาคาร พันธบัตร เงินกองทุน ล้วนเป็นรายได้ที่ไม่น้อย
และทางด้านโพ่ตี้อวี้ก็บอกแล้วว่า จะนำกำไรของทุกปีมาบริจาคสิบเปอร์เซ็นต์ สถาบันวิจัยของหยางหรูไห่สถาบันวิจัยก็บริจาคแปดเปอร์เซ็นต์
ตอนนี้ ด้านเงินทุนนั้นมีเพียงพอ
การรักษาเสี่ยวจี๋ ได้ผลเบื้องต้นแล้ว ตอนที่หยวนชิงหลิงไปบอกแม่ของเสี่ยวจี๋ แม่ของเสี่ยวจี๋ตื้นตันจนน้ำตาไหล
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปกอดเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนชิงหลิงกอดเธอ นับจากผ่าตัดจนถึงทำการรักษา การสนทนาระหว่างพวกเธอจำกัดอยู่ที่เรื่องการรักษาเท่านั้น ไม่มีการสื่อสารผ่านความรู้สึกอะไรมาก ไม่มีแม้แต่คำพูดปลอบใจ
โอบกอดนี้ ทำให้แม่ของเสี่ยวจี๋ทำลายการป้องกันโดยสิ้นเชิง เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมอกหยวนชิงหลิง ราวกับตนเองผ่านความทุกข์ทรมานมาแล้วทุกอย่าง มีคนเห็นและรู้ มีคนเข้าใจ
จากนั้นหยวนชิงหลิงให้เธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จะพาเธอไปเดินห้างทานข้าว
เดิมแม่ของเสี่ยวจี๋ปฏิเสธพูดว่าไม่อยากไป เพราะการเดินห้างทานข้าวเป็นกิจกรรมสิ้มเปลือง เธอไม่มีปัญญาซื้อไม่มีปัญญากิน
แต่หยวนชิงหลิงยืนยันที่จะให้เธอไป บอกว่าตนเองเหน็ดเหนื่อยมาตั้งนาน อยากไปเดินเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย แต่ไม่มีเพื่อนไปด้วย จึงอยากชวนแม่ของเสี่ยวจี๋ไปเป็นเพื่อน
แม่ของเสี่ยวจี๋ไม่กล้าปฏิเสธอีก เพราะคนตรงหน้าคนนี้เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตลูกชายของตนเองไว้ จึงกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนสวมชุดที่สะอาด
เดิมคิดจะนั่งรถเมล์มาหาคุณหมอหยวนที่โรงพยาบาล แต่เธอกลับนั่งแท็กซี่มารอใต้ตึก
ตอนที่ขึ้นรถ หยวนชิงหลิงเอากระเป๋าเครื่องสำอางออกมา แต่งหน้าให้เธอเบาๆ ทาลิปสติก แล้วมัดม้วนเก็บผมยาวทั้งหมดขึ้นมา สวมต่างหูหนึ่งคู่
แม่ของเสี่ยวจี๋บอกว่าไม่ต้องอยู่ตลอด ตอนนี้เธออัปลักษณ์มาก ทำยังไงก็ไม่มีทางสวยขึ้นมา
แต่เมื่อหยวนชิงหลิงเอากระจกมายื่นให้เธอ ให้เธอส่องดูตนเอง เธอถึงกับอึ้ง
นี่คือตัวเธอหรือ?
ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา ผิวซีดปกคลุมด้วยรองพื้น ขาวผ่องโปร่งใส ริมฝีปากแดง ดูแล้วเหมือนตนเองอายุน้อยลงสิบปี