บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2100 เจ้าหยวนไม่สบายหรือ
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2100 เจ้าหยวนไม่สบายหรือ
ช่วงวันหยุดฤดูร้อน เดิมทีเจ้าห้าวางแผนว่าจะพาเด็ก ๆ กลับไปที่เป่ยถัง เขาคิดถึงเจ๋อหลานมากจริง ๆ….. เอ่อ รวมถึงสามยักษ์ใหญ่กับเสด็จพ่อด้วย
แต่เซเว่นอัพเเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว จึงไม่มีเวลากลับไป
โค้กหางานพาร์ทไทม์ทำได้แล้ว จึงไม่กลับไปเหมือนกัน
ส่วนข้าวเหนียว ในตอนแรกก็ตอบตกลงว่าจะกลับไปด้วย แต่ต่อมาก็โทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจแล้ว เห็นว่าจะอาศัยช่วงวันหยุดฤดูร้อนเพื่อศึกษาวิชาจิตวิทยา
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเฮือก พูดกับเจ้าหยวนว่า: “ดูเหมือนจะมีแค่เราสองคนตายายที่กลับไปได้เท่านั้นแล้วล่ะ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่หรอก ข้าไม่ว่าง ข้อมูลจากการทดลองหลายชุดกำลังจะออกแล้ว ข้าไปไหนไม่ได้ หรือไม่เจ้าก็กลับไปคนเดียวก่อนดีไหม?”
“ให้ข้ากลับไป?” หยู่เหวินเห้ารู้สึกหดหู่ใจมาก เขากลับเองคนเดียวไม่ได้ เส้นทางเหล่านั้นแม้เขาจะเดินทางไป ๆ มา ๆ หลายครั้ง เขาก็ยังจำได้ไม่ครบถ้วนนัก “ช่างเถอะ รอจนถึงช่วงวันหยุดฤดูหนาวค่อยกลับก็ได้ ถึงตอนนั้นพวกเรากลับไปฉลองปีใหม่กัน ”
“ได้!” หยวนชิงหลิงตอบรับด้วยท่าทางใจลอย
เจ้าห้านั่งท้าวคาง แหงนหน้ามองแสงแดดในสวนกลางบ้าน วันที่สวยงามขนาดนี้ สภาพอากาศดีขนาดนี้ ถ้าได้พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวชายหาดจะสนุกขนาดไหนนะ
“อันที่จริง ข้าก็ไม่ถึงกับมีเวลากลับไปมากนักหรอก วันหยุดฤดูร้อนมีคนมากมายไปเล่นน้ำ รอให้ข้ามีเวลา ข้าจะพาทุกคนไปเดินเล่นที่อ่างเก็บน้ำซานถังกับริมแม่น้ำแล้วกันนะ”
“ก็ดี!” หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปกอดเขา “ขอโทษนะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนจะกลับไป รอให้ข้าเสร็จงานแล้ว จะต้องกลับไปกับเจ้าอย่างแน่นอน”
“ไม่เป็นไร งานสำคัญกว่า” หยู่เหวินเห้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาคิดว่าเจ้าหยวนก็สนับสนุนงานของเขาในฐานะฮ่องเต้แบบนี้เหมือนกัน มาตอนนี้บทบาทสลับกัน เขาเองก็จะสนับสนุนเจ้าหยวนด้วยอย่างแน่นอน
วันหยุดฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยความผันผวน ส่วนทุกคนก็ยุ่งกันจนมือไม้เป็นระวิง
เจ้าห้าก็ยุ่งเช่นกัน เขาออกไปขับรถตระเวนรอบอ่างเก็บน้ำซานถังตลอดทั้งวัน แถมยังเป็นอย่างปากว่าจริง ๆ มีเด็กมากมายออกไปว่ายน้ำเล่นในป่า เขาช่วยชีวิตเด็กที่จมน้ำไว้ได้สองคน
เขากลับไปบ่นกับพ่อตาว่า ทำไมพวกพ่อแม่ผู้ปกครองไม่เอาใจใส่ลูก ๆ เลย แถมไม่มีการสอนเรื่องให้ระวังความปลอดภัยด้วย
พ่อตาบอกว่า “ทำไมจะไม่มีล่ะ? ก็มีทุกปีนั่นแหล่ะ ช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมจะมีคำสั่งห้ามลงเล่นน้ำประกาศซ้ำ ๆ หลายครั้ง แต่ว่านะ พ่อแม่หลายคนต่างก็ต้องออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้องคนในบ้าน จึงไม่สามารถดูแลได้มากพอ ชีวิตของคนธรรมดาน่ะ ไม่ได้อยู่กันอย่างสบาย ๆ หรอกนะ”
ทันทีที่หยู่เหวินเห้าได้ยินแบบนี้ หัวใจที่ห่วงใยบ้านเมืองและประชาชนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาถอนหายใจเฮือก ช่างเถอะ ด้วยความสามารถของตัวเขาเอง ก็ทำให้มากเท่าที่จะทำได้แล้วกัน
เมื่อพ่อตามีเวลาว่าง ก็เริ่มออกไปเที่ยวกับลูกเขยแล้ว บางครั้งสองพ่อตาลูกเขยก็พอจะคลายความเบื่อหน่ายลงไปได้บ้าง
ก่อนหน้านี้ศาสตราจารย์หยวนเคยเกรงใจลูกเขยมาก แต่ตอนนี้เขาเริ่มพึ่งพาอีกฝ่ายมากขึ้น
เวลาที่เจอเรื่องอะไรหรือจำเป็นต้องตัดสินใจเรื่องอะไร เขามักจะมีคำติดปาก โดยจะโทรไปถามลูกเขยก่อนเสมอ
ตอนนี้หยู่เหวินเห้าปรับตัวเข้ากับชีวิตของที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว บวกกับเดิมทีเขาก็เป็นคนฉลาด มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่เหมือนใคร ดังนั้นจึงสามารถเป็นผู้นำของครอบครัวนี้ได้
เจ้าห้าก็เริ่มยุ่งแล้วเหมือนกัน แม้จะพูดได้ว่าทีมกู้ภัยนั้นทำเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่เวลาที่ต้องอุทิศตัวให้กับมันจริง ๆ ก็มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องจัดการ
เขาคิดถึงเจ๋อหลานมาก ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงวันตรุษจีน ตอนนี้ยังเป็นวันหยุดฤดูร้อนอยู่เลย
เอ่อ….. แล้วก็คิดถึงเจ้าใหญ่กับเจ้ารองด้วยเหมือนกัน
เจ้าหยวนยุ่งมากจริง ๆ ช่วงนี้ต้องออกบ้านแต่เช้ากลับมาจนดึก แม้ว่าจะไม่ได้ซูบผอมไป แต่แค่ได้เห็นเขาก็รู้สึกปวดใจแล้ว
พวกเด็ก ๆ ต่างก็ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง ในตอนกลางคืนพวกเขาจะคุยกันในกลุ่ม ซึ่งเป็นเหมือนการเติมเต็มวันเวลาที่พี่น้องต้องอยู่ห่างกัน
เป็นเพราะไม่ได้กลับไปนานมากแล้ว ในใจจึงรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
แต่เขาก็ให้กำลังใจตัวเอง สู้เข้าสิ! ฮ่องเต้ ถึงอย่างไรช่วงตรุษจีนก็จะได้กลับไปแล้ว
วันนี้หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ก็กลับมาที่สำนักงานใหญ่ เพิ่งจะนั่งลงกำลังคิดจะถามเจ้าหยวนว่าจะกลับบ้านมากินข้าวหรือไม่ พ่อตาของเขาโทรมาบอกว่า “เจ้าห้า รีบกลับมาเร็ว ๆ เข้าเถอะ ภรรยาของคุณไม่สบาย”
เจ้าห้าคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกไปทันที ถามอย่างร้อนใจว่า “ทำไมถึงไม่สบายได้ล่ะ? ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร่างกายของเจ้าหยวนไม่เคยมีปัญหาอะไร ไม่มีกระทั่งอาการเป็นหวัด เดิมทีตัวนางเองก็เป็นหมอ บวกกับมีอวัยวะซึ่งเป็นกลไกพิเศษด้วย
นางไม่สบาย สถานการณ์ถือว่าร้ายแรงมาก
ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน เขาหยุดจอดที่สัญญาณไฟจราจรแล้วมองดูในกลุ่มสนทนา เห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ได้ส่งข้อความอะไร ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่แม่ของพวกเขาไม่สบาย
เขายังไม่อยากบอกเด็ก จึงไม่ควรทำให้พวกเขาเป็นกังวล
รถขับเข้าไปจอดในโรงรถ ผลปรากฏว่าเห็นรถของเจ้าหยวนจอดอยู่ นางกลับบ้านแล้ว
จะต้องไม่สบายมากแน่ ๆ ถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้
เขายังไม่ทันจอดรถเรียบร้อยดี ก็ลงจากรถแล้ววิ่งตะบึงเข้าไปทันที
เพิ่งจะวิ่งเข้าประตูหลักมาได้ ก็เห็นพ่อตากับแม่ยายนั่งอยู่ในห้องรับแขก มองเขาด้วยความประหลาดใจ
“จะรีบวิ่งขนาดนั้นไปทำไมน่ะ ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
หยู่เหวินเห้าชะงักฝีเท้าทันที ถามด้วยความแปลกใจว่า : “ท่านพ่อตา ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนโทรมาบอกข้าเองว่าเจ้าหยวนไม่สบายหรอกรึ?”
“ไม่นี่! ฉันไม่ได้โทรไปซักหน่อย” ศาสตราจารย์หยวนงงเป็นไก่ตาแตก
“โทรมาสิ ทั้งเบอร์โทรของท่าน ทั้งเสียงของท่าน ข้าฟังชัดเจนแจ่มแจ้งทุกคำเลย” เขากวาดตามองไปรอบ ๆ “เจ้าหยวนล่ะ?”
“เสด็จอาฮ่องเต้ ฮองเฮาอยู่ที่ชั้นดาดฟ้ากับเจ๋อหลานเพคะ”
น้ำเสียงคมชัดใสกระจ่างดังมาจากบันได หยู่เหวินเห้าหันหน้าไปดู ก็เห็นสาวสวยในชุดกี่เพ้าคนหนึ่ง เรือนร่างสะโอดสะองดั่งหยกงามนั้นอุ้มแมวตัวหนึ่งเอาไว้ ยืนอยู่บนชานบันไดพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า
ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดูคุ้นมาก แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
หลังจากเห็นแมวที่สะบัดตัวจนหลุดออกมาจากมือของนางตัวนั้น กระโจนลงมาเดินนวยนาดผ่านหน้าไป เขาก็จำแมวได้ก่อน ที่แท้ก็คือเจ้าเสือในเวอร์ชั่นร่างมินิ
เขายื่นมือไปอุ้มเจ้าเสือขึ้นมา จากนั้นค่อยหันไปทางสาวน้อยคนนั้น จำอีกฝ่ายได้ในที่สุด “ฉื้อถง? เจ้าคือฉื้อถงสินะ?”
“ข้าคือฉื้อถง โทรศัพท์นั่นเป็นข้าที่โทรไปเอง” ฉื้อถงยิ้มอย่างซุกซน “ข้าเพิ่งจะใช้โทรศัพท์เป็น”