บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2101 ตื่นตกใจไปยกหนึ่ง
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2101 ตื่นตกใจไปยกหนึ่ง
ฉื้อถงพูดพลาง ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าห้า เจ้ากลับมาแล้วรึ?”
เจ้าห้าได้ยิน นี่ไม่ใช่ว่าเหมือนเสียงของเจ้าหยวนเลยหรอกหรือ?
จากนั้นฉื้อถงก็ไพล่สองมือไปด้านหลัง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “ฝ่าบาท วันพรุ่งนี้รีบหารือเรื่องสำคัญแต่เช้า อย่าได้ชักช้าเสียเวลา!”
คราวนี้เป็นเสียงเจ้าเหลิ่ง
“พี่ห้า ข้าทะเลาะกับเจ้าอ้วนอีกแล้ว”
คราวนี้เสียงของเจ้าเจ็ดอ๋องฉี
“พ่อ!” คราวนี้เป็นเสียงของเจ๋อหลาน
หยู่เหวินเห้ารีบห้ามปรามอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องเรียนทำเสียงตามแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าท่านอาหยู่เหวินเหมือนเดิมเถอะ”
“พ่อ ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าท่านอาหยู่เหวินด้วยล่ะ?”เจ๋อหลานโผล่หน้าลงมาจากมุมบันได สีหน้างุนงงสงสัย
หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีระคนประหลาดใจ “อา! นี่ใครกัน ดูซิว่านี่คือใครกัน?”
เขาสาวเท้าเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วเหนือชานบันไดขึ้นไป ลูกชายทั้งสองพลันกระโดดลงมาเสียก่อน แล้วตะโกนพร้อมกันว่า “พ่อ!”
ลูกชายสองลูกสาวหนึ่ง ยืนเรียงรายอยู่เคียงข้างกัน หยู่เหวินเห้ากางสองมือออกจนกว้าง นึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอื้อมมือไปกอดลูกชายทั้งสองคนก่อน
ความรักของพ่อที่มีต่อลูกชาย ไม่ต่างอะไรกับแมลงปอที่บินโฉบแตะเหนือผิวน้ำ เพียงไม่นานก็รีบปล่อยมือ แล้วหันไปกอดลูกสาวต่อ
“พ่อไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าจะมา พ่อกำลังคิดอยู่ว่าจะกลับไป แต่แม่ของพวกเจ้าบอกว่ายุ่ง ๆ อยู่ พวกเซเว่นอัพก็ยุ่งเหมือนกัน พวกเจ้าจะมาก็ไม่บอกพ่อก่อนสักคำ”
เจ๋อหลานยังไม่ทันได้พูดอะไร มู่หรูกงกงก็พูดขึ้นมาจากด้านล่างว่า: “ฝ่าบาท เสด็จลงมาก่อนเถิด ท่านกอดองค์หญิงแน่นขนาดนี้ องค์หญิงแทบจะหายใจไม่ออกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ้อ! โดนรัดจนแก้มน้อย ๆ ของนางแดงก่ำไปหมดแล้ว
หยู่เหวินเห้าปล่อยลูกสาว ลูบไล้สองแก้มพลางสำรวจดูอย่างละเอียด ยังดีอยู่ ไม่ผอมลง ยังคงงดงามไม่เปลี่ยน
“พ่อ พวกเราคิดถึงพ่อกับแม่มากเลย” เจ๋อหลานจับมือเขาอย่างออดอ้อน ก่อนวันหยุดฤดูร้อน พวกเราคุยกับแม่เอาไว้ว่าจะมา แม่ยุ่งอยู่กับโครงการจนกลับไปไม่ได้ พวกเราก็เลยมาที่นี่แทน
“แล้วพวกเจ้ายุ่งกันอยู่หรือไม่?” หยู่เหวินเห้ารีบหันหน้าไปถามซาลาเปาทันที “เจ้าออกมาได้รึ? โสวฝู่รู้ไหมว่าเจ้ามาที่นี่?”
“ข้าลางานมาแล้ว เขาก็ตอบตกลงแล้วด้วย พวกเราอยู่ที่นี่ได้เจ็ดวัน” รัชทายาทยิ้มพลางเดินลงไป จูงมือของฉื่อถง
“เจ็ดวันรึ…..” แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะดีใจที่ได้พบหน้าลูกชาย แต่เจ็ดวันก็นับว่านานพอสมควรอยู่
รัชทายาทไม่เหมือนเขา เขานั่งสะสางงานในราชสำนักมาสิบกว่าปีแล้ว จะออกมาสักหลาย ๆ วันก็ไม่เป็นปัญหา แต่รัชทายาทเพิ่งจะเข้าสู่ราชสำนักได้ไม่นาน
“หรือไม่ ก็อยู่สักห้าวันดีไหม?” หยู่เหวินเห้าถาม
สายตาของรัชทายาทดูอบอุ่น ตอบรับอย่างเชื่อฟัง: “ได้!”
“เจ้าห้า!” หยวนชิงหลิงก็ลงมาด้วย เห็นลูกสาวคนเล็กออดอ้อนคลอเคลีย เกาะเกี่ยวอยู่ข้างแขนของเขา ก็ยิ้มพลางพูดว่า “ได้เจอลูกสาวแล้ว มีความสุขแล้วล่ะสิ?”
“มีความสุขสิ” หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปจูงมือนาง “ได้พบลูกสาว ลูกชาย ฉื้อถง ข้าดีใจมากเลยล่ะ”
เขาไม่ได้ลำเอียงนะ จะลูกชายหรือลูกสาว ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหมด
ฉื้อถงจับมือรัชทายาทแล้วเดินลงไป ยืนที่ปากบันไดมองดูพวกเขา แล้วพูดว่า: “ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ทุกคนเชิญนั่งลงก่อน”
รัชทายาทถามว่า “มีเรื่องจะประกาศรึ? เรื่องอะไร?”
ทำไมเขาไม่รู้มาก่อนเลยล่ะ? นางไม่เห็นจะพูดอะไรเลยนี่นา?
ทุกคนมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ดูตื่นเต้นของฉื้อถง แล้วหันมองหน้ากันไปมา ฉื้อถงมีอะไรจะประกาศเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่างานฝีมือที่ออกสู่ท้องตลาดขายได้ราคาดีมาก?
ทุกคนไปที่ห้องรับแขกแล้วนั่งลง ศาสตราจารย์หยวนกับคุณแม่หยวนต่างก็ตั้งตารอ เพราะที่เป่ยถังคนมักแต่งงานเร็ว คาดว่าพวกเขาคงจะมาประกาศข่าวดีเรื่องการแต่งงานของพวกเขาสองคนแน่ ๆ
ถึงแม้จะบอกว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ควรสร้างอาชีพตั้งตัวให้ได้ก่อนค่อยแต่งงานก็ยังไม่สาย แต่เปาเอ๋อร์นั้นไม่เหมือนกัน เปาเอ๋อร์มีงานมีการเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว
หยู่เหวินเห้าเองก็ยังรู้สึกคลุมเครือว่านี่อาจเป็นเรื่องแต่งงาน เขาย้อนนึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับต้าหมอ ว่า อีกไม่นานเขาก็จะได้เป็นปู่แล้ว เดิมทียังคิดจะเกลี้ยกล่อมรัชทายาทว่าไม่ต้องรีบแต่งงานก็ได้ แต่มาตอนนี้เพราะฉื้อถงเป็นคนประกาศ ดังนั้นแล้วเขาจะพูดอะไรได้ล่ะ?
จะอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้เสียแล้ว
“ฉื้อถง เป็นข่าวดีอะไรเหรอ? รีบบอกมาเถอะ” เจ๋อหลานถามอย่างคาดหวัง
สายตาของฉื้อถงกวาดมองไปที่ใบหน้าของทุกคน หลังจากกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนจนได้ที่แล้ว ก็พูดด้วยท่าทางลึกลับว่า: “ข้าท้องแล้ว ข้ากำลังจะได้เป็นแม่คนแล้วนะ”
เปรี้ยง! ครืน ๆ ๆ …..
ดั่งสายฟ้าผ่าลงมากลางแดดจัด ๆ ผ่าลงกลางหัวเจ้าห้าจนสุกแบบเกรียมนอกนุ่มในเลยทีเดียว
อะไรนะ? นี่เขากำลังจะเป็นปู่แล้วรึ?
หลังจากเริ่มมีปฎิกริยากลับมารู้สึกตัว เขาก็กระโจนพรวดเข้าไปคว้าคอเสื้อของซาลาเปา “เจ้าลูกสารเลว พวกเจ้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ เจ้ายังกล้า….”
รัชทายาทรีบอธิบาย “พ่อ ข้าเปล่านะ!”
เจ้าห้าปล่อยเขา “เจ้าเปล่า? หา? แล้วเด็กในท้องของฉื้อถงเป็นลูกของใครกันล่ะ?”
นี่คงจะไม่กลายเป็นละครน้ำเน่า ประเภทที่ว่าฉื้อถงมีคนที่ชอบอยู่แล้วอะไรทำนองนั้นหรอกนะ?
หยวนชิงหลิงไม่สนใจกลุ่มคนที่ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างไปแล้ว เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า: ” ฉื้อถง เจ้ารู้ได้อย่างไรรึว่าเจ้ากำลังท้อง?”
“ข้าอยากอาเจียน ยังมีท่านดูที่ท้องของข้าสิ” ฉื้อถงโน้มตัวไปข้างหน้า ท้องของนางนูนยื่นออกมา นางยิ้มละไมดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “ท้องแล้ว!”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือออกไปลูบ ๆ ที่ท้องของนาง ก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยนว่า : ” ต้องเป็นเพราะช่วงนี้ฉื้อถงไม่เชื่อฟัง แอบไปกินของอร่อย ๆ มาเยอะมากแน่ ๆ เลยใช่ไหม?”
“ไม่…ไม่ได้กินเยอะสักหน่อย” ฉื้อถงเบิกตากว้างพลางส่ายหัว “แค่กินเหล้าข้าวเหนียวหมักนิดหน่อย กับลูกชิ้นที่เจ๋อหลานเอามาให้ แล้วข้าค่อยทำเองในวัง เพราะข้าทำเองมันอร่อยกว่าไปซื้อกินข้างนอก”
“เจ้าหยวน นางไม่ได้ท้อง ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “แค่กินมากเกินไปเฉย ๆ”
รัชทายาทถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตำหนิออกไปเบา ๆ ว่า: “ลืมสิ่งที่ท่านอาหญิงของเจ้าพูดไปแล้วหรือ? ว่าเจ้าไม่ควรกินมากเกินไป ทำได้แค่ลองชิมดูคำเดียว”
แต่เนื่องจากช่วงนี้เขายุ่ง จึงมีเวลาอยู่กับนางน้อยลง จึงละเลยนางไปบ้าง
ฉื้อถงดูมีท่าทีผิดหวังไปเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ท้องหรอกรึ? ท้องข้าใหญ่ขนาดนี้เชียวนะ ยังไม่ใช่ว่าท้องอีกหรือ?”
หยู่เหวินเห้าคิดในใจ โชคดีแล้วที่เจ้าไม่ได้ท้อง ถ้าไม่อย่างนั้นข้าที่ยังหนุ่มแน่นขนาดนี้ก็คงได้เป็นปู่ไปจริง ๆ แล้ว