บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 218 กำหนดสถานะพระชายารองฉู่
ฉู่หมิงหยางได้ยินว่าท่านปู่เรียกพบอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ก็เลยถามคนที่มาเรียกตนว่า “เมื่อครู่พระชายาไปพบท่านปู่ใช่หรือไม่ ”
คนรับใช้ส่ายหน้า “เรียนคุณหนูรอง ไม่ใช่เพคะ”
ฉู่หมิงหยางรู้ว่าส่งคนมาทำไม คิดไว้แล้วว่าคนรับใช้ของท่านปู่ต้องมา ฉะนั้นหากพี่ใหญ่ไม่ได้ไปพบท่านปู่มาก่อน แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไร
บางที อาจเป็นเรื่องแต่งงานกับอ๋องฉู่ก็ได้
ด้วยเหตุนี้ นางจึงออกจากประตูอย่างสบายอกสบายใจ
เพียงแต่ นางเพิ่งจะก้าวเข้าไปในลานบ้าน ผู้ดูแลบ้านก็รีบเดินเข้ามา พูดว่า “คุณหนูรอง นายท่านให้คุณหนูคุกเข่าอยู่ข้างนอกก่อน ”
ฉู่หมิงหยางนิ่งอึ้ง “คุกเข่า เพราะอะไร”
ผู้ดูแลบ้านพูดว่า “นี่คือคำสั่งของนายท่าน คุณหนูรองอย่าถามเลย นายท่านกำลังโมโหมาก คุณหนูคุกเข่าลงก่อนเถอะ”
ฉู่หมิงหยางรู้ถึงความเข้มงวดของท่านปู่ดี ไม่กล้าที่จะไม่คุกเข่า แต่ว่าคุกเข่าแล้วก็ยังไม่พอใจ นางถามขึ้นว่า “ผู้ดูแลบ้าน บอกข้าได้หรือไม่ ว่าข้าทำอะไรผิดกันแน่”
ผู้ดูแลบ้านถอนหายใจเบาๆ “แม่นมสี่มา คุณหนูรองไม่ล่วงเกินอะไรพระชายาฉู่หรือไม่”
ฉู่หมิงหยางได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นมาจากพื้น พูดว่า “ข้าจะพบท่านปู่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน ”
ผู้ดูแลบ้านพูดอย่างลำบากใจว่า “คุณหนูรอง ท่านก็คุกเข่าไปก่อนเถอะ”
“ข้าจะพบท่านปู ข้ามีเรื่องจะโต้แย้ง”แค่การฟ้องร้องของบ่าวคนหนึ่ง ท่านปู่ก็จะลงโทษนาง นี่มันระเบียบอะไรกัน
ถ้วยชาใบหนึ่งพุ่งออกมาจากในเรือน กระแทกกับพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษถ้วยชากระเด็นไปบนร่างของฉู่หมิงหยาง ทำเอานางตกใจจนต้องรีบถอยไปสองก้าว จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงทันที
ผู้ดูแลบ้านถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูรอง คุกเข่าไปก่อน นายท่านต้องพบคุณหนูแน่ คุณหนูมีเวลาโต้แย้งแน่นอน ”
แน่นอนว่าในใจของฉู่หมิงหยางนั้นไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
พ่อแม่ของฉู่หมิงหยางถูกเรียกตัวมา เข้าไปในเรือนพูดคุยกันอยู่ครู่ใหญ่จึงออกไป นายท่านฉู่กับฮูหยินมองลูกสาวที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ได้แต่ถอนหายใจเบาๆแล้วจากไป
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ก็เห็นรองเจ้ากรมพิธีการมา และก็เข้าไปพูดคุยกันข้างในอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
ฉู่หมิงหยางคุกเข่าจนเข่ารู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้ว ค่อยๆแอบนั่งลงสักพัก ในใจกำลังคิดว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
ฉู่หมิงชุ่ยก็เข้ามาถึงลานบ้านพอดี เห็นฉู่หมิงหยางที่คุกเข่าอยู่กับพื้น นางเลิกคิ้วเบาๆ “ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าก็ไม่ฟัง”
ฉู่หมิงหยางไม่เข้าใจจริงๆ ถามขึ้นว่า “แม่นมสี่เจ้าคนใช้แก่นั้นมาที่นี่วันนี้ แล้วท่านปู่ก็ลงโทษข้า ทำไมท่านปู่จึงให้ความสำคัญกับนางมาก”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดว่า “น้องรอง แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าฉลาดกว่าข้า น่าจะเข้าใจว่าเรื่องพวกนี้พูดไม่ได้ ข้าเกลียดหยวนชิงหลิงมากกว่าเจ้าเสียอีก แต่ว่า ต่อหน้าแม่นมสี่ ข้าก็ต้องเก็บอาการไว้ให้ดี นางไม่ใช่คนที่จะเราจะหาเรื่องได้ ”
ฉู่หมิงหยางเอ่ยเสียงเย็นว่า “หาเรื่องไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นภายหน้าหากข้าเป็นพระชายารองอ๋องฉู่ ทำอะไรก็ต้องคอยดูสีหน้านางอย่างนั้นหรือ”
ฉู่หมิงชุ่ยมองนาง ไม่รู้ทำไมในใจจึงมีความรู้สึกสะใจบางอย่างเกิดขึ้น
“เจ้าจะไม่ได้แต่งกับอ๋องฉู่ ท่านปู่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้เจ้าแต่งเป็นรองพระชายาจี้ เมื่อครู่ท่านปู่เรียกท่านพ่อท่านแม่มาก็เพื่อจะปรึกษากันเรื่องนี้ ”
“อ๋องจี้”ฉู่หมิงหยางดีดตัวขึ้น ร้องเสียงแหลม “ข้าไม่ยอม”
ฉู่หมิงชุ่ยกดไหล่ของนางเอาไว้ ใช้เสียงต่ำดุนางว่า “ในเวลาคับขันเช่นนี้ เจ้าอย่ายั่วโมโหท่านปู่จะดีกว่า ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ที่ท่านย่าสูญเสียเสียงไป ก็เพราะพูดจาผิดหูไปคำเดียว สามีภรรยาที่แต่งงานกันอย่างเป็นเช่นนี้ เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองพิเศษแค่ไหน ถ้าทำให้ท่านปู่โกรธ ให้เจ้าแต่งกับพวกชั้นต่ำ เจ้าก็คงต้องร้องไห้ขึ้นเกี้ยวไปเท่านั้นเอง”
ฉู่หมิงหยางส่ายหน้า สีหน้าขาวซีด มองฉู่หมิงชุ่ยอย่างหวาดกลัว “ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ……”
ฉู่หมิงชุ่ยกดเสียงต่ำลงพูดว่า “จำครั้งที่แล้วที่ข้ากลับจวน แล้วพูดกับเจ้าเรื่องที่ท่านปู่จะให้เจ้าแต่งเป็นพระชายารองของอ๋องฉู่ได้หรือไม่ เจ้าบอกว่าเจ้าอ่านใจข้าออก แต่ว่าไหนเลยข้าจะเดาความคิดของท่านปู่ไม่ออก อ๋องฉีเป็นหลานของท่านปู่ ท่านปู่ย่อมต้องช่วยให้เขาขึ้นเป็นรัชทายาท แต่ว่า อ๋องฉีนั้นไร้ประโยชน์ เจ้าเองก็เห็น ท่านปู่คิดว่าสนับสนุนอ๋องฉีไม่ขึ้นแน่ เจ้าคิดว่าเขาควรเลือกใคร”
“ใคร ”ฉู่หมิงหยางถามออกไปทันที
“อ๋องจี้ ”ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มอย่างสลด “ที่น่าขันคือข้าคิดผิดไป คิดว่าเป็นหลานคนโต ขอเพียงท่านปู่คอยเหลือเขาเล็กน้อย เขาก็คงจะได้เป็นรัชทายาทอย่างมั่นคง น่าเสียดาย เขาก็แค่คนขี้ขลาดไร้ความสามารถ ตอนนี้อ๋องจี้สร้างคุณงามความดีกลับมาให้ราชสำนัก ฮ่องเต้ประธานชุดสีเหลืองให้เองกับมือ เห็นทีจะเห็นความสำคัญไม่น้อย อ๋องจี้เป็นบุตรคนโต พระชายาจี้ก็ไม่สบายนอนซมกับเตียง เจ้าแต่งเข้าไปอย่างน้อยตำแหน่งพระชายาเอกก็คงไม่ต้องรอนาน”
ฉู่หมิงหยางค่อยๆได้สติคืนมา “แล้วอ๋องฉู่เล่า หรือท่านปู่จะไม่เคยเห็นความสำคัญของอ๋องฉู่เลยหรือ”
ฉู่หมิงชุ่ยอธิบาย “พระมารดาของอ๋องฉู่คือเสียนเฟยเป็นคนตระกูลซูเหมือนกันกับไทเฮา ท่านปู่สู้กับตระกูลซูมาทั้งชีวิต เจ้าคิดว่าท่านปู่ยังจะช่วยอ๋องฉู่เพื่อให้ตระกูลซูยิ่งใหญ่ขึ้นหรืออย่างไร ”
“ฉะนั้น ”ฉู่หมิงหยางจ้องไปที่นาง “ท่านเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จึงได้ช่วยเจ้าพระยาจิ้งวางแผนเรื่องของหยวนชิงหลิงกับอ๋องฉู่ที่จวนเจ้าหญิงสินะ”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดว่า “อย่างน้อย ข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ที่ข้าทำก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าข้าแต่งกับอ๋องฉู่ พออ๋องจี้มีอำนาจ เขาคงไม่สามารถเก็บอ๋องฉู่ไว้แน่ ”
“แต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมท่านปู่ไม่ลองดูสักตั้งเล่า ทำไมท่านปู่ต้องเลือกที่จะสนับสนุนอ๋องจี้แล้วทิ้งความหวังกับพี่เขยอ๋องฉีไป ”ฉู่หมิงหยางที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรอะไรได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับเรื่องพวกนี้ ก็ยังเข้าใจสู้ฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้
ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจ “อ๋องจี้เหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า กำชัยชนะอยู่ในมือแล้ว ท่านปู่ก็แค่แต่งแต้มให้ดูดีขึ้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อรักษาหลานชายอ๋องฉีเอาไว้ มีบุญคุณที่ช่วยเหลือกันในคราวนี้ ขอแค่อ๋องจี้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จะฆ่าคนที่มันคิดร้ายทั้งหมด ท่านปู่ยังสามารถช่วยอ๋องฉีออกหน้าได้ นี่แค่การคาดเดาของข้า แต่มันคงไม่ต่างไม่จากที่คิดมากหรอก”
ฉู่หมิงหยางกำลังดูดซับข่าวสารเหล่านี้ นึ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก็พูดว่า “ฉะนั้น ถ้าข้าแต่งกับอ๋องจี้เป็นพระชายารอง สุดท้ายอาจจะได้เป็นฮองเฮาใช่หรือไม่ ”
“มีโอกาสเป็นไปได้สูง ”ฉู่หมิงชุ่ยพูด
ฉู่หมิงหยางไร้วาจาอีกครั้ง ครุ่นคิดถึงคำพูดของฉู่หมิงชุ่ย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้ดูแลบ้านก็ออกมาเรียกให้ฉู่หมิงหยางเข้าไป
ฉู่หมิงหยางคุกเข่าจนเข่าชาไปทั้งสองข้าง เป็นฉู่หมิงชุ่ยที่ประคองนางจึงลุกขึ้นมาได้
นางเข้าไปในเรือน ก็ยังคงคุกเข่าลง “หลานผิดไปแล้ว ขอท่านปู่ลงโทษด้วย”
ใบหน้าของโสวฝู่ฉู่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ สายตายังคงมีแววเยือกเย็น “ใครบอกเจ้าว่า เจ้าจะได้แต่งเป็นรองพระชายาอ๋องฉู่ ”
ฉู่หมิงชุ่ยย่อตัวตอบเสียงเบาว่า “เรียนท่านปู่ หลานเป็นคนบอกน้องรองเอง”
“แล้วเจ้าไปเขาข่าวนี้มาจากไหน ”โสวฝู่ฉู่จ้องมองนาง สายตาแหลมคมเย็นชา จ้องจนฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกหนาวสะท้านในใจ
ฉู่หมิงชุ่ยนิ่งอึ้ง เรื่องนี้ ท่านปู่ได้เรียกท่านพ่อกับท่านแม่มาปรึกษาแล้วไม่ใช่หรือ ท่านแม่จึงได้ส่งคนไปบอกนาง
“เรื่องนี้ ท่านแม่เป็นคนบอกข้า ท่านแม่บอกว่าท่านปู่เคยเกริ่นเอาไว้ ”ฉู่หมิงชุ่ยได้แต่ตอบอย่างไม่เต็มใจ
โสวฝู่ฉู่หัวเราะขึ้นมา “ฉะนั้น พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้ข้าเคยเกริ่นไว้แล้ว ต้องเป็นไปได้แน่นอนสินะ ใครเลี้ยงดูให้พวกเจ้ามีนิสัยหยิ่งยโสไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตาเลย ใครกันที่สอนให้พวกเจ้าอวดดีไม่สนใจผู้อื่น ใครบอกเจ้า ว่าตระกูลฉู่สามารถแทรกแซงความเห็นชอบของราชวงศ์ได้ แล้วใครให้เจ้าบังอาจ ไปหาเรื่องพระชายาฉู่ ”
ฉู่หมิงหยางทนไม่ได้ที่จะแย้งขึ้นว่า “ท่านปู่ หลานไม่ได้หาเรื่องนางจริงๆ แต่นางน่าแค้นใจจริงๆนี่นา ”
โสวฝู่ฉู่จ้องมองนาง เอ่ยอย่างช้าๆและเลือดเย็นว่า “ถ้าหากครรภ์ของพระชายาฉู่เกิดอะไรขึ้นมา ข้าจะให้เจ้าเอาชีวิตไปชดใช้คืน