บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 228 ความกดอากาศต่ำ
ในใจของพระชายาจี้รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่จะไม่ได้ทำงานในกรมคลังแล้ว แต่ว่า เมื่อก่อนที่ตระกูลรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างไร หากฮ่องเต้ทรงตรวจสอบขึ้นมา ต้องสาวไปถึงต้นตอได้แน่ ทุกอย่างคงต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
แต่ในใจนางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ตระกูลมารดาหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็สนับสนุนเงินทองให้อยู่ไม่น้อย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากบ้านนาง เขาจะมีวันนี้ได้หรือ
แม้จะรู้ตั้งนานแล้วว่าเขามีความคิดที่เปลี่ยนไป แต่พระชายาจี้ยังคงคิดเสมอว่าเขาต้องต้องการพึ่งพานาง ตอนนี้ได้รับรู้ว่าจะแต่งหลานสาวของโสวฝู่ฉู่มาเป็นรองพระชายา เขาก็ยิ่งเห็นนางไร้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งสินะ ช่างเป็นคนลืมบุญคุณคนจริงๆ
แต่ไหนแต่ไรพระชายาจี้เป็นคนอดทนอดกลั้น ตอนนี้แม้จะโกรธมาก แต่ก็ยังคงรักษาใบหน้าที่นิ่งสงบ แม้แต่แววตาแค้นเคืองก็ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดี ได้แต่เอ่ยเตือนเสียงเรียบๆว่า “ท่านอ๋อง พระชายารองก็ยังไม่ได้แต่ง ท้องของหยวนชิงหลิงก็ยังไม่กำเนิด ทุกสิ่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ข้าเคยบอกท่านอ๋องอยู่เสมอก่อนหน้านี้ว่า ทุกเรื่องต้องเหลือพื้นที่ไว้บ้าง วันนี้ก็ยังคงเป็นคำเดิม หมากที่ท่านอ๋องคิดว่าไร้ประโยชน์แล้ว ใช่ว่าจะไร้ไม้ตาย ”
อ๋องจี้เอ่ยเรียบๆว่า “คำพูดเมื่อครู่ของข้า ได้เหลือฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้แล้ว เจ้ากับน้องชายเจ้ายอมรับโทษนี้ไปซะ ข้าย่อมมีวิธีช่วยเจ้าแน่ ”
พระชายาจี้หัวเราะเบาๆ สายตามีแววดูถูกเหยียดหยามมองไปทางอ๋องจี้ “ท่านอ๋อง โทษนี้ ไม่มีใครต้องแบกรับทั้งนั้น หยู่เหวินเห้าจะสามารถตรวจสอบได้จริงหรือ”
“คนอย่างเขา ข้ารู้จักดี หากไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม คงไม่ลงมือง่ายๆ ”
สายตาของพระชายาจี้มีแววโหดเหี้ยมวาบผ่าน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็หาเรื่องมาผูกมัดเขาเอาไว้ ทำให้เขาเลิกติดตามเรื่องของเมืองถิงเจียงเสีย”
อ๋องจี้ได้ยิน ก็หรี่ตามองนาง “เจ้าคิดจะทำอะไร”
พระชายาจี้ไออยู่หลายเสียง ลมหายใจค่อยๆกระชั้นขึ้น หอบหายใจอยู่ชั่วครู่ จึงมองไปที่อ๋องจี้ “ท่านอ๋องมาใกล้ๆ ข้าจะเล่าแผนให้ท่านฟัง”
อ๋องจี้เดินเข้าไป นั่งลงข้างกายนาง ตบไปที่หลังของนางเบาๆ “เจ้าลองพูดมาสิ”
พระชายาจี้กระซิบที่ข้างหูอยู่หลายประโยค จากนั้นก็พูดว่า “สองแผนนี้ แผนหนึ่งไม่สำเร็จ ค่อยใช้อีกแผน หากสำเร็จตั้งแต่แผนแรก ก็สามารถเจรจากับเจ้าห้าได้”
อ๋องจี้มองนาง ในใจมีอารมณ์ซับซ้อนสายหนึ่งวาบผ่าน
เห็นที ตอนนี้จะไม่มีนางไม่ได้เสียแล้ว
แผนการของนาง ไม่มีใครเทียบได้ ที่สำคัญที่สุดคือความโหดร้ายของนาง เป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้
วันนี้แม่เฒ่ามาอยู่เป็นเพื่อนหยวนชิงหลิง
แม่เฒ่าดูมีชีวิตชีวากว่าครั้งที่แล้วที่มามาก สีหน้าแดงเรื่อขึ้น เดินเหินก็ไม่ต้องให้ซุนมามาประคอง เห็นได้ชัดว่าดีขึ้นมากแล้ว
แม่เฒ่ามากพร้อมกับหยวนชิงผิง หยวนชิงผิงรู้สึกใจไม่ค่อยอยู่กับตัว หยวนชิงหลิงพูดคุยกับนางอยู่หลายคำ แต่นางเหมือนจะไม่มีสติอยู่กับตัว เป็นนานกว่าจะเอ่ยถามกลับว่า “ท่านพี่ท่านพูดอะไร ”
หยวนชิงหลิงมองนางอย่างไม่พอใจนัก
รอให้แม่เฒ่าไปแล้ว หยวนชิงผิงจึงดึงมือนางเอาไว้ พูดขึ้นอย่างเร่งรีบว่า “พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะบอกกับท่าน
“เรื่องอะไร ”หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้านางไม่ปกตินัก ถามว่า “ที่จวนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ”
“ไม่ใช่ ”หยวนชิงผิงดูแล้วค่อนข้างกลุ้มใจ “เป็นเรื่องกู้ซือคนนั้น ”
“กู้ซือ กู้ซือทำไมกัน ”หยวนชิงหลิงประหลาดใจ
นี่คงไม่ได้ไปหว่านล้อมหยวนชิงผิงกระมัง
ใบหน้าของหยวนชิงหลิงมีสีแดงผุดขึ้นมา แต่เพียงชั่วครู่ ก็พูดว่า “วันนั้นข้าออกไปซื้อแป้งกับเสี่ยวชิง เจอเขาระหว่างทาง เขาถามข้าว่าข้ายินดีจะแต่งกับเขาหรือไม่ ข้าตกใจจนรีบวิ่งหนีไป พี่ใหญ่ กู้ซือคนนี้ใช่พวกบ้าตัณหาหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “เขาถามอย่างนี้หรือ”
“ใช่น่ะสิ ดีนะที่คนอื่นไม่ได้ยิน ”หยวนชิงหลิงทั้งกลุ้มใจทั้งไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เขากำลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ทำไมเขาจึงได้เลวเช่นนี้นะ ข้ายังหลงคิดว่าเขาเป็นคนดีเสียอีก”
“ไม่ใช่คนดีอะไร ”หยวนชิงหลิงเอ่ยยิ้มๆ
หยวนชิงผิงอาเสียงหนึ่ง สายตาก็มีแววริ้วสีแดงปรากฏขึ้น “เช่นนั้น เช่นนั้นหมายความว่าเขาล้อข้าเล่นใช่ไหม”
นางยังเคยคิดว่าเขาจะจริงจัง สองวันมานี้ นางนอนไม่หลับ คิดถึงสายตาตอนที่เขาถาม รู้สึกเพียงว่าหัวใจจะกระโดดออกมาแล้ว
“แม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่า เขาคงไม่ได้กำลังล้อเล่นกับเจ้าหรือหยอกเจ้าหรอก”
หยวนชิงผิงเขย่าแขนของนาง รีบพูดว่า “เช่นนั้นท่านก็รีบช่วยข้าวิเคราะห์ทีว่าเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ”
หยวนชิงหลิงกุมมือของนางเอาไว้ พูดว่า “ได้ เจ้าบอกข้ามา เจ้ารู้สึกกับเขาอย่างไร ถ้าหากเขามาสู่ขอจริงๆ เจ้าจะยินดีแต่งกับเขาหรือไม่ ”หยวนชิงผิงหันไปดูรอบๆ ไม่เห็นมีผู้คน ก็กัดริมฝีปาก พูดว่า “ข้าไม่ใช่คนโง่ ก็ต้องยินดีแน่นอน เขาทั้งหน้าตาดี ตระกูลก็ดี พูดจาก็น่าฟัง ยังมีวรยุทธด้วย ยังเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์ในวัง……”
“เป็นรอง”หยวนชิงหลิงแก้ไขให้ถูกต้อง
หยวนชิงผิงค้อนนาง “เป็นรองแล้วอย่างไร อายุแค่นี้สามารถเป็นถึงรองหัวหน้าได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ”
“ไม่ได้ร้ายกาจไปกว่าพี่เขยเจ้า”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างทะนงตน
หยวนชิงผิงทำสีหน้าจริงจัง มองนางอย่างหยิ่งๆแวบหนึ่ง “เช่นนั้นก็ไม่แน่ พี่เขยวาสนาดี เป็นบุตรของราชวงศ์ ถ้าหากมีชาติกำเนิดทั่วไปเหมือนกันกับกู้ซือก็ไม่แน่ว่า ……”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะขัดคำพูดของนาง “กู้ซือมิได้มีชาติกำเนิดจากครอบครัวธรรมดา เจ้าคงจะรู้ดี บิดาของกู้ซือเป็นเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย มารดาของเขาเป็นจวิ้นจู่”
สีหน้าของหยวนชิงผิงเปลี่ยนไป แววตาค่อยๆหม่นลง “พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าเขากำลังล้อข้าเล่น คนมีชาติกำเนิดเช่นเขา จะแต่งกับหญิงคนใดก็ได้ ถ้าหากพ่อแม่เขาไม่เห็นว่าข้าดีพอ แล้วเขาจะมองว่าข้านั้นดีได้อย่างไร ”
หยวนชิงหลิงไม่แกล้งนางอีก เอ่ยอย่างจริงจังว่า “กู้ซือเขาชอบเจ้าจริงๆ เขาพูดต่อหน้าข้ากับพี่เขยเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว ครั้งที่แล้วพี่เขยเจ้าจะหาสามีให้เจ้า ถูกกู้ซือรู้เข้า เขามาหาเรื่องต่อยตีกับพี่เขยเจ้าไปยกหนึ่ง ”
หยวนชิงผิงมองนางนิ่งๆ “จริงหรือ”
“เป็นเรื่องจริง ”แม้หยวนชิงหลิงจะรู้สึกไม่ค่อยอยากจะพูดประโยคถัดมา แต่ว่า นางคิดว่าถ้ามีการเตรียมใจไว้บ้างก็จะดีกว่า ฉะนั้น นางจึงพูดต่อว่า “แต่ว่า ยุคสมัยนี้ เรื่องแต่งงานล้วนเป็นการตัดสินใจของพ่อแม่ ถ้าเจ้าสามารถแต่งงานกับกู้ซือได้ ท่านพ่อไม่มีทางคัดค้านแน่ กระทั่งเร่งเจ้าด้วยซ้ำไป แต่ว่า ก็เหมือนกับที่เจ้าพูด พ่อแม่ของกู้ซือมีโอกาสอย่างมากที่จะไม่เห็นด้วย ขอเพียงพวกเขาไม่เห็นด้วย แม้กู้ซือจะชอบเจ้ามากแค่ไหน แต่ก็คงต้องทำตามใจของพ่อแม่ และแน่นอนข้าคิดว่าเขาก็คงไม่พาเจ้าหนีแน่ ”
พาหนีสองคำ ทำเอาหยวนชิงผิงตกใจจนหน้าซีด อึ้งอยู่นานก็ยังพูดไม่ออก
เป็นนาน นางก็ยิ้มอย่างน่าสงสาร “ฉะนั้น ข้าก็ไม่สมควรจะตั้งความหวังหรือคิดว่าจะเป็นหงส์ที่บินไปเกาะยอดไม้สินะ ”
ที่จริงหยวนชิงหลิงอยากจะให้กำลังใจนางในการตามหารักแท้
แต่ว่า ไหนเลยจะง่ายเช่นนั้น
ถ้าหากพ่อแม่ของกู้ซือคัดค้าน นางก็คงทำอะไรไม่ได้ ที่ทำได้ก็มีแต่กู้ซือ แต่นางจะสามารถไปขอร้องให้กู้ซือขัดคำสั่งพ่อแม่ได้หรือ
นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย เรื่องการแต่งงานของนาง นางนั้นไร้สิทธิ์ในการพูดมากที่สุดคนหนึ่ง กู้ซือก็ไม่มีสิทธิ์พูด นี่คือจุดที่น่าเศร้าที่สุดในเรื่องนี้
แต่ที่น่าเศร้ากว่าสิ่งใดก็คือนางที่เป็นพี่สาว ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจอย่างไรดี
จะให้นางปล่อยวางหรือมุ่งมั่นในความคิดต่อไป
ไม่เหมาะสมทั้งสองทาง ได้แต่ตาประสานตา ต่างก็จนใจ