บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 242 หยวนชิงหลิงดูแลการประหารชีวิต
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 242 หยวนชิงหลิงดูแลการประหารชีวิต
หยวนชิงหลิงแม้จะไม่อยากจะช่วยสนมซู การตายของสนมซูก็ไม่เกี่ยวกับนาง เพียงแต่ว่านางไม่อยากจะทำเรื่องนี้ ไม่อยากจะมองดูคนสิ้นใจต่อหน้านาง
นางกำลังมีครรภ์ ไม่อยากจะเห็นสิ่งที่โหดร้ายแบบนี้
“คดียังตรวจสอบไม่ชัดเจนเลย ทำไมฮ่องเต้ถึงต้องประทานความตายให้กับสนมซูแล้ว?” หยวนชิงหลิงถาม
มู่หรงกงกงกระซิบกล่าว “ประทานความตายให้กับสนมซู เป็นความคิดของไท่ซ่างหวง”
หยวนชิงหลิงมองมู่หรงกงกงอย่างตกใจ “เป็นความคิดของไท่ซ่างหวงเหรอ?”
หยวนชิงหลิงก็เลยเข้าใจทันที อะไรคือปะทะพระชายาทำร้ายพระชายา ใช้ข้ออ้างนี้ฆ่าสนมซู แล้วเรื่องที่เกิดในตำหนักหมิงหัว ก็จะถูกปกปิดไป
หยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าจะไปเฝ้าไท่ซ่างหวง ประเดี๋ยวค่อยไปจัดการ”
มู่หรงกงกงกล่าว “ได้ ข้าน้อยจะรอพระชายาอยู่ตรงนี้”
หยวนชิงหลิงก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเป็นความคิดของไท่ซ่างหวง งั้นก็ไปขอร้องไท่ซ่างหวงให้ฮ่องเต้เปลี่ยนความคิด ส่งคนอื่นไปจัดการแทน ไท่ซ่างหวงเอ็นดูนาง น่าจะไม่อยากให้นางไปทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้
ไท่ซ่างหวงเดินหมากกับฉางกงกงในตำหนัก
หยวนชิงหลิงเข้าไปแล้ว ก็คุกเข่ากล่าว “เสด็จปู่ ท่านต้องช่วยข้า”
ไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้น “ช่วยอะไรเจ้า?”
“ประทานความตายให้สนมซู เป็นความคิดของท่านใช่มั้ย? ท่านรู้หรือเปล่าว่าฮ่องเต้สั่งให้ใครไปควบคุมการลงโทษ?” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างลำบากใจ
ไท่ซ่างหวงถาม “ส่งใครไปรึ?”
หยวนชิงหลิงเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ข้า เสด็จพ่อให้ข้าไปจับตามองสนมซูดื่มเหล้าพิษ ตอนนี้ข้ากำลังมีครรภ์ ไม่อาจทนดูสิ่งที่โหดร้ายแบบนี้”
ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้ว “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”
หยวนชิงหลิงคลานไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ใช่ มู่หรงกงกงรออยู่ข้างนอกแล้ว ท่านต้องรีบช่วยข้าพูดหน่อย”
ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ดื่มเหล้าพิษอะไร? ความหมายของข้าคือประทานผ้าขาว ให้นางแขวนคอตาย ยังจะเตรียมเหล้าพิษอะไรอีก เหล้าพิษในวังนั้นแรงมาก ดื่มเข้าไปก็ตายทันที ยังมีอะไรน่าดู ฮ่องเต้ช่างใจอ่อนนัก”
หยวนชิงหลิงสะดุ้งไปหนึ่ง หันหน้า “ท่าน……ท่านว่าอะไรนะ? ข้าฟังไม่ผิดใช่มั้ย?”
ไท่ซ่างหวงโบกมือ กล่าวอย่างเอือมระอา “หูหนวกหรือไง? พอได้แล้ว ตามนี้แหละ แขวนคอ ยกเลิกเหล้าพิษ เจ้าไปจับตาดู สิ้นใจแล้วกลับมารายงาน”
หยวนชิงหลิงนั่งลงบนพื้น มองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่าน…….”
ไท่ซ่างหวงหันหน้ามามองนาง “เจ้ากล้าฆ่าคนมั้ย?”
หยวนชิงหลิงส่ายหัวโดยสัญชาตญาณ
“จับตาดูคนตายเจ้าก็ไม่กล้า?”
หยวนชิงหลิงลังเลไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ไม่กล้า เพียงแต่ไม่ดี”
“เจ้าตาย คนอื่นมาจับตามองเจ้าดีหรือไม่?” ไท่ซ่างหวงถามอีก
หยวนชิงหลิงรีบคุกเข่าตัวตรง “งั้นข้าก็ไม่เห็นด้วยแล้ว”
ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างเคืองๆ “เจ้าไม่แม้กระทั่งที่จะกล้ามองดูผู้หญิงที่ใส่ร้ายสามีของเจ้าฆ่าตัวตาย เจ้ายังมีประโยชน์อะไร? เจ้าจะใช้อะไรไปปกป้องลูกในท้องของเจ้า? ในสนามแห่งอำนาจ แต่ไหนแต่ไรก็กองเต็มไปด้วยกระดูก เจ้าคิดว่าใต้ฝ่าเท้าของตำแหน่งที่สูงเหยียบอะไรอยู่? ศพทั้งนั้น”
หยวนชิงหลิงรู้ วิชาประวัติศาสตร์ของนางไม่ได้แย่
เพียงแต่ รู้กับลงมือทำมันเป็นสองเรื่อง
หยวนชิงหลิงกระซิบถาม “ทำไมต้องฆ่าสนมซู?”
“นางไม่สมควรตาย?” ไท่ซ่างหวงถามอย่างเย็นชา
“บางที โทษอาจจะไม่ถึงตายมั้ง” หยวนชิงหลิงอยากลองพูดด้วยกฎหมายสมัยปัจจุบัน
ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ว่าตำหนักหมิงหัวจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สิ่งที่สามารถแน่ใจได้ ก็คือตอนนั้นนางอยู่กับใครอีกคน อยู่กับคนอื่นก่อนแล้วมาใส่ร้ายอ๋องฉู่ว่าขืนใจนาง ถ้าพูดตามความผิดก็ต้องถูกลงโทษ ไม่ต้องไปลงรายละเอียดลึก ถึงการสมรู้ร่วมคิดในแผนการอื่น ในวังแห่งนี้ไม่เคยขาดคนชั่วในรูปแบบต่างๆ เรื่องเล็กสามารถมองข้ามได้ แต่เรื่องใหญ่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู”
หยวนชิงหลิงนิ่งเงียบ
สนมซูเป็นพระสนมของฮ่องเต้ ไปคบกับคนอื่น ก็มีโทษหนักแล้ว จนปัญญาจริงๆ กฎหมายของที่นี่ก็เป็นแบบนี้
ไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงเลย
หากอยู่ในโลกปัจจุบัน แอบสามีไปมีชู้ ถูกจับได้มากสุดก็โดนซ้อม หย่า ตัวอย่างสุดโต่งของแต่ละคน แน่นอนมันก็อาจจะขึ้นฮอทเสิร์ชของเว่ยป๋อบ้าง อย่างเช่นผู้จัดการดารากับเมียของดาราที่มีตัวอักษรเป่าที่แอบมีชู้กัน
หยวนชิงหลิงทูลลาออกมา
มู่หรงกงกงยังรออยู่ข้างนอก เห็นนางออกมา ก็ยิ้มแล้วกล่าว “พระชายา ไปกันได้หรือยัง?”
หยวนชิงหลิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา อดไม่ได้ที่จะพูด “กงกง ตอนนี้เราจะไปฆ่าคน มีอะไรน่ายิ้มเหรอ?”
มู่หรงกงกงมองนาง กล่าวอย่างมีความหมายแฝง “พระชายา หากฮ่องเต้ไม่เชื่อท่านอ๋อง แล้วคนที่ต้องตายตอนนี้จะเป็นใคร?”
หยวนชิงหลิงก็ตกใจทันที
แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ฆ่าหยู่เหวินเห้า แต่ว่าหากฮ่องเต้ไม่เชื่อไอ้แก่ห้า เชื่อว่าเขานั้นขืนใจสนมซู ทำให้วังหลังเกิดความวุ่นวาย ไอ้แก่ห้าก็คงมีชีวิตที่ดีกว่าตายไม่มากนัก?
ยังมีอะไรให้นางน่าใจอ่อนอีก?
สนมซูอยู่วังเต๋อซ่าง
เต๋อเฟยยังไม่ทราบเรื่องนี้
จนกระทั่งมู่หรงกงกงพาคนในวังยกผ้าขาวมาถึง สีหน้าของเต๋อเฟยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางมองไปที่หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงกระซิบกล่าว “ฮ่องเต้รับสั่งให้ข้ามากำกับดูแลการฆ่าตัวตาย”
เต๋อเฟยจูงมือของนางเอาไว้ ถอนหายใจกล่าว “ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
หยวนชิงหลิงกล่าวขอบคุณ แล้วมองไปที่สนมซู
ใบหน้าของสนมซูซีดขาว ร่างกายสั่นเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัด
นางถูกคนลากตัวไป เหมือนงูอ่อนที่อยู่บนพื้น
ผ้าขาว ถูกนำไปแขวนไว้ในเรือนห้อยที่อยู่ตำหนักข้าง
หลังจากมู่หรงกงกงอ่านราชโองการของฮ่องเต้จบ ก็พาคนออกไปนอกประตู ในห้อง มีเพียงหยวนชิงหลิง เต๋อเฟยและคนที่ใกล้ตายอย่างสนมซู
ในห้องนั้นเงียบเหมือนป่าช้า
มีเพียงเสียงหายใจที่ยุ่งเหยิงของสนมซู
นางคุกเข่าอยู่บนพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ด้านนอกมีนางกำนัลที่เคยปรนนิบัติสนมซูกำลังร้องไห้ ถูกมู่หรงกงกงต่อว่าแล้วไล่ออกไป
สนมซูเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ใช้สายตาที่เหมือนงูพิษจ้องมองหยวนชิงหลิง “เจ้าบอกว่า จะตัดหนทางรอดของข้า เจ้าก็ทำสำเร็จจริงๆด้วย เจ้ากำลังจะเป็นแม่คน โหดเหี้ยมขนาดนี้ ข้าของสาปแช่งให้ลูกเจ้าตายในท้อง!”
หยวนชิงหลิงหน้าซีดขาว นิ้วมือยังสั่น
เต๋อเฟยกล่าวเสียงเข้ม “สนมซู ก่อนที่เจ้าจะตาย ยังไม่รู้จักสำนึกผิด เจ้าคิดว่าที่ฮ่องเต้ประทานความตายให้เจ้ามันเกี่ยวกับพระชายาฉู่เหรอ? ก็แค่ใช้มันเป็นข้ออ้าง เหลือชื่อเสียงไว้ให้เจ้า ไม่ต้องไปเดือดร้อนคนในวงศ์ตระกูลของเจ้า เจ้าไม่สำนึกบุญคุณ ยังพูดจาโอหัง เจ้าตายมันยังไม่สาสมเลย”
“เจ้าหุบปาก!” สนมซูมองเต๋อเฟยอย่างอาฆาตแค้น “เรื่องมาถึงบัดนี้ เจ้าไยต้องเสแสร้งอีก? ข้ามีวันนี้ ไม่ใช่เพราะถูกเจ้าทำร้ายหรอกเหรอ?” เต๋อเฟยกล่าวด้วยความโกรธ “สันดานแก้ไม่ตก แม้ว่าข้าจะรักเจ้าไม่เหมือนน้องสาวแท้ๆ แต่ก็ไม่เคยไม่ดีต่อเจ้า ตัวเจ้าทำผิดเอง ยังกล้าไปโกรธแค้นคนอื่น หรือว่าเรื่องชั่วๆที่เจ้ากระทำ ข้าเป็นคนบังคับให้เจ้าไปทำเหรอ?”
สนมซูหัวเราะ รอยยิ้มเหมือนดอกชาที่เบ่งบานถึงขีดสุด จนมีกลิ่นเน่าเหม็น “ข้าผิดอะไร? ข้าทำไมถึงต้องมีชีวิตเหมือนดอกไม้ที่โรยรา เหมือนดั่งอยู่ในตำหนักเย็นเพื่อรอวันเหี่ยวเฉา? ข้าอายุยังน้อย ทำไมข้าถึงจะไม่สามารถไขว่คว้าเพื่อตนเอง? ห๊า เจ้าเป็นเต๋อเฟยที่อยู่อย่างสูงส่ง เจ้าได้ความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แล้วเจ้าเคยมีความสุขอะไรบ้าง? ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงของฮ่องเต้ แต่เจ้าเคยสัมผัสเพลิดเพลินกับร่างกายที่กำยำแผ่นอกที่แข็งแกร่งของเขามั้ย? ท่านกล้าที่จะเข้าไปฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขามั้ย? เจ้ากล้าเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าเขามั้ย? กล้าที่สัมผัสความสุขอย่างแท้จริงมั้ย? ต่อให้เจ้าได้รับความโปรดปรานแล้วยังไง อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามความต้องการของฮ่องเต้ แม้กระทั่งจะสบตาเขายังไม่กล้า เจ้าสามารถจินตนาการได้ ที่จริงเรื่องเหล่านี้ มันสามารถที่จะทำให้คนมีความสุขถึงที่สุดได้? เจ้าไม่รู้ ชาตินี้เจ้าก็ไม่มีวันรู้ เจ้าก็เหมือนคนที่ตายแล้ว ต่อให้มีชีวิตอยู่ ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง”