บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 248 พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ยัยหน้ากลมคนนี้ตั้งแต่แต่งเข้ามา นิสัยเปิดเผยจริงใจ เพียงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วัน ก็เป็นพวกเดียวกันกับคนในจวน ทุกคนต่างชื่นชมความดีของนางต่อหน้าเขา
ทุกครั้งที่เจอนาง นางก็มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า บางครั้งยังได้เอาขนมที่เหมือนมีค่ามหาศาลมาใส่ปากเขา บอกว่าขโมยมาจากบ้านแม่ ยังพูดอย่างภาคภูมิใจว่าตัวเองนั้นเป็นลูกสาวจอมขโมย
แต่ว่านิสัยนางค่อนข้างจะใจร้อน หากมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโมโหฉุนเฉียวทันที เรื่องผ่านไปก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้น วันนี้เขาจึงเข้าใจว่านางนั้นแสดงความหยาบคายก่อน รู้สึกว่านางควรจะเรียนรู้กฎระเบียบ แก้นิสัย บางทีเขาคิดว่า เพียงแค่นางแก้นิสัย ก็จะทำให้นางสมบูรณ์แบบ
ใครจะไปรู้ว่าวันนี้นางกลับไม่ผิด
กลับเป็นฉู่หมิงชุ่ยที่จงใจกลั่นแกล้งนาง
เขามองฉู่หมิงชุ่ย ไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องทำเช่นนี้ ชายารองคนนี้ นางก็เป็นคนหาเอง
หาหยวนหย่งอี้เป็นชายารอง อันที่จริงเขานั้นเข้าใจจุดประสงค์ของนาง
หวังว่าเขาจะสามารถอาศัยพลังอำนาจของตระกูลหยวน ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งรัชทายาท และนางก็จะได้เป็นพระชายารัชทายาท
รู้ว่านางนั้นอยากได้ตำแหน่งพระชายารัชทายาท เขาเคยคิดที่อยากจะไปแย่งชิงเพื่อนาง แต่เขานั้นรู้ความสามารถของตัวเองดี สุดท้ายมันรังแต่จะทำร้ายตัวเองและชีวิตของนาง
ไม่มีความสามารถไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือไม่รู้จักตัวเอง เขาเป็นคนรู้จักตัวเองดี
ฉู่หมิงชุ่ยเห็นแววตาที่เขามองมา “ก็ยิ้มอย่างเจื่อนๆ ข้าก็รู้อยู่แล้ว เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นความผิดของข้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรที่อยากจะไปแก้ไขนิสัยของนาง ข้าไม่ควรคิดว่า ในฐานะที่เป็นชายารองของจวนอ๋องฉี ควรจะมีมารยาทที่ดี อย่างน้อยไม่โผงผาง ไม่หยาบคายไม่ทำให้คนรอบข้างหัวเราะ”
นางเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน ย่อตัวเคารพ “ฮูหยินใหญ่ ข้านั้นหวังดีต่อนาง ข้ารู้ว่าข้านั้นยุ่งมากเกินไป วันนี้พวกท่านมากันมากขนาดนี้ แต่ละคนมือถือหอกเอาไว้ คนที่ไม่รู้ ยังนึกว่าที่ข้านั้นได้เตรียมกองกำลังนับพันเอาไว้ สมควรให้พวกท่านมาสู้รบด้วย วันนี้ล่วงเกินแล้ว ข้านั้นขอโทษชายารองหยวน”
นางโค้งตัวให้กับหยวนหย่งอี้ “ขอโทษ!”
พูดจบ ก็พาสาวใช้หันหลังเดินจากไป
คำพูดเหล่านี้ ทำให้ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนกับกลุ่มผู้หญิงของตระกูลหยวนรู้สึกอายมาก เหมือนกับว่าพวกเขาที่คนหมู่มากกำลังรังแกพระชายา
แม้กระทั่งอ๋องฉี ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เริ่มรู้สึกว่าคนตระกูลหยวนทำเกินไป
หยวนหย่งอี้ก็พูดขึ้นมาทันที รีบเดินไปรั้งฉู่หมิงชุ่ยเอาไว้ กล่าวอย่างเสียงสูง พระชายาช้าก่อน “คำพูดของเจ้านั้นพูดได้ไม่ถูกต้อง ก่อนอื่น ที่ท่านย่าข้าพาคนมามากมายขนาดนี้ ไม่ใช่บุกมาหาเจ้า แต่บุกมาหาท่านอ๋อง ทหารทั้งจวนไล่ตีข้าคนเดียว คนในบ้านของข้ามาที่นี่ เพื่อมารับมือกับทหารในจวนอ๋อง ไม่ใช่มาสู้กับเจ้า สู้กับเจ้า ไม่ต้องให้ท่านย่าข้าออกโรงเองหรอก ข้อที่สอง ว่ากันทีละเรื่อง เจ้าบอกว่าหวังดีต่อข้า ไม่อยากให้ข้าโผงผาง หยาบคาย ข้าอยากถามพระชายาคำหนึ่ง ข้าในฐานะชายารองของจวนอ๋องฉี ตอนไหนที่ข้าโผงผางหยาบคายจนทำให้จวนอ๋องฉีต้องขายหน้า? หากไม่มี คำพูดเช่นนี้ของเจ้า มาจากไหนกัน?”
คำพูดของหยวนหย่งอี้ ทำให้ผู้หญิงของตระกูลหยวนได้สติ
ฉู่หมิงชุ่ยนั้นเจ้าเล่ห์มาก เมื่อกี้พวกเขาเกือบจะหลงกลแล้ว เข้าใจว่าตัวเองนั้นรังแกนาง ในทางกลับกันกลับทำให้พวกเขาลืมจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
เจ้าเล่ห์มาก เจ้าเล่ห์มากไปแล้ว
ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างเฉยเมย “เหลวไหล ต่อให้บุกมาหาท่านอ๋อง มันก็คือผู้น้อยล่วงเกินผู้ที่สูงกว่า ก็ไม่ควรจะต่อว่าแล้วเหรอ?”
“นั่นมันเป็นเรื่องของท่านย่ากับท่านอ๋อง ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราสองคนทะเลาะกัน ข้าบอกแล้ว พูดกันทีละเรื่อง เมื่อกี้พระชายาได้ขอโทษข้าไปแล้ว ด้วยท่าทางที่น่าสารที่สุด แต่ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือข้า เช้านี้ข้าอารมณ์ดีแต่เช้า จู่ๆก็ถูกพระชายากลั่นแกล้งที่ลานสวนอย่างไม่มีเหตุผล ท่านอ๋องเพราะต้องการเข้าข้างเจ้า สั่งให้ทหารมาจับตัวข้า และท่านย่าที่สงสารหลานสาวของตัวเองมาออกหน้าแทนข้า ก็ถูกพระชายาเย้ยหยัน และได้บอกว่ามีโทษล่วงเกินเบื้องสูง ข้าแก้ต่างให้ตัวเองเพียงไม่กี่คำ ก็ถูกพระชายาหาว่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่รู้ว่าที่พระชายาทำท่าน่าสงสารนั้นเพื่อให้ใครดู หากทำให้ท่านอ๋องดู ข้าคิดว่า ท่านอ๋องไม่ได้เลอะเลือนอย่างที่เจ้าคิดหรอก”
ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มไม่ออกแล้ว นางหันหน้ามองไปทางอ๋องฉี อ๋องฉีก็มองนาง
ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง แววตานั้นสับสนมาก
“เจ้าเชื่อนาง?” ฉู่หมิงชุ่ยถาม แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความประชด
อ๋องฉีไม่พูดไม่จา
แววตาที่ฉู่หมิงชุ่ยมีความเย้ยหยันที่เพิ่มขึ้น มุมปากยกขึ้น ด้วยท่าทางที่ดูถูก
ในที่สุดอ๋องฉีก็กล่าวขึ้น “พระชายาเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ”
ฉู่หมิงชุ่ยมองนาง ส่ายหัว ยิ้มกล่าว “ผู้ชายของราชวงศ์ไม่มีคนรักเดียวใจเดียวเลย วันนี้ นับว่าข้าได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว”
นางจากไปอย่างหยิ่งผยอง
ฮูหยินใหญ่รู้ว่าเวลานี้ไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่แล้ว “ท่านอ๋อง งั้นข้าของตัวก่อน”
“ฮูหยินใหญ่ค่อยๆเดิน” อ๋องฉียกมือคารวะ
คนตระกูลหยวนไปแล้ว ได้ส่งสายตาให้หยวนหย่งอี้ บอกนางอย่าพูดมาก
เหยียบคนซ้ำหรือเรื่องแกล้งทำตัวน่าสงสารเพื่อให้คนอื่นสงสาร คนตระกูลหยวนไม่มีทางที่จะทำ
อะซี่ก็ไปแล้ว
หยวนหย่งอี้มองอ๋องฉี “กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เรื่องในวันนี้ เป็นเพราะเจ้าไม่ดี เจ้าไม่ควรที่จะให้คนมาตีข้าโดยที่ไม่ถามให้รู้ความก่อน จากชื่อเสียง ท่านเป็นสามีของข้า เจ้าน่าจะปกป้องข้าไม่ใช่ไปร่วมมือกับคนอื่นแล้วมารังแกข้า ข้าหวังว่าต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าต้องให้โอกาสข้าในการพูดในการอธิบาย”
อ๋องฉีมองดูใบหน้ารูปไข่นั้น กลับไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกลับยังไง ก็ถามขึ้น “หิวมั้ย?”
“แม้แต่อาหารเช้าข้ายังไม่ได้กิน ก็ต้องหิวสิ” หยวนหย่งอี้กล่าวอย่างน่าสงสาร
“งั้นข้าจะกินเป็นเพื่อนเจ้า” อ๋องฉีกล่าว แล้วก็สั่งให้คนไปเตรียมอาหาร
“ท่านให้คนเตรียมอาหารให้ข้าก็พอแล้ว ไม่ต้องกินเป็นเพื่อนข้า” หยวนหย่งอี้ตามไป
อ๋องฉีจู่ๆก็หยุดเดิน หยวนหย่งอี้ที่หยุดไม่ทัน ก็ได้ชนเข้าไปที่แผ่นหลังของเขาโดนตรง นางกระเด็นไปด้านหลังสองสามก้าว “เป็นท่านที่หยุดเดินเอง ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ”
คนผู้นี้อ่อนแอขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าชนครั้งเดียวกระดูกจะหักหรือเปล่า? นางคงรับผิดชอบไม่ไหว
อ๋องฉีหันหน้ามา แววตาแฝงด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ว่าเจ้าเสียหน่อย เจ้ารีบร้อนแก้ตัวทำไม?”
หยวนหย่งอี้กล่าวอย่างเขินอาย “ต้องแยกความผิดให้ชัดเจน”
“ครั้งนี้เป็นความผิดของข้า ไปเถอะ ยัยอ้วน” อ๋องฉียิ้มแล้วหันหลัง
“ใครคือยัยอ้วน? หยวนหย่งอี้โมโห ข้าอ้วนตรงไหน?” แค่หน้ากลมเท่านั้นเอง
อ๋องฉีก้มหน้ายิ้ม เรื่องไม่เป็นสุขเมื่อกี้ ราวกับว่าหายไปหมดเลย
อะซี่กลับไปถึงที่จวน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องฉีให้กับหยวนชิงหลิงฟัง
หยวนชิงหลิงฟังจบ ก็ทุบโต๊ะอย่างเห็นดีเห็นงาม คิดไม่ถึงยัยหน้ากลมจะมีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ข้ายังสามารถจินตนาการหน้าของพระชายาฉีออกเลย ว่าจะดำคล้ำขนาดไหน
อะซี่ส่ายหัว “ไม่เลย สีหน้าของนางไม่เคยเปลี่ยนเลย ถึงขนาด นางยังยิ้มด้วย ดูสายตาของนาง เหมือนจะไม่เห็นบ้านเราอยู่ในสายตา และก็ดูถูกท่านอ๋องด้วย”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ใช่สิ ฉู่หมิงชุ่ยนั้นไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลย” องค์หญิงที่หยิ่งผยองคนนี้แม้กระทั่งอ๋องฉีก็ยังไม่อยู่ในสายตานางเลย
ก่อนหน้านั้นหยวนชิงหลิงรู้สึกเศร้าที่อ๋องฉีจะแต่งชายารอง รู้สึกว่าปากของผู้ชายนั้นพูดว่ารักมากแค่ไหน สุดท้ายก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้นางกลับอยากให้อ๋องฉีกับยัยหน้ากลมรักและผูกพันกัน ไม่ใช่เพราะมีความแค้นต่อฉู่หมิงชุ่ย แต่เป็นเพราะนางรู้ว่าฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้รักอ๋องฉีเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งความผูกพันอย่างสามีภรรยากันก็ไม่มี