บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 298 การขอร้องล้มเหลว
ฉู่หมิงชุ่ยเห็นนางยอมตกลงง่ายๆแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าถามอย่างสงสัย “เจ้าคงไม่ได้ออกคำสั่งไม่ให้แม่นมสี่ไปหรอกมั้ง? เจ้าไม่มีทางใจดีขนาดนี้”
แววตาของหยวนชิงหลิงแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน “แม่ของเจ้าใกล้ตายแล้ว เจ้ายังมีกะจิตกะใจมาสงสัยข้า?”
ฉู่หมิงชุ่ยหันหลังอย่างบึ้งตึง กล่าวกับอะซี่อย่างเย็นชา “เจ้าเดินนำนาง”
อะซี่ทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที “อย่าใช้ข้าเหมือนขี้ข้า ข้าไม่ได้เป็นขี้ข้าของใคร เก็บท่าทางที่สูงส่งของเจ้าด้วย”
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนไม่รู้จะทำยังไง นางก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าอะซี่เป็นใคร วันนั้นมีเรื่องทะเลาะในจวนอ๋องฉี อะซี่ก็อยู่
นางอดกลั้นความไม่พอใจลงไป “รบกวนคุณหนูสี่นำทางด้วย”
อะซี่ก็อดกลั้นความรู้สึกเช่นกัน เก็บซ่อนหมัดที่ไม่รักดีของตัวเอง เกรงว่าตัวเองจะควบคุมมันไม่อยู่ ชกไปที่สันจมูกของนาง
อะซี่พาฉู่หมิงชุ่ยไปถึงห้องนอนของแม่นมสี่ ฉู่หมิงชุ่ยได้กลิ่นยา ก็แอบขมวดคิ้วขึ้นมา จนกระทั่งอะซี่พานางไปถึงข้างเตียง เห็นแม่นมสี่ที่นอนเหมือนผักอยู่บนเตียง นางตกใจอย่างมาก
“นาง……..นางเป็นอะไร?” ฉู่หมิงชุ่ยตกใจจนเกือบจะพูดไม่ออก
อะซี่กล่าวอย่างเย็นชา “หากคนที่ข้างนอกลือกันเป็นเจ้า ไม่รู้ว่าพระชายาฉีจะสามารถทนมีชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันได้หรือไม่?”
ฉู่หมิงชุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มิน่าล่ะ ท่านปู่ถึงได้ผมหงอกไปในคืนเดียว มิน่าล่ะ ท่านปู่ถือได้โมโหขนาดนั้น มิน่าล่ะ ท่านปู่ถึงต้องการให้ท่านแม่ตาย
หัวใจนาง มันก็ว่างเปล่าไปทันที
เดิมนางคิดว่ามาหาแม่นมสี่ จะใช้ความรักทำให้แม่นมเห็นใจ จะใช้เหตุผลทำให้แม่นมเข้าใจ แม่นมอยู่ในวังมาหลายปี มีประสบการณ์ทางโลกไม่น้อย คงไม่ให้ท่านปู่ฆ่าท่านแม่ เพื่อทำให้ข่าวลือยิ่งลือหนักเข้าไปอีก
นางคิดว่าเพียงแค่พาแม่นมสี่กลับไป ก็จะสามารถขัดขวางท่านปู่ได้
“เจ้ามีปัญญา ก็ทำให้แม่นมสี่ลุกขึ้นมาพูด คนในจวนอ๋องฉู่ต้องขอบคุณเจ้าอย่างแน่นอน” อะซี่กล่าวอย่างเย็นชา
ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างอ่ำๆอึ้งๆ “เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับท่านแม่ข้า เป็นเพราะนางคิดไม่ตกเอง ห้ามเอาความโกรธแค้นมาลงที่แม่ของข้า”
“พระชายาฉีเชิญกลับไปเถอะ” อะซี่ออกปากเชิญ
ในใจฉู่หมิงชุ่ยว้าวุ่นมาก แล้วจะทำอย่างไรดี? แม่นมสี่กำลังเป็นกำลังตาย ยังจะสามารถไปหาใครได้อีก?
นางคิดถึงฮองเฮา แต่นางได้ถูกยึดป้ายคืนไปแล้ว ทำได้เพียงกลับไปที่จวนอ๋องฉีเพื่อขอป้ายเข้าวัง
อีกอย่าง ท่านปู่บอกว่าให้เวลาสองชั่วยาม เฮ้ย ก็ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า นางทำได้เพียงลองพยายามดู
อ๋องฉีหลังจากที่กลับมาจากจวนตระกูลฉู่ ในใจก็หงุดหงิดมาก จึงได้เชิญกู้ซือมาดื่มเหล้าที่จวน
ไม่ง่ายเลยที่วันนี้กู้ซือจะไม่เข้าเวร เดิมนั้นคิดจะไปที่จวนอ๋องฉู่ เห็นอ๋องฉีเรียนเชิญบอกว่ามีเหล้าชั้นดี ก็เลยมา
ดื่มไปสักพัก ฉู่หมิงชุ่ยก็กลับมาถึง
ฉู่หมิงชุ่ยคิดถึงการกระทำของเขาที่อยู่ในจวนตระกูลฉู่ ในใจยังคงโกรธมาก บวกกับเวลาที่เร่งรีบ ก็เลยไม่อยากจะพูดมาก เดินเข้าประตูมาก็ไม่มองกู้ซือแม้แต่แวบเดียว เพียงกล่าวกับอ๋องฉีอย่างเรียบเฉย “เอาป้ายเข้าวังของท่าน ให้ข้าหน่อย”
อ๋องฉีดื่มจนเกือบจะเมาแล้ว เห็นนางที่เข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก็นึกถึงเรื่องที่จวนตระกูลฉู่เมื่อกี้ “อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา ป้ายเข้าวัง? ตระกูลฉู่เข้าวังยังต้องใช้ป้ายอีกเหรอ? ไม่ใช่แค่อาศัยแซ่ของตระกูลฉู่ก็เข้าออกได้อย่างตามใจ?”
ฉู่หมิงชุ่ยทั้งอายทั้งโกรธ “ข้าไม่อยากจะเถียงเรื่องพวกนี้กับท่าน ข้ามีเรื่องเร่งด่วน ท่านรีบเอาป้ายมาให้ข้า”
“ข้าไม่สน!” อ๋องฉีกล่าวอย่างเฉยเมย
“ท่าน……….” ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวด้วยเสียงที่ต่ำ อดทนอดกลั้น “เจ้ากำลังกลั่นแกล้งข้า?”
“ใช่!” อ๋องฉีมองหน้าที่เย็นชาของนาง ความโกรธในใจก็ปะทุออกมา “ข้าจะกลั่นแกล้งเจ้าแล้วจะทำไม? คนอย่างตระกูลฉู่ยังจะกลัวคนกลั่นแกล้งอีกเหรอ? พวกเจ้ามีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้เหรอ? ยังต้องมาขอป้ายเข้าวังกับข้าอีก ใต้หล้านี้ล้วนเป็นของตระกูลฉู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนเบ้าตาแดง ริมฝีปากสั่น “เจ้าทำไมต้องทะเลาะกับข้าต่อหน้าคนอื่นด้วย?”
กู้ซืออึดอัดอย่างมาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูท่าทางแล้วเหล้านี้มีพิษ
คิดไปครู่หนึ่ง เขาควรที่จะไปจากที่นี่ ลุกขึ้นบอกว่ามีธุระต้องจัดการ ก็รีบชิ่งออกไปเลย
อ๋องฉีกล่าวอย่างเย็นชา “ในสายตาเจ้า แม้แต่ข้ายังเป็นคนนอก ดังนั้นทะเลาะกันต่อหน้าคนนอก แล้วจะเป็นไร? หน้าของข้า ยังไงก็ไม่เอาแล้ว”
ฉู่หมิงชุ่ยทั้งโกรธทั้งคับข้องใจ กำมือแล้วกล่าว “ข้าผิดที่แต่งงานกับท่าน”
คำพูดประโยคนี้ แทงใจดำอ๋องฉีโดยตรง
เขาลุกขึ้นทันที แววตาลุกโชนด้วยไฟโกรธ “ในที่สุดเจ้าก็พูดมันออกมาแล้ว เริ่มแรก เจ้าก็ไม่เคยชอบข้า เจ้าแต่งกับข้า เพราะข้านั้นเป็นสายเลือดของฮ่องเต้กับฮองเฮา โสวฝู่ฉู่ก็เป็นท่านตาของข้า เจ้าอยากได้ตำแหน่งพระชายารัชทายาท หรือตำแหน่งฮองเฮา จึงได้ลดตัว ด้วยฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่ที่แต่งงานกับข้า ตอนนี้เจ้าเสียใจแล้ว!”
ฉู่หมิงชุ่ยเสียความรู้สึกอย่างมาก ไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะกล้าพูดแบบนี้กับนาง นางห้ามความโกรธความเศร้าที่อยู่ในใจไม่อยู่ “ข้าอย่าให้ท่านก้าวหน้า ดิ้นรนต่อสู้ มันผิดอะไร? ทำไมท่านถึงเต็มใจที่จะเป็นอยู่แบบนี้? เห็นได้ชัดว่าท่านสามารถได้ดีกว่านี้ ทำไมท่านถึงไม่สามารถทำเพื่อข้า ทำเพื่อข้า……..”
อ๋องฉีพูดขัดนางอย่างเย็นชา “เพื่อตำแหน่งฮองเฮาของเจ้าใช่มั้ย?”
ฝั่งหยวนหย่งอี้ ก็จะกลับไปเอาเสื้อผ้าสักสองสามชุด นางตัดสินใจจะไปพักที่จวนอ๋องฉู่สองสามวัน
นางกลับถึงจวน ก็ได้ยินอ๋องฉีกับฉู่หมิงชุ่ยทะเลาะกัน นางแอบฟังอยู่นอกประตูครู่หนึ่ง รู้สึกไร้สาระ ก็อยากจะเดินจากไป
โดยที่ไม่รู้ว่า มีสาวใช้ได้เดินเข้ามา “ชายารองหยวน ท่านทำไมถึงอยู่ตรงนี้”
หยวนหย่งอี้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
นางฝืนยิ้มไปหนึ่งที ค่อยๆโผล่หัวออกไป ยกมือขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ทำให้ตัวเองดูแล้วเหมือนคนเซ่อซ่า “คำนับท่านอ๋อง คำนับพระชายา!”
“หยวนหย่งอี้!” ฉู่หมิงชุ่ยทั้งอายทั้งโกรธ กล่าวอย่างดุดัน “เจ้ามันคนช้ำต่ำ ถึงมาแอบฟังอยู่ข้างนอก? บอกว่าเจ้านั้นไม่มีคนสั่งสอน ก็คือไม่มีคนสั่งสอนจริง”
หยวนหย่งอี้เดิมแค่จะโผล่หน้าไปแป๊บเดียว คิดไม่ถึงกลับถูกด่าว่าไม่มีคนสั่งสอน ก็โกรธทันที หน้ากลมๆกับดวงตาที่กลมๆก็จ้องอย่างเขม็ง “เจ้าว่าใครไม่มีคนสั่งสอน? ข้าไม่มีคนสั่งสอนเจ้ามีคนสั่งสอนมั้ย? หากเจ้ามีคนสั่งสอน จะเพียงเพราะท่านอ๋องนั้นไม่ไปแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทก็พูดว่าแต่งงานผิดคน? คนที่เจ้าแต่งงานด้วยคือผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่รัชทายาทไม่ใช่ฮ่องเต้ หากจะไม่ชอบ ไสหัวไปก็ได้แล้ว จะมาพูดมากทำไม? แม่ของเจ้าใกล้จะตายแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้ายังไม่รีบไปช่วยแม่เจ้าอีก?”
หยวนหย่งอี้พูดในรวบเดียว จากนั้นก็มองอ๋องฉีแล้วกล่าว “ท่านทำไมต้องทนคนแบบนี้ด้วย? นางไม่ได้รักท่าน เพื่อนางเจ้าจะไปเป็นรัชทายาทเหรอ? เจ้ามีกี่ชีวิตให้ตายเหรอ? เป็นอ๋องสุขสำราญของเจ้าไปไม่ดีเหรอ? นางไม่ชอบท่าน ใต้หล้านี้ยังมีผู้หญิงตั้งมากมายที่ชอบท่าน ท่านวางใจเถอะ ท่านเป็นสามีของข้าหยวนหย่งอี้ ข้าจะปกป้องท่าน ไม่ให้ใครมารังแกท่าน ถ้าหากนางยังกล้ามาบีบบังคับท่านแบบนี้อีก ข้าจะหักคอนาง”
พูดจบ นางไม่ให้โอกาสฉู่หมิงชุ่ยในการเถียง ก็เดินออกไปอย่างองอาจ
เดิมอ๋องฉีเต็มไปด้วยความโกรธ ได้ยินว่าหยวนหย่งอี้บอกว่าจะปกป้องเขาไม่ให้ใครมารังแกเขา ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
เขาเป็นอ๋องผู้สง่างาม ต้องให้ยัยหน้ากลมมาปกป้องเหรอ?
น่าขำ!
แววตาของฉู่หมิงชุ่ยลุกโชนด้วยไฟโกรธ จ้องมองเขา “ท่านยอมให้นางด่าข้าแบบนี้เหรอ?”
อ๋องฉีมองเหลือบมองนางไปหนึ่งที ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนสั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องนี้ เข้าวังไม่ได้ นางต้องรีบกลับไปดูท่านแม่