บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 305 ไม่ต้องมาหาข้าอีก
นางยิ่งร้องไห้ยิ่งเสียใจ ยิ่งร้องไห้ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
สุดท้าย นางบอกให้สาวใช้ช่วยนางแต่งตัว ใช้แป้งทาปิดทับเบ้าตาที่บวม สั่งให้คนเตรียมเกี้ยว นางจะออกไปข้างนอก
บอกว่าเป็นเวลาที่หยู่เหวินเห้าเลิกงานแล้ว กำลังจะขี่ม้ากลับจวน
เพิ่งจะถึงปากทาง ก็ถูกคนขวางเอาไว้
เขาดึงม้าให้หยุดลง เห็นคนผู้นี้สวมชุดขายเหล้า ใบหน้าคุ้นๆเหมือนจะเป็นคนขายเหล้าในร้าน ร้านเหล้าเยว่เต๋อ จึงได้กล่าวขึ้น “มีเรื่องอันใด?”
คนขายเหล้ายกมือคารวะเดินมาข้างหน้า “ข้าน้อยคำนับท่านอ๋องฉู่ มีคุณชายท่านหนึ่งชื่อว่ากู้ซือให้ข้าน้อยมารอท่านอ๋องตรงนี้ คุณชายกู้ซือบอกว่าให้เชิญท่านอ๋องไปที่ร้าน มีเรื่องสำคัญ”
“คุณชายกู้ซือ?” หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว กู้ซือเจ้าหมอนี่เข้าเวรกลางวันไม่ใช่หรือ? พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินก็ออกจากวังแล้ว? ออกจากวังก็ดื่มเหล้าเลยหรือ? ฉ้อโกง เสื่อม
“ใช่ขอรับ คุณชายกู้ซือบอกให้เชิญท่านไปให้ได้” คนขายเหล้ายังคงยกมือคารวะอยู่ “บอกว่ามีเรื่องสำคัญ”
“ตอบเขา ว่าข้ามีธุระ ไม่ไปแล้ว” เขากล่าว
คนขายเหล้ารีบกล่าว “ท่านอ๋อง คุณชายกู้ซือได้เอาเหล้านารีแดงที่มีอายุยี่สิบปีมาให้ท่าน ได้โปรดไปด้วยเถอะ”
หยู่เหวินเห้าเผยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจออกมา ทั้งๆที่รู้ว่าช่วงนี้เขาต้องทำตัวเป็นสามีที่ดี กลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยา ยังจะมาเรียกเขาไปดื่มเหล้า เพื่อนบ่อนทำลายแบบนี้ต้องตำหนิให้หนัก จากนั้น ก็ยึดเหล้าของเขา
เกินไปแล้ว เหล้านารีแดงยี่สิบปีก็ไม่บอกเขาแต่เนิ่นๆ มิน่าล่ะออกมาจากวังก็ดื่มเลย ได้เหล้าชั้นดีมา ไม่ดื่มในขณะที่เข้าเวรถือว่าความอดทนของเขานั้นทำให้คนน่าตกใจทีเดียว
สองขาควบม้า กล่าวอย่างภาคภูมิ “นำทาง”
คนขายเหล้าพาเขามาถึงร้านเหล้าเยว่เต๋อ ทางประตูมีคนมาช่วยเขาจูงม้า คนขายเหล้าได้พาเขาไปถึงยังห้องส่วนตัว
เขาเข้าไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดเลย
ในห้อง อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเหล้า หอมจนเขายังไม่ได้ดื่มก็รู้สึกเมาบ้างแล้ว
เขาเดินเข้าไปเปิดผ้าม่าน “กู้ซือ เจ้ากล้าแอบซ่อนเหล้าชั้นดี ควรถูกลงโทษยังไง………”
คำว่าโทษยังพูดไม่ขาดคำ เขาหันหลังทันที ใบหน้ามืดมนทันที
ร้านเหล้านี้เป็นร้านที่เขากับกู้ซือมาเป็นประจำ ไม่เข้าใจนิสัยของเขาหรือ? ร้านเหล้านี้ต้องถูกรื้อถอน
ฉู่หมิงชุ่ยเดินมาข้างหน้า ขวางเขาเอาไว้ “ข้าขอพูดไม่กี่คำ”
หยู่เหวินเห้าถอยหลังไปหนึ่งก้าว พยายามรักษาระยะห่างกับนาง สีหน้าเอือมระอา “คำพูดที่เราจะพูด ได้พูดจบไปนานแล้ว”
“แค่ไม่กี่คำ หลังจากพูดจบ ข้าจะไม่ตอแยท่านอีก” ฉู่หมิงชุ่ยขอร้องเขา
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเฉยเมย “พูดมา แต่อย่ามาเข้าใกล้ข้า”
ฉู่หมิงชุ่ยที่น้ำตาไหลเป็นทาง มองเขาอย่างหลงใหล “ข้าได้ขอเลิกร้างกับอ๋องฉีแล้ว ท้ายที่สุดข้าก็ลืมท่านไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ชอบข้าแล้ว แต่ข้าปล่อยวางไม่ลง ต่อให้อ๋องฉีจะดีต่อข้ามากแค่ไหน ข้าก็ลืมอดีตของเราไม่ได้……….”
หยู่เหวินเห้าขัดจังหวะนางพูด “อย่าพูดถึงอดีตของเรา อดีตของเราไม่มีอะไร อีกอย่าง อดีตที่ออกมาจากปากของเจ้า ข้ารู้สึกเหม็น”
เขารู้สึกว่าไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ ในบ้านมีคนขี้หึงอยู่หนึ่งคน หากนางรู้เข้า เขาอยากคิดที่จะมีชีวิตที่สงบสุขเลย
ดังนั้น พูดคำนี้จบ ก็ก้าวเท้าจะจากไป
ฉู่หมิงชุ่ยกลับกอดเขาเอาไว้ เอาใบหน้าซุกเข้าไปตรงแผ่นอกของเขา ร้องไห้กล่าว “ไม่ ไม่ ท่านอย่าทำแบบนี้กับข้า ข้าลืมท่านไม่ได้ ขอให้ข้าได้อยู่กับท่าน ต่อให้เป็นเมียอยู่นอกบ้านหรือเป็นบ่าวก็ได้ ข้าแค่อยากอยู่กับท่าน ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น ฐานะก็ไม่เอาแล้ว”
หยู่เหวินเห้าผลักนางออกไปทันที กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ต่อไปเจ้าอย่ามาหาข้าอีก ข้าไม่อยากให้เจ้าหยวนเข้าใจผิด ข้ากับเจ้าหลังจากที่ต่างคนต่างแต่งงานก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันอีก”
ฉู่หมิงชุ่ยคาใจ กำมือกล่าวด้วยความเศร้าและโกรธ “ท่านกลัวนางเข้าใจผิด? ท่านกลัวนางเสียใจ? ท่านไม่ผิดต่อนาง ท่านไม่ผิดต่อข้าหรือ? ท่านเคยสัญญากับข้ายังไง? ท่านเคยพูดว่า ขอเพียงสิ่งที่ข้าต้องการ ท่านก็จะช่วยข้า ท่านจะช่วยข้าให้กลายเป็นพระชายารัชทายาท ท่านจะช่วยให้ข้าได้เป็นฮองเฮา นี่แค่ผ่านไปปีกว่า ท่านก็เปลี่ยนไปทั้งคน คนของราชวงศ์นั้นไม่มีสัจวาจา”
หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างเย็นชา “คำพูดนี้ ข้าคิดว่าจำเป็นต้องคุยกับเจ้าให้เข้าใจ ตอนนั้น ข้ากับเจ้าแม้จะไม่ได้หมั้นหมายกัน แต่ว่าเสด็จพ่อกับตระกูลของเจ้าอยากให้เราแต่งงานกัน นอกจากเรื่องในจวนเจ้าหญิงแล้ว ที่ข้ารู้สึกผิดและเสียใจ บวกกับเจ้าที่จะเสียใจจะฆ่าตัวตายต่อหน้าข้า ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงได้สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตเจ้า แต่ข้าไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ว่าจะช่วยให้เจ้ากลายเป็นพระชายารัชทายาทหรือฮองเฮา และไม่เคยบอกว่าขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าคิด ข้าจะช่วยเจ้า”
ฉู่หมิงชุ่ยร้องไห้จนเกือบจะขาดใจ “แต่วันนี้ข้าไม่ต้องการอนาคตอะไรทั้งนั้น ไม่เอาตำแหน่งพระชายารัชทายาทอะไรอีก และไม่ต้องการให้ท่านทำอะไรเพื่อข้า ข้าแค่ต้องการอยู่ข้างกายท่าน พระชายารองก็ดี เมียนอกเรือนก็ดี ข้าแค่อยากติดตามท่าน ท่านพี่เห้า ข้าไม่กล้าที่จะเชื่อจริงๆ ว่าท่านจะลืมข้าอย่างนี้”
หยู่เหวินเห้ามองนาง หากบอกว่าวันนี้ฉู่หมิงชุ่ยที่ร้องไห้หนักขนาดนี้ เขาไม่มีความรู้สึกเลยคือเรื่องไม่จริง
แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้ คือความน่ารังเกียจ คือความน่าขยะแขยง
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ วันนี้ทุกคนต่างก็แต่งงานกันแล้ว โดยเฉพาะนางที่เคยทำเรื่องที่แล้งน้ำใจมากมายขนาดนั้น ยังกล้าที่จะพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา
เขาคิดว่า ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ในอดีต อดีตของพวกเขานั้นเหม็นยิ่งกว่าขี้หมา
ดังนั้น เขาจ้องมองฉู่หมิงชุ่ย แล้วกล่าว “เอาล่ะ เจ้าอย่าร้องอีกเลย เลิกแสดงละครได้แล้ว เจ้าพระยาจิ้งกับเจ้าหยวนทำไมถึงลงมือสำเร็จ เรื่องนี้ข้าได้ตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว ฉู่หมิงชุ่ย หลังจากเกิดเรื่อง เจ้าร้องไห้ตำหนิต่อหน้าข้า พยายามฆ่าตัวตาย ล้วนแสดงละครทั้งนั้น เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าหญิง เจ้าเป็นคนวางแผน เจ้าทนมองดูข้าตกลงไปในหลุมพรางที่แม้จะมีปากร้อยปากก็แก้ตัวขึ้น เจ้าทนดูข้าถูกกล่าวหาว่าล่วงเกินผู้หญิง ตั้งแต่วินาทีที่เจ้าแต่งงานกับน้องเจ็ด ข้าก็เริ่มสงสัยเจ้า ข้าเห็นกับตาใบหน้าที่ดีใจเขินอายของเจ้าตอนที่แต่งงานกับน้องเจ็ด ความดีใจนั้นมันแสดงกันไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่ได้ไปตรวจสอบ ไม่ได้ไปเผชิญกับเรื่องที่มืดมนน่าเกลียดนี้ จนกระทั่งข้าเริ่มโต้เถียงกับหยวนชิงหลิงในเรื่องนี้ ข้าจึงไปตรวจสอบ อยากจะฟังผลจากการตรวจสอบมั้ย?”
เขาจ้องมองนาง
ฉู่หมิงชุ่ยมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ กุมปากร้องไห้อย่างเจ็บปวด “ท่านพูดไปเรื่อย ท่านพูดไปเรื่อย ท่านมันหลายใจ วันนี้ยังจะมาโยนความผิดให้กับข้า? ท่านยังมีหัวใจหรือเปล่า? ท่านนั้นไม่รู้สึกผิดต่ออดีตที่สวยงามของเราหรือ? หยู่เหวินเห้า ท่านสามารถที่จะไม่ชอบข้า แต่ไม่ควรที่จะมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ท่านไม่ควรทำเยี่ยงนี้ เป็นคนต้องมีหัวใจ ไม่ควรจะไร้ยังอายเช่นนี้”
หยู่เหวินเห้ายิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าเองยังไม่สามารถเผชิญต่อสิ่งที่เจ้าเคยทำเลย? อดีตของเราไม่สวยงามเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าคิดยังไม่อยากที่จะคิดถึงมันเลย เพราะว่าเมื่อคิดถึง ข้าก็อยากที่จะตบตัวเองสักสองที ทำไมถึงได้เชื่อเจ้า? คนแสดงละครยังสู้เจ้าไม่ได้เลย ข้าขอเตือนเจ้า ต่อไปไม่ต้องมาหาข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะนำตัวเจ้าไปให้กับโสวฝู่ฉู่ บอกให้เขาสั่งสอนหลานสาวดีๆหน่อย” พูดจบ หยู่เหวินเห้าก็ไม่สนว่านางขวางเอาไว้ ใช้มือผลักออกไป ก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ความอัดอั้นนี้ มันสุมอยู่ในใจเขาแล้ว วันนี้ถือว่าได้ปล่อยมันออกมาแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกท้องฟ้าปลอดโปร่ง
คำพูดของนาง ขอเพียงคนที่ไม่มีความมั่นใจเพียงพอก็ต้องสงสัยว่าตัวเองนั้นผิดตรงไหน ร้องไห้ต่อว่าเขาไร้หัวใจ ใส่ร้ายนาง โยนความผิดให้นาง แต่ว่าคนที่ริเริ่มกระทำ ก็คือตัวนางเอง
นางสามารถที่จะพูดคำพูดเหล่านี้อย่างมีเหตุผลอย่างน่าสงสาร หากให้คนนอกมาฟัง เกรงว่าก็คงจะรู้สึกว่าคนที่ผิดคือเขา ในความเป็นจริง แม้แต่ตัวนางยังไม่กล้าที่จะเผชิญกับมันเลย
แค่คิดก็โมโหแล้ว