บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 314 รู้เท่าทัน
ฮองเฮาค่อยโล่งอก สิ่งที่นางกลัวก็คือเจ้าเจ็ดมีโทษหลงชายารองแล้วทำร้ายชายาเอก หากกระทำผิดจริง คงต้องไปพิจารณาโทษในที่ว่าราชการ นั่นถือเป็นการทำลายอนาคตแล้ว
ดังนั้น นางจึงไม่สนใจว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือเท็จ รีบพูดขึ้นว่า “หากยังไม่เข้าห้องหอ แล้วจะหลงชายารองจนทำร้ายชายาเอกได้อย่างไร? คำพูดนี้เพ่งพายออกไปจะกลายเป็นที่ขำขันอย่างมาก”
ฮูหยินย่าก็ไม่เลอะเลือน มองดูสีหน้าฉู่หมิงชุ่ย ก็รู้แล้วว่าที่ไทเฮาพูดเป็นความจริง
แต่นางไม่ได้เลอะเลือน แต่ก็เลอะเลือนไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะชายารอง งั้นทำไมอ๋องฉีถึงคิดเลิกร้าง?
หรือว่า ที่ชายารองหยวนพูดเป็นความจริง? ระหว่างนางกับอ๋องฉู่ ไม่บริสุทธิ์ใจต่อกันจริงๆ
สีหน้าฮูหยินย่าเคร่มขรึมขึ้นมาทันที เพราะมีไทเฮาอยู่ด้วย จึงไม่รู้จะพูดอย่างไร จำต้องอดทนอดกลั้นความโกรธนี้ไว้
ไทเฮากลับไม่ไว้หน้าฮูหยินย่าแล้ว พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ฮูหยินใหญ่ ข้าถามเจ้าประโยคหนึ่งว่า ในฐานะที่เป็นชายาเอก สาเหตุเล็กน้อยทำให้ต้องคิดฆ่าตัวตาย และทำร้ายสามีจนบาดเจ็บสาหัส ไม่สำนึกผิดแล้วยังมาฟ้องร้องขอความเป็นธรรมก่อน คนแบบนี้ หากอยู่ในจวนเจ้า ควรถูกลงโทษอย่างไร?”
ฮูหยินย่าไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร แต่ก็ตอบเถียงอะไรไม่ได้เลย ก่อนหน้านั้นอ๋องฉีทั้งสองสามีชายาเอกรักใคร่กันมาก ชายารองเพิ่งเข้าไปอยู่ในจวนไม่นาน? และยังไม่ได้เข้าห้องหอกัน ยังไงก็จะบอกว่าหลงชายารองจนทำร้ายชายาเอกไม่ได้
นางพูดได้เพียงอย่างเศร้าสร้อยว่า “แม่นางไทเฮา ข้าเลอะเลือนไปแล้ว ไม่ถามให้ชัดเจนก็เข้าวังมารบกวนนรแม่นางไทเฮากับฮองเฮา เพียงแต่ สองสามีภรรยาทะเลาะเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรพูดถึงเรื่องที่จะเลิกร้างกับภรรยา”
“เลิกร้างอย่างสมัครใจ” ไทเฮาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “ราชวงศ์ยังคงต้องการรักษาหน้าอยู่ แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ก็จะแปดเปื้อนไม่ได้ อ๋องฉีเป็นพระราชโอรสของฮ่องเต้กับฮองเฮา หากมีความขัดแย้งกันเล็กน้อยระหว่างสามีภริยาแล้วต้องใช้มีดใช้อาวุธ ต่อให้ร่างกายเป็นเหล็กก็รับไม่ได้”
นางหันไปมองฮองเฮา พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกสะใภ้ของเจ้า และก็เป็นหลานสาวของเจ้า เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจเองแล้วกัน อนาคตจะเป็นยังไงไม่สำคัญ ต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน คนที่จวนมารายงานแล้ว แผลตรงหน้าท้องหนึ่งแผล แผลตรงหน้าอกหนึ่งแผล หากรุนแรงอีกนิด คงไม่มีชีวิตรอดแล้ว หลานสาวของเจ้าสำคัญ หรือลูกชายของเจ้าสำคัญกว่า ช่างใจเอาเอง”
ไทเฮาพูดเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจากไป
ฮองเฮาคิดไม่ถึงว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงขนาดนี้ เดิมคิดว่าใช้ปิ่นปักผมแทงจนมีเลือดไหลเพียงนิดเดียว กลับเป็นการทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต
ฮองเฮาที่รักลูกอย่างยิ่งตบลงไปบนใบหน้าของฉู่หมิงชุ่ยทันที โกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หากลูกเจ็ดเป็นอะไรไป ข้าจะฉีดเนื้อเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น”
ตบลงไปหนึ่งทีนี้ ความหวังที่ฉู่หมิงชุ่ยจะได้เข้าวัง หมดสิ้นแล้ว
เรื่องนี้ไม่มีทางกลับไปแก้ไขได้แล้ว
นางน้ำตาไหล ค่อยๆลุกขึ้นมา ริมฝีปากยกขึ้นอย่างถากถาง พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “แม่นางฮองเฮาวางใจ หากเขาตาย ข้าจะตายไปเป็นเป็นเพื่อนเขา”
นาทีนี้ นางหมดหนทางจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วจริงๆ
ท่าทีฮองเฮาเปลี่ยนไปอย่างมาก พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “นางกำนัล ตบปากนาง”
เดิมฮูหยินย่าไม่พอใจที่ฮองเฮาลงมือทำร้ายคน แต่เมื่อได้ยินที่ฉู่หมิงชุ่ยพูด นางนิ่งอึ้ง มองดูนางอย่างไม่อยากเชื่อ ฮองเฮาเรียกคนมาตบปาก นางก็ไม่พูดอะไร
แม่นมข้างกายฮองเฮาเดินหน้าไปตบหนึ่งฉาก ตบลงบนใบหน้าของฉู่หมิงชุ่ย
ฉู่หมิงชุ่ยล้มลงพื้น เพียงแค่ฝ่ามือเดียว มุมปากก็มีเลือดไหล
นางหัวเราะเย้ย จ้องมองดูฮองเฮา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น พูดขึ้นอย่างไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไปแล้วว่า “ตอนนั้น เจ้าหลอกลวงข้า บอกว่าท่านปู่จะสนับสนุนให้เขาได้เป็นองค์ชายรัชทายาทอย่างแน่นอน แต่ท่านปู่ไม่เคยพูดเช่นนี้เลย คำว่าเรือล่มในหนองของเจ้านั้นเพียงเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากท่านปู่ เจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าทำให้ข้ากับ….. ตลอดชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า”
ฮูหยินย่าได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ก็ไม่มีหน้าที่จะนั่งอยู่ต่อไปอีก ถึงตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจ ความเลื่อมใสศรัทธาที่ทุกคนมีต่อนาง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ตามนางมา เพียงเพราะนางเลอะเลือน หลอกง่าย วันนี้ตอนที่ฉู่หมิงชุ่ยมาหานาง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นางไม่ถามสักคำก็เชื่อแล้ว พร้อมทั้งยังพานางเข้าวังมาอย่างโกรธเคือง
นางลุกขึ้น เดินออกไปอย่างไม่พูดไม่จา
ฮองเฮาโกรธโมโหอย่างมาก ตะคอกพูดขึ้นว่า “นางกำนัล ส่งนางออกไปจากวัง หากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า อย่าให้นางเข้ามาเหยียบในวังแม้เพียงก้าวเดียว”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าไปเองได้”
นางหันหลังไปอย่างเย่อหยิ่ง เดินออกไปด้วยท่าทีผยอง แต่นางรู้การสนับสนุนทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังของนางพังทลายลงหมดแล้ว
นางกลายเป็นวิญญาณที่อ้างว้าง ไม่มีเจ้าของอย่างสมบูรณ์แล้ว
นางจะไปไหน?
ความเยือกเย็นแผ่ไปถึงด้านหลัง นางสั่นเทาไปทั้งตัว ฝันสลายแล้ว นางมีชีวิตอยู่อย่างจะมีความหมายอะไร?
แต่หากตายไปอย่างนี้แล้ว นางจะทำใจได้หรือ?
ฮองเฮาโกรธจนปวดกระหม่อม หลังจากฉู่หมิงชุ่ยไปแล้ว นางระบายความโกรธออกมาอย่างสุดขีด แล้วค่อยคิดได้ว่าลูกชายยังบาดเจ็บอยู่ จึงรีบสั่งคนเตรียมตัวออกจากวังเพื่อไปเยี่ยม
ส่วนอีกทางด้านนั้น หยู่เหวินเห้ากับอ๋องฉี เข้าวังมาตามราชโองการ
หยู่เหวินเห้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบควบม้ามายังพระราชวัง
มาถึงประตูพระราชวัง รถม้าของอ๋องฉีก็มาถึงพอดี
อ๋องฉีนอนอยู่ข้างใน เขาเห็นแล้วก็ตกใจ นึกว่าเขาถูกลอบทำร้าย จึงรีบถามสาเหตุทันที
เมื่อรู้ว่าถูกฉู่หมิงชุ่ยแทงทำร้าย เขานิ่งอึ้งไปเนิ่นนาน จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชูขึ้นพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวนตามหมอหลวงเฉาไปได้ถูกต้องจริงๆ”
เห็นสีหน้าทุกข์ทรมานของอ๋องฉี เขาค่อยรู้ตัวว่าตนเองพูดผิด จึงพูดขึ้นว่า “ฟ้ามืดแล้ว ในวังไม่อนุญาตให้ขี่ม้า เจ้าก็เดินไม่ได้ ให้คนยกเสลี่ยงออกมาเถอะ”
มู่หรูกงกงที่รออยู่หน้าประตูวังพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ฮ่องเต้มีรับสั่ง ห้ามไม่ให้อ๋องฉีนั่งเสลี่ยง”
อ๋องฉีแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อจะต้องโกรธแล้วแน่ๆ”
“ใช่ ฮูหยินย่าตระกูลฉู่กับพระชายาอ๋องฉีเข้าวังมาฟ้องว่า อ๋องฉีท่านหลงชายารองทำร้ายชายาเอก ด้วยความโกรธพระชายาอ๋องฉีจึงทำร้ายท่าน ท่านอ๋องท่านรีบคิดดีๆว่าจะอธิบายยังไง”มู่หรูกงกงพูดเตือน
แสงสว่างในดวงตาอ๋องฉีที่แคบนั้นดับลงทีละนิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “นางพูดเช่นนี้หรือ?”
“ใช่ขอรับ”มู่หรูกงกงพูดขึ้น
อ๋องฉีมองดูหยู่เหวินเห้า แล้วก็หัวเราะขึ้นมา แต่ภายในดวงตาก็เต็มไปด้วยความขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้า เจ้าว่าสายตาข้าแย่แค่ไหน? ตอนนั้นหลงไปชอบนางได้อย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าพยุงเขาลงมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ ในเมื่อไม่ให้นั่งเสลี่ยง ข้าประคองเจ้าเข้าไป”
เพราะฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นคนที่สามารถเข้าไปภายในพระราชวังนอกจากพวกเขาสองพี่น้องแล้ว ก็มีเพียงมู่หรูกงกง มู่หรูกงกงถือตะเกียงเดินตามอยู่ด้านหลังทั้งสองคน
“พี่ห้า” น้ำหนักทั้งหมดบนตัวของอ๋องฉีแทบทับอยู่บนร่างกายหยู่เหวินเห้าทั้งหมด พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดความจริงกับข้า เจ้าเห็นธาตุแท้ของนางแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาแน่นิ่งว่า “ก็ไม่เร็วขนาดนั้น”
หากรู้แต่แรก บางที ช่างเถอะ ถึงตอนนั้นจะยังไม่รู้ธาตุแท้ สิ่งที่เขาอับอายที่สุดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเจ้าหญิง ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดสำหรับเขา
“เสด็จพ่อจะเชื่อข้าไหม?”ตอนนี้อ๋องฉีกลับเป็นกังวลเรื่องนี้ขึ้นมา
“วางใจ หากต้องถูกโบย ข้ารับแทนเจ้า”หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตนเองมีส่วนทำร้ายน้องชาย ด้วยความละอายใจ จึงยอมรับโทษแทน
อ๋องฉีค่อยๆเดินไปอย่างเชื่องช้า พร้อมพูดว่า “เจ้าต้องรับแทนข้า ข้ากลัวเจ็บ จะถูกโบยไม่ได้ ตอนนี้ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมอำมหิตมาก”
หยู่เหวินเห้าพูดปลอบว่า “วางใจ ไม่ว่าจะลงโทษยังไง พี่ชายคนนี้ก็จะรับแทนเจ้า”
อ๋องฉีเดินไปหนึ่งก้าว พร้อมพูดบ่นขึ้นว่า โตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยต้องเจ็บปวดทรมานขนาดนี้
ตอนที่เพิ่งถูกแทงบาดเจ็บ เขาอึ้งมึนไปทั้งตัว เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่า คนที่เขารักทะนุถนอมเป็นอย่างดี จะโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้
แน่นอน เขายิ่งคิดไม่ถึงว่า นางจะเข้าวังมาก่อน คนผิดฟ้องร้องก่อน