บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 317 นับถือนับถือ
คำถามนี้ถามจนหยู่เหวินเห้านิ่งอึ้งไปสักพัก
เพราะเขาเองก็ไม่เคยคิด
และแน่นอน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคิด ตั้งแต่เจ้าหยวนตั้งครรภ์ ทั้งกายและใจของเขาก็ไม่มีพื้นที่ให้คิดถึงเรื่องอื่นได้อีกแล้ว
ตอนนี้เมื่ออ๋องฉีถาม เขาอึ้งไปสักพัก คิดว่าเรื่องบางเรื่องจะต้องมีเพื่ออะไรด้วยหรือ? ปล่อยวางแล้วก็คือปล่อยวางแล้ว
“พี่ห้า” อ๋องฉีเห็นเขาลังเลไม่พูดไม่จา จึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น มองดูเขาอย่างตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้ายังรักนางอยู่อีกนะ?”
หยู่เหวินเห้ามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “คำพูดนี้จะพูดไปเรื่อยไม่ได้นะ พี่สะใภ้ห้าขี้ใจน้อยมาก”
“งั้นเจ้ายังชอบอยู่อีกหรือเปล่า?” อ๋องฉีถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ชอบ”
“เจ้าทำได้อย่างไร? ที่สามารถลืมนางได้เร็วขนาดนี้”
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด เขาทำได้อย่างไร? เขาไม่ได้ทำอะไรเลย
พักหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น พูดขึ้นพร้อมแววตาแน่นิ่งว่า “เพราะมีพี่สะใภ้ห้าของเจ้าแล้วไง”
“งั้นก็หมายความว่า มีคนอีกคนหนึ่ง ก็จะสามารถลืมได้? นี่น่าจะหมายถึงการแทนที่ จะต้องหาผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ใช่ไหม?”อ๋องฉีครุ่นคิด
ในใจหยู่เหวินเห้าบ่นว่า ไม่เคยคิดวิเคราะห์เรื่องนี้
แต่ต่อหน้ากลับพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นว่า “ใช่ เจ้าลองใกล้ชิดกับนังหนูหน้ากลมดู บางทีอาจจะสามารถปล่อยวางได้เร็วขึ้น”
พูดถึงหยวนหย่งอี้ อ๋องฉีก็พูดขึ้นมาว่า “ครั้งนี้โชคดีที่นางพาหมอหลวงเฉากลับมาที่จวน ไม่เช่นนั้นชีวิตของข้าอาจจะรักษาไว้ไม่ได้”
“พี่สะใภ้ห้าของเจ้าใช้ให้พาไป” หยู่เหวินเห้าช่วยหยวนชิงหลิงพูด เจ้าเจ็ดอคติกับเจ้าหยวนมาตลอด เกี่ยวกับปัญหานี้ เขาจะไม่ยอมแม้เพียงนิด ยังไงก็จะรักษาผลประโยชน์ไว้ให้ได้มากที่สุด
อ๋องฉีกลับฟังไม่เข้าใจ พูดบ่นพึมพำขึ้นว่า “ที่จริง นางหน้ากลมโตก็ไม่เลว นางยังมีน้ำใจแนะนำพระชายาให้กับข้า”
หยู่เหวินเห้า ตามขึ้นทันใดว่า “ใช่ คืนนี้เจ้าจะกลับไปไหม?”
อ๋องฉีครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับ มีนางหน้ากลมโตอยู่ นางคงไม่ทำอะไรข้า”
หยู่เหวินเห้าอยากพูดว่า การที่เขาหลบอยู่ข้างหลังผู้หญิง จะเป็นการเสียเกียรติลูกผู้ชาย แต่ว่าช่างเถอะ ครั้งนี้เขามีบาดแผลเต็มตัว มีคนสามารถคอยปกป้องเขาได้ถือว่าเป็นเรื่องดี
จึงได้สั่งให้คนขับรถม้าส่งอ๋องฉีกลับจวนก่อน ค่อยส่งเขากลับไปยังจวนอ๋องฉู่
หยวนชิงหลิงรอเขาอยู่ที่จวนอย่างจิตใจกระสับกระส่าย ถูกเรียกเข้าวังอย่างกะทันหัน และก็ไม่บอกว่ามีเรื่องอะไร นางตกใจจนทานข้าวไม่ลง ใช้ให้อะซี่ไปเฝ้าดูที่หน้าประตู
รอจนเลยห้าทุ่ม ในที่สุดก็เห็นอะซี่วิ่งกลับมาพูดขึ้นว่า “พระชายา กลับมาแล้ว ท่านอ๋องกลับมาแล้ว บอกว่าถูกโบยตอนอยู่ในวัง สวีอีกำลังประคองเขาเข้ามา”
หยวนชิงหลิงร้องถอนหายใจ รีบลุกขึ้นมา ใช้มือประคองเอวไว้แล้วก็รีบเดินออกไป พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ทำไมถึงถูกโบยอีกแล้ว? ในวังนี้เขาไม่ได้เสียจริงๆ เขาไปหนึ่งครั้งก็บาดเจ็บหนึ่งครั้ง อย่างกับมีความแค้นต่อกัน”
ออกมาถึงหน้าประตูลาน เห็นสวีอีประคองหยู่เหวินเห้าเข้ามา หยวนชิงหลิงเห็นเขาเดินได้อย่างไม่สะดวก ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา แล้วก็เดินไปช่วยประคอง
หยู่เหวินเห้ารีบพูดปลอบขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ครั้งนี้แค่ยี่สิบที ยังมีการออมมือ ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่”
หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา ช่วงนี้อ่อนแออย่างมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็น้ำตาไหล พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงถูกโบยอีกแล้ว? เพราะเรื่องอะไรหรือ?”
“ก็เพราะเรื่องที่เจ้าเจ็ดเดือดร้อนจะเลิกร้างน่ะสิ” เมื่อกี้หยู่เหวินเห้าอยู่ในวังยังดูกล้าหาญชาญชัย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเสียใจ เขาก็สำนึกผิดขึ้นมา ไม่น่าเข้มแข็งเลย
“พวกเขาเดือดร้อนที่จะเลิกร้างกันก็โบยพวกเขาสิ โบยเจ้าทำไม?”หยวนชิงหลิงทั้งโกรธทั้งเสียใจ เสด็จพ่อลำเอียง ค่อยปกป้องประคบประหงมลูกแท้ๆที่เกิดจากภรรยาหลวง เมื่อไหร่ก็ทำร้ายเจ้าห้าตลอด
สามีภรรยาเขาจะเลิกร้างกัน เกี่ยวอะไรกับเจ้าห้า? จะต้องตามเขาเข้าวังไปทั้งคืนแล้วก็โบยเขา ช่างทำร้ายกันเกินไปจริงๆ
สวีอีประคองหยู่เหวินเห้าไปที่เตียง หยู่เหวินเห้านอนลง สวีอีใช้มือเปิดเสื้อออก แล้วก็ถอดกางเกงของเขา อะซี่กับลู่หยารีบเอามือปิดตา แล้วก็หันตัววิ่งออกไป
หยู่เหวินเห้ารู้สึกถึงเพียงความเย็นเฉียบบนแผ่นหลัง เจ็บปวดอย่างที่สุด กัดฟันพูดขึ้นว่า “สวีอี ไสหัวออกไป”
สวีอีอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รักษาบาดแผลแล้วหรือ?”
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “สวีอี เจ้าออกไปเถอะ ไปตักน้ำร้อนมา”
สวีอีรับคำ มองดูใบหน้าท่านอ๋องที่เหมือนอยากกินเนื้อคนอย่างสงสัย รู้สึกว่าท่านอ๋องยิ่งอยู่ก็ยิ่งเอาใจยาก
หลังจากสวีอีไปแล้ว หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “สวีอีจะอยู่รับใช้ข้างกายข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงมองดูรอยแผลเป็นที่แดงบนขาของเขา ถึงแม้จะไม่เป็นแผลถลอกจนเห็นเนื้อเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ก็โบยจนบวมช้ำไปหมด มีเลือดออกใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง บางส่วนตรงที่ผิวหนังค่อนข้างบาง เป็นแผล มีเลือดซึมออกมา
นางเปิดกล่องยาออก เอายาฆ่าเชื้อมาทาตรงที่มีเลือดไหล ยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าถูกโบยยี่สิบที อ๋องฉีถูกโบยกี่ที?”
“เขาไม่ถูกโบย”หยู่เหวินเห้านอนฟุบอยู่บนเตียง ยาฆ่าเชื้อเย็นๆ อย่างรู้สึกสบาย
“เพราะอะไร?” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “พวกเขาจะเลิกร้างกัน แล้วทำไมถึงโบยเจ้า?”
“เจ้ายังไม่รู้” หยู่เหวินเห้าหันกลับมามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเจ็ดได้รับบาดเจ็บ ฉู่หมิงชุ่ยใช้ปิ่นปักผมแทงตรงหน้าอกกับตรงท้องของเขา เลือดไหลเยอะมาก”
หยวนชิงหลิงตกใจมาก นิ่งอึ้งไปทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงหรือ?”
“ไม่จริงได้ไง? คืนนี้ข้าเข้าวังไปพร้อมกับเขา เสด็จพ่อยังไม่อนุญาตให้เขานั่งเสลี่ยง ให้เขาเดินเข้าไป เขาเดินไม่ไหว ข้าก็เลยยกเขาเข้าไป เจ้าดูแขนข้าสิ…..”
เขาพูดไปพร้อมกับดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำเขียวบนแขน ทั่วทั้งแขนเต็มไปด้วยรอยช้ำเลือดบวมเขียว
ทำให้หยวนชิงหลิงเห็นแล้วยิ่งห่วงใย แต่ฉู่หมิงชุ่ยลงมือทำร้ายคน นี่ไม่เหมือนการกระทำของทำ นางดูเป็นคนสงบเสงี่ยมคนหนึ่งอยู่
นางทำร้ายอ๋องฉี แล้วจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไร?
หยวนชิงหลิงช่วยถูแขนให้กับเขา ยืนอยู่แบบนี้ไม่ค่อยมีแรง จึงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ใช้นิ้วมือขยี้นวดอย่างแรง เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดี
สวีอียกน้ำเข้ามา หยู่เหวินเห้าได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นเขา จึงพูดขึ้นด้วยเสียงโกรธว่า “วางลงแล้วก็ไสหัวไป”
สวีอีรับคำ หันตัวเดินออกไป สักพักทังหยางเดินเข้ามาถือยาเข้ามา
เขาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายา ให้กระหม่อมทำเถอะ”
หยวนชิงหลิงสวมรองเท้าลงมาจากเตียง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี เจ้ามาถูต่อเลย ข้าไม่ค่อยมีแรง ถูยังไงเลือดช้ำก็ไม่ออก”
ทังหยางมารับช่วงต่อ ถูไปด้วยถามไปด้วยว่า “ท่านอ๋อง ครั้งนี้คงไม่ได้ถูกโบยอย่างไม่มีเหตุผลใช่ไหม?”
“ก็ไม่ใช่ เสด็จพ่อใช้ข้าเป็นแผนเรียกร้องความน่าสงสาร จะได้ไม่เป็นการบาดหมางระหว่างพี่น้อง” เขาแอบเหลือบหันไปมองหยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยินย่าตระกูลฉู่คนนั้นกับฉู่หมิงชุ่ยเข้าวัง บอกว่าเจ้าเจ็ดใส่ร้ายนางว่านางกับข้าแอบคบชู้กัน เสด็จพ่อกลัวว่าต่อไปเมื่อผู้คนร่ำลือกันไป จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง จึงหาเรื่องโบยข้า”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธจนแทบเป็นลม พร้อมพูดขึ้นว่า “นางกล้าพูดเช่นนี้เลยหรือ? คำพูดนี้นางแต่งขึ้นมาเองหรืออ๋องฉีพูดจริง?”
“เจ้าเจ็ดไม่ได้พูด”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงนับถืออย่างที่สุด นับถือฉู่หมิงชุ่ยจริงๆ ตนเองทำตัวน่าเกลียดก็มากพออยู่แล้ว ยังคิดจะทำให้ทั้งสองพี่น้องแตกแยกกัน และทำให้เจ้าห้าเสื่อมเสียชื่อเสียง
คนเรากระทำได้น่าเกลียดน่าชังถึงขนาดนี้ จะไม่ให้นับถือหรือ?
หยู่เหวินเห้านอนฟุบอยู่ พร้อมพูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ข้ายังฝากไว้ที่เสด็จพ่ออีกยี่สิบที นั่นเป็นการถูกโบยจริงๆ หากกระทำตามรับสั่งไม่สำเร็จ”