บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 321 คนแบบนี้น่ากลัวขนาดไหน
หยวนหย่งอี้ฟังคำพูดพวกนี้ ในใจทั้งดีใจทั้งเป็นกังวล
เป็นกังวลก็คืออ๋องฉู่กับฉู่หมิงชุ่ยได้แอบพบเจอกันจริง กลับไม่ได้บอกอ๋องฉี
ดีใจคืออ๋องฉู่ดูเหมือนถูกหลอกมา และสุดท้ายเมื่อรู้ว่าถูกหลอกมายังอาละวาด
เพียงแค่กลับไปบอกอ๋องฉีเช่นนี้ อ๋องฉีจะคลายความระแวงได้ไหม?
หยวนหย่งอี้ครุ่นคิด แล้วก็ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง จึงตรงไปหาหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงโกรธจนปวดท้องน้อย เบิกตาโตพร้อมพูดขึ้นว่า “จะไปอยู่แล้ว ยังจะสร้างความบาดหมางระหว่างพี่น้องของพวกเขา ช่างเลวร้ายที่สุด”
หยวนหย่งอี้ก็โกรธมาก พูดขึ้นว่า “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่นางจะไปแล้ว ข้าลงมือแต่แรกแล้ว แค่ไม่อยากทำให้เรื่องบานปลาย ทำให้นางได้รับบาดเจ็บ แล้วนางไม่ยอมไปก็จะยิ่งยุ่ง”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้มีแต่ความคิดชั่วร้าย เจ้าทำให้นางได้รับบาดเจ็บ ยังไม่รู้ว่านางจะคิดแผนชั่วร้ายอะไรกับเจ้า”
คิดถึงเรื่องในวังที่คนร้ายกลับเข้าไปฟ้องเสียก่อนแบบนี้นางก็สามารถพูดออกบ้านได้ ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถพูดความเท็จอย่างหน้าตาเฉยได้อย่างชำนาญที่สุดแล้ว ไม่มีใครสามารถเทียบได้
“งั้นตอนนี้จะทำอย่างไร? จะต้องแต่งเรื่องไปหลอกเขาไหม?”หยวนหย่งอี้ถามขึ้นอย่างเศร้าโศก
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ เล่าความจริงเถอะ เรื่องนี้สืบไม่ยาก หากเจ้าโกหกเขา เขาจะโกรธเจ้าไปด้วย”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “งั้นฉู่หมิงชุ่ยก็คงหวังอยากที่จะให้เขาโกรธข้า ก่อนที่จะไป ยังพูดว่าเรื่องนี้ข้ารู้แต่แรกแล้ว นอกจากนางต้องการที่จะให้อ๋องฉีทั้งสองพี่น้องบาดหมางกัน ยังอยากที่จะให้ข้ากับอ๋องฉีบาดหมางกัน”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาวในใจ ว่าฉู่หมิงชุ่ยเป็นงูพิษชั่วร้ายเย็นชาตัวหนึ่ง ก็ไม่เกินเหตุ
“เจ้ากลับไปเถอะ เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเจ้ามาหาข้าที่นี่ ถึงตอนนั้นใจยิ่งเกิดความสงสัย” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยวนหย่งอี้คิดว่าก็ถูก จึงรีบกลับไป
ส่วนฉู่หมิงชุ่ย หลังจากที่นางพูดเช่นนั้นกับอ๋องฉี ก็กลับมานั่งในห้อง
นางไม่ขยับอยู่เนิ่นนาน เป็นเหมือนดั่งก้อนหินก้อนหนึ่ง
ท่านปู่สั่งคนส่งจดหมายมา เป็นการตัดความหวังสุดท้ายของนางอย่างสิ้นเชิง
นางจะอยู่ในจวนอ๋องฉีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
คนที่เคยดูถูกเหยียดหยาม ตอนนี้คิดอยากที่จะเสียดาย ความเสียดายก็ไม่ทำให้สามารถหวนคืนกลับมาได้แล้ว
ที่จริงนางก็รู้ เริ่มตั้งแต่นาทีที่ไปหาท่านย่าแล้วเข้าวัง ทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เอาความโกรธแค้นนี้ไปเดือดร้อน นอกจากในใจยังมีความหวังเล็กน้อยแล้ว ก็คิดอยากที่จะให้คนพวกนั้นทุกข์ใจ
นางไม่มีความสุข ใครก็อย่าคิดที่จะมีความสุข
ตอนนี้ คนที่นางเกลียดที่สุดก็คือหยวนชิงหลิงกับอ๋องฉีหยู่เหวินชิง
นางเคยมีความรู้สึกผิดต่อหยู่เหวินชิง แต่ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วช่างไร้สาระ
คนที่บอกว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอด เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ก็ไม่ยินยอมที่จะรักใคร่นางอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้น นางไม่ผิดตั้งแต่แรก มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้เอง? มีเพียงอำนาจเท่านั้น
ทำให้อ๋องฉีกับหยู่เหวินเห้าบาดหมางกัน นางรู้ว่าจะต้องประสบความสำเร็จแน่
อ๋องฉีปกติดูเหมือนเป็นคนไม่สนใจอะไร แต่ความจริงแล้ว เขาขี้ระแวงมาก
นางเชื่อว่าหยู่เหวินเห้าไม่มีทางเล่าเรื่องที่ร้านเหล้าเยว่เต๋อให้กับอ๋องฉีฟังแน่ ไม่ว่าจะสืบรู้ความว่าอย่างไร พวกเขาเคยแอบเจอกัน และก็ยังปิดบังเขา เขาจะต้องโกรธแน่
หยู่เหวินเห้าดูเหมือนเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนมีหลักการที่สุด มีขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างเรื่องถูกผิด ด้วยความเกลียดอ๋องฉีจะคอยยุแยงหาเรื่องตลอด ในที่สุดหยู่เหวินเห้าก็จะหมดความอดทน
นางมองดูตัวเองในกระจก ใบหน้าใบนั้น ค่อยๆยิ้มอย่างโศกเศร้า พร้อมพูดพึมพำขึ้นว่า “พี่เห้า ขอเพียงพวกเจ้าทั้งสองพี่น้องไม่คบหากัน เขาก็จะกีดขวางพวกเราไม่ได้”
นางยื่นมือไปลูบกระจก รอยยิ้มค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จนถึงขั้นสูญเสียการควบคุมตนเอง
หลังจากหยวนหย่งอี้กลับไป ก็เล่าเรื่องที่ไปสืบรู้มาให้อ๋องฉีฟังอย่างไม่ปิดบัง
หลังจากอ๋องฉีฟังแล้ว ก็เพียงแค่เงียบไม่พูดไม่จา
หยวนหย่งอี้ลากเก้าอี้ขยับมานั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “คุยกันหน่อยไหม?”
อ๋องฉีเงยหน้าพูดขึ้นว่า “คุยอะไร?”
หยวนหย่งอี้จ้องมองดูเขา พร้อมพูดว่า “เจ้าสนใจเรื่องนี้หรือ?”
“ไม่ควรสนใจหรือ?” อ๋องฉีถามกลับ
หยวนหย่งอี้พูดว่า “เจ้าสามารถสนใจได้แค่เพียงที่เขาไม่บอกเจ้าเรื่องนี้ แต่ตามที่ข้าไปสืบมา ในร้านเหล้าเยว่เต๋อ อ๋องฉู่อาละวาดอย่างโกรธเคือง แสดงให้เห็นว่าเขาถูกฉู่หมิงชุ่ยหลอกให้ดอกเตอร์สุราไปลวงมา เขาไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า ก็เพราะคิดถึงความรู้สึกของเจ้า หรือจะให้เขามาบอกเจ้า ว่าพระชายาของเจ้าแอบนัดข้าออกไปเจอหรือ? นั่นไม่ถือเป็นการตบหน้าเจ้าหรือ?”
อ๋องฉีเงยหน้าขึ้นมามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าดีกับเจ้าไหม?”
หยวนหย่งอี้อึ้ง นี่เป็นอะไรกับอะไรหรือ?
“ดีไหม?” อ๋องฉีถามอีกครั้ง
หยวนหย่งอี้รู้สึกว่าช่วงนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยคงที่ ดังนั้น จึงเปลี่ยนน้ำเสียงพูดขึ้นว่า “ถือว่าไม่เลว”
อ๋องฉีส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ดีเลยสักนิด ตั้งแต่มีเจ้าเข้าใหม่อยู่ด้วย ข้าก็ไม่เคยสนใจเจ้า ครั้งที่เจ้ากับฉู่หมิงชุ่ยทะเลาะกัน นางก็ยังเข้าข้างนาง ข้าไม่ดีกับเจ้าเลย แต่ครั้งนี้ เจ้าต้องข้าด้วยชีวิต ข้าซาบซึ้งใจอย่างมาก”
หยวนหย่งอี้ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเลี่ยนเช่นนี้ ขนจึงลุกขึ้นมาทั้งตัวเลยทันใด พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า “เจ้าพูดพวกนี้ทำไม? อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องคิดชัดเจนขนาดนี้ ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ดีกับข้านัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่สุด”
อ๋องฉีหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงหรือ?”
“เจ้าหัวเราะอะไร?”” หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “กำลังพูดกับเจ้าเรื่องอ๋องฉู่นะ นางกำลังสร้างเรื่องให้บาดหมางกัน เจ้าอย่าหลงกล”
อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างสงบว่า “ข้าไม่มีทางหลงกล คืนนั้นข้าเข้าวังไปกับพี่ห้า ข้าเห็นกับตาว่าเขาปกป้องค่ายังไง เขาอุ้มข้าแล้วก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าห้องทรงพระอักษร เกือบแทบที่จะเหนื่อยตาย และเขายังถูกโบยเพราะข้า ในคืนนั้น ภาพที่เราเติบโตมาด้วยกัน ล้วนผุดขึ้นมาในใจของข้า เพียงคำพูดของนางไม่กี่คำ แล้วข้าจะเข้าใจพี่ห้าผิดหรือ?”
หยวนหย่งอี้มองดูเขาอย่างตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงหรือ? งั้นเจ้ายังจะให้ข้าไปสืบที่ร้านเหล้าเยว่เต๋อ?”
“แค่อยากรู้ความจริงกับที่ในใจข้าคิด” อ๋องฉีพูดขึ้น
หยวนหย่งอี้ถามขึ้นว่า “เดาว่าอะไร?”
แววตาแหลมคมของอ๋องฉีสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเดาว่าวันนั้นหลังจากที่นางพูดคำว่าหย่าออกมา ก็ได้ไปหาพี่ห้า คิดไม่ถึงว่าพี่ห้าจะปฏิเสธนาง หลังจากที่ทำลายความหวังของนาง นางจึงจำต้องเลือกที่จะอยู่ในจวนอ๋องฉีต่อ ดังนั้นจึงมีภาพฆ่าตัวตาย”
“การคาดเดานี้มีหลักฐานอะไร?” หยวนหย่งอี้รู้สึกว่า ต้องมีเรื่องที่นางกระทำเลวร้ายมากกว่านี้แน่
สีหน้าอ๋องฉีค่อนข้างขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะ วินาทีที่นางฆ่าตัวตาย ข้าใจอ่อน ข้าหวั่นไหว ข้าเคยคิดว่า นางทิ้งข้าไม่ลง”
หยวนหย่งอี้มองดูแววตาที่สับสนของเขา ในใจนางก็กลายเปลี่ยนเป็นสับสน
นางไม่รู้ว่าความรักเป็นเช่นไร
แต่นางรู้ว่าคนคนหนึ่งหากเคยรอคอยใครอีกคน และหลังจากการรอคอยว่างเปล่า ความรู้สึกแบบนั้นทรมานมาก
บางทีความรักอาจยิ่งลึกซึ้ง
นางก็ไม่รู้จะปลอบเขายังไง เพียงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้ารู้ว่านางเป็นคนยังไงก็พอ ต่อให้เจ็บแค่ไหน ล้วนต้องผ่านไปได้”
“เจ้าอ้วน เจ้าไม่รู้” อ๋องฉีถอนหายใจขึ้นมาทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเกลียดชังข้ามาก ถึงได้สร้างความบาดหมางระหว่างข้ากับพี่ห้า หากครั้งนี้ข้าหลงกล ข้าจะต้องไม่ให้อภัยพี่ห้าแน่ ข้าเกลียดพี่ห้า เสด็จแม่ก็จะช่วยข้าแน่ เจ้าว่าสุดท้ายพี่ห้าจะทำอย่างไรกับข้า?”
หยวนหย่งอี้ตกใจอย่างมาก และก็ไม่ทันสนใจที่เขาเรียกตนเองว่าเจ้าอ้วน รีบพูดขึ้นว่า “นางเกลียดเจ้า? นางมีสิทธิ์อะไรมาเกลียดเจ้า? นางเป็นฝ่ายกระทำผิดต่อเจ้า”
อ๋องฉีมีสติอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเป็นคนยอมทำผิดต่อคนในใต้หล้า แต่ไม่ยอมให้คนในใต้หล้ากระทำผิดต่อนาง นางคิดว่าสิ่งที่ข้าทำดีกับนางเป็นสิ่งที่สมควร เพราะนางทอดทิ้งหักหลังพี่ห้ามาแต่งงานกับข้า ข้าเป็นคนได้ผลประโยชน์ ข้าควรที่จะกระทำดีต่อนางไปตลอด ไม่ว่านางจะกระทำอะไร ก็ไม่ควรทอดทิ้งนาง”
หยวนหย่งอี้ขนลุก พร้อมพูดขึ้นว่า “คนแบบนี้ จะน่ากลัวมาก”