บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 336 เจ้าไม่ลองถามดู
ทังหยางเงียบไปนาน ลมแรงพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำเอากระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะปลิวว่อนไปหมด หยู่เหวินเห้าเอาที่ทับกระดาษหยกทับเอาไว้ เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ท้องของยายหยวน มีคนคอยกังวลเยอะจริงๆ ”
ทังหยางพูดว่า “แรกเริ่มที่มีข่าวแพร่ออกไปว่า พระชายาได้ดื่มน้ำจื่อจินเข้าไป ย่อมมีคนคอยจับตาดูแน่ ว่าเด็กคนนี้ยังสามารถปกป้องไว้ได้อีกหรือไม่ ตอนนี้ก็สี่เดือนแล้ว นับว่าเข้าสู่ช่วงที่มั่นคงแข็งแรง ยิ่งทำให้อดทนรอต่อไปไม่ได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้ายิ้ม “เจ้าสี่ก็ซ่อนตัวได้ลึกลับเกินไปแล้ว”
เจ้าสี่ อ๋องอัน หยู่เหวินอัน บุตรชายของกุ้ยเฟย ท่านตาของเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ตี๋เว่ยหมิง เป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ลับผีด้วย
หยู่เหวินเห้ากับหยู่เหวินอันนั้นเหมือนกัน ฝึกฝนอยู่ในกองทัพตั้งแต่เด็ก หยู่เหวินอันเองก็สร้างผลงานไว้ในสนามรบไม่น้อย หลายปีมานี้พากองทัพปราบกองโจร ทำภารกิจได้สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นอ๋องคนแรกที่อายุเต็มยี่สิบปี ก็ได้รับพระราชทานอัญมณีมีค่า
ทังหยางน้ำเสียงทุ้มลง “พวกเราเอาแต่ระวังอ๋องจี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะคอยวางแผนการอยู่อย่างลับๆ คอยดูเถอะ ตามระยะเวลาครรภ์ของพระชายาที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะมีพวกทำตัวลึกลับโผล่ออกมาอีกเท่าไหร่ ”
หยู่เหวินเห้ายิ้ม “เจ้าสี่แค่เริ่มต้น ก็พุ่งตรงเข้าไปหายายหยวน ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องนับว่าจบสิ้นกันแล้ว”
ทังหยางรู้สึกหดหู่ “ไท่ซ่างหวงเชื่อใจท่านแม่ทัพตี๋เว่ยหมิงมาก จึงได้ให้เขาเป็นแม่ทัพขององครักษ์ลับผี นี่มันไม่ดีกับเราเลย องครักษ์ลับผีเดิมทีนั้นให้มาปกป้องพระชายา ถ้าหากทางนั้นมีจุดประสงค์ไม่ดีขึ้นมา พระชายาจะเป็นอันตรายมาก ”
หยู่เหวินเห้าใคร่ครวญอยู่สักครู่ “ไม่เป็นไร ตี๋เว่ยหมิงไม่กล้าสั่งการให้องครักษ์ลับผีทำร้ายยายหยวนโดยตรงหรอก แต่ว่า เรื่องความเคลื่อนไหวทุกอย่างของยายหยวนนั้นคงหลบไม่พ้นสายตาเขาเป็นแน่ เรื่องนี้ข้าจะลองคิดหาวิธีอีกที จะไปบอกกับเสด็จปู่ให้ยกเลิกองครักษ์ลับผีโดยตรงไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ความผิดไปที่ตี๋เว่ยหมิง ข้าเองก็ไม่สามารถกล่าวหาเขาต่อหน้าไท่ซ่างหวงได้ เพราะเขาเป็นคนที่ติดตามไท่ซ่างหวงมานาน พวกเราระวังกันเองก็พอ”
ทังหยางพูด “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ใช่แล้ว ข้างกายพระชายาสมควรเพิ่มคนดูแลหรือไม่ หมันเอ๋อคนนั้นก็ดูไม่เลวนัก รอให้นางหายดีแล้ว ไม่สู้ให้นางอยู่รับใช้ข้างกายพระชายาเถอะ ”
หยู่เหวินเห้าเห็นด้วย “ครั้งนี้ต้องขอบคุณนาง จะว่าไปเรื่องนี้มันก็เหลือเชื่อมาก ตอนแรกยายหยวนปกป้องนางอย่างไม่คิดชีวิต สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าได้ผูกวาสนากันจนช่วยให้ตนเองรอด เห็นที คนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่”
ทังหยางเอ่ยยิ้มๆ “พระชายาไม่โง่เลยสักนิด”
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบาๆ “โง่หน่อยก็ดี จะได้มีชีวิตที่สงบสุขบ้าง ส่วนเรื่องเจ้าสี่ อย่าบอกนาง ที่ผ่านมาพวกเราก็ใช้แผนการสกปรกไม่น้อย ไม่จำเป็นต้องให้นางรู้”
ทังหยางพูดว่า “ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้”
ในใจของหยู่เหวินเห้ามีความกังวลเล็กน้อย ตอนนี้เจ้าสี่เผยตัวแล้ว แต่ไหนแต่ไรเจ้าสามอ๋องเว่ยก็ใกล้ชิดกับเขามาก
หยวนชิงหลิงพักรักษาตัวอยู่หลายวัน ไม่มีอะไรหนักหนาจนน่าเป็นห่วงแล้ว
อะซี่ก็กลับมาแล้ว เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่าตระกูลหยวนจะไม่ให้นางกลับมาอีกแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่า เป็นแม่เฒ่าหยวนที่ส่งอะซี่กลับมาด้วยตนเอง
ความหมายของแม่เฒ่าหยวนคือ คนของตระกูลหยวนนั้นไม่มีทางจะถูกใครหน้าไหนทำให้กลัวได้ ขอเพียงยังไม่ตาย ย่อมต้องยืนขึ้นมาเผชิญ
ตระกูลหยวนปกป้องหยวนชิงหลิงเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ทำการต้อนรับขับสู้แม่เฒ่าอย่างดี
อาการบาดเจ็บของอะซี่ที่จริงก็ยังคงหายไม่สนิท แต่นางห่วงกังวลพระชายา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ต้องมาให้ได้
หลังจากนางได้พบหยวนชิงหลิงแล้ว ก็พุ่งตรงไปที่เรือนห้อยเพื่อหาหมันเอ๋อ นางรู้ว่าครั้งนี้หมันเอ๋อช่วยไว้ได้มาก ถ้าไม่อย่างนั้น พระชายาคงต้องตายอยู่ในมือฉู่หมิงชุ่ยเป็นแน่
หมันเอ๋อมองอะซี่ ถามเสียงเบาๆว่า “แม่นางอะซี่ ท่านว่าครั้งนี้พระชายาจะให้ข้าอยู่ด้วยหรือไม่ ”
แม้จะสามารถหาเงินได้เล็กน้อยที่ท่าเรือ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีบ้านจะอยู่ และไม่แน่ว่านางจะถูกไล่ออกเมื่อไหร่
อะซี่พูดพลางตบไปที่อกของตน “เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะไปพูดกับพระชายา”
หมันเอ๋อพูดอย่างไม่สบายใจว่า “คิดว่าพระชายาคงไม่เป็นปัญหา แต่เกรงว่าท่านอ๋องจะไม่อนุญาต”
นางยังคงหวาดกลัวอ๋องฉู่ เพราะว่า นางเคยล่วงเกินอ๋องฉู่มาก่อน
“ท่านอ๋องเป็นคนมีเหตุผล เขาต้องเห็นด้วยแน่ ”อะซี่พูด
หมันเอ๋อพูด “ถ้าหากท่านอ๋องเห็นด้วย เช่นนั้นข้าจะเลี้ยงแม่นางอะซี่กินอาหารหนึ่งมื้อ”
“ได้”อะซี่รับคำตรงๆ รู้ว่าหมันเอ๋อไม่ได้มีใจคิดเป็นอย่างอื่น จึงคิดอยากจะสนิทสนมด้วย ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งชนชั้นใดๆทั้งสิ้น แค่ให้ความสนใจกับความสามารถเท่านั้น
คืนนั้นอะซี่ตรงไปยังตำหนักเซี่ยวเยว่ พูดเรื่องนี้กับหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้ากำลังช่วยหยวนชิงหลิงทายา รอยแผลที่ถูกกัดตรงแขน ยังคงลึกมาก ยาทานี้สามารถลบรอยแผลเป็นได้
ฟังอะซี่พูดถึงเรื่องของหมันเอ๋อ หยวนชิงหลิงก็มองหยู่เหวินเห้า
หลังจากหยู่เหวินเห้าทายาเสร็จ เอาแขนเสื้อลงเรียบร้อย ก็ถามขึ้นว่า “เจ้าเห็นว่าอย่างไร”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “หมันเอ๋อมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
“เจ้าอยากจะเก็บนางไว้ก็เก็บไว้เถอะ ”หยู่เหวินเห้าเอ่ยยิ้มๆ
หยวนชิงหลิงผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้ พูดยิ้มๆว่า “ดีจริงๆ ”
หยู่เหวินเห้าหยิกไปที่แก้มของนางหนึ่งที “เพื่อรอยยิ้มของเจ้า ข้าตายก็ยินดี ”
อะซี่เอ่ยอย่างอึ้งๆว่า “ท่านอ๋องทำไม่จึงเปลี่ยนเป็นคนกะล่อนเช่นนี้ได้”
หยู่เหวินเห้ากลอกตาให้กับอะซี่ ในสายตายังคงมีแววยิ้ม “ไม่ได้กะล่อนกับเจ้าเสียหน่อย ยุ่ง พระชายาชอบฟังก็พอ”
อะซี่เดินออกไปข้างนอก “แต่ก็รู้สึกเลี่ยนอยู่ดี”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นางมองไปที่หยู่เหวินเห้า เห็นเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงถามขึ้นว่า “อะซี่พูดให้ท่านไม่พอใจหรือ ”
หยู่เหวินเห้ากำลังเก็บกล่องยาให้นาง เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ใช่ จริงสิ ช่วงนี้ข้าสามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าในจวนได้ ส่วนทางกรมข้ายังไม่ไป”
“ทำไมหรือ”หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง
หยู่เหวินเห้ายิ้มๆ “ไม่มีอะไร ในเมืองหลวงมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้น ข้าเป็นเจ้ากรมการพระนคร เสด็จพ่อก็ต้องแสร้งทำทีให้ข้าพักงานชั่วคราว”
“พักงานเชียว”หยวนชิงหลิงกอดแขนของเขาเอาไว้ เอ่ยอย่างดีใจว่า “เช่นนั้นก็ดีมาก ท่านสามารถอยู่บ้านกับข้า ข้าก็ไม่ต้องรอท่านกลับมาเหมือนที่รอสามีจนกลายเป็นหินแล้ว ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “รอสามีจนกลายเป็นหิน”
รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เพราะทำให้นางต้องลำบาก ระหว่างที่นางตั้งครรภ์ เขาไม่เคยได้อยู่เป็นเพื่อนนางเป็นเวลานานๆเลย กลับให้นางต้องวุ่นวายกับเรื่องในราชวงศ์อยู่บ่อยครั้ง
วันรุ่งขึ้น ตอนที่พระชายาจี้มา ได้นำเอายาบำรุงครรภ์มาให้หยวนชิงหลิงด้วย
นางมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางนำเอายาที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาด้วย
นางพูดว่า “ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะวางยาพิษ เจ้าจะไม่กินก็ได้ ข้าแค่อยากแสดงน้ำใจเท่านั้น ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ขอบคุณมาก ถ้าต้องการข้าก็จะกิน ”
พระชายาจี้พูดเสียงเรียบๆว่า “ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า แต่แค่เกรงว่าเรื่องครั้งก่อน จะกระเทือนถึงครรภ์ ไม่สามารถรักษาข้าได้อีก พูดตรงๆ ข้าก็คิดเพื่อตนเองทั้งสิ้น ”
หยวนชิงหลิงมองนาง “ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากมาย ข้าแค่คิดว่าท่านหวังดีด้วย”
พระชายาจี้รู้สึกละอายใจเล็กน้อย สายตามองไปทางอื่น
แต่ว่า นางรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ได้ยินว่าตอนที่ฉู่หมิงชุ่ยตาย ต้องการพบเจ้าห้าให้ได้จึงจะยอมให้การ ไม่รู้ว่านางสารภาพอะไรออกมาบ้าง ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่รู้ เจ้าห้าไม่ได้บอกข้า”
“เจ้าไม่ถามหรือ”พระชายาจี้ไม่ค่อยเชื่อ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมนางจึงไม่ถามบ้าง
“มีอะไรน่าถาม ตอนนี้เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ข้ายังมีชีวิตอยู่ นางตายแล้ว เรื่องมันก็จบง่ายดายเช่นนี้เอง ”
“ข้าแค่รู้สึกว่า แผนการใหญ่ขนาดนี้ ฉู่หมิงชุ่ยคนเดียวไม่มีทางทำได้แน่ นางมีความสามารถแค่ไหน ข้ารู้ดี ”พระชายาจี้พูด
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “อืม ก็ใช่