บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 343 อ๋องฉีป่วยครั้งใหญ่
เขาเงยหน้าขึ้นมองหยู่เหวินเห้า สายตาเต็มไปด้วยความสับสน “พี่ห้า ข้าไม่ได้ว่าท่านทำผิดอะไร ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจ ทำไมท่านจึงลงมือฆ่านางได้ ท่านทำลงไปได้อย่างไร พวกท่านเคย……”
ระหว่างที่พูด ก็มองไปทางหยวนชิงหลิงอย่างรวดเร็ว ไม่พูดต่ออีก
เขาไม่ได้จะเรียกร้องอะไรแทนฉู่หมิงชุ่ย หรือรู้สึกว่าที่พี่ห้าฆ่านางนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ด้วยความผิดที่ฉู่หมิงชุ่ยทำ และตายไปอย่างง่ายดายในคุกนั้น สำหรับนางแล้วคือการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง
อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีด้วยซ้ำ นับว่ารักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของนางเอาไว้จนหมดแล้ว
ในใจของเขาเองก็เกลียดคนคนนี้มาก แต่ว่า เขาอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะลบคนคนนี้ออกจากใจให้ได้เร็วที่สุด เขาไม่อยากให้ตัวเองต้องจดจำนางได้อีกแล้ว เดิมคิดว่าการมาส่งนางครั้งสุดท้าย นับว่าเป็นการกล่าวลาได้แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าใจของเขาตอนนี้ก็ยังหาความสงบไม่ได้
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตอบคำถามเขา ยืนขึ้นดึงหยวนชิงหลิงเดินจากไป
“พี่ห้า……”อ๋องฉีรีบลุกขึ้นยืน “ข้าไม่ได้ว่าท่านใจดำ หรือว่าเลือดเย็น ข้าเพียงแค่อยากรู้ ว่าทำไมท่านถึงได้ลืมคนคนหนึ่งได้เร็วนัก”
หยู่เหวินเห้าดึงมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ไม่แม้แต่จะหันมามอง
ขึ้นรถม้าแล้ว ลมหายใจของหยู่เหวินเห้าก็หอบกระชั้นขึ้น เขาโกรธมาก
“อย่าโกรธเลย เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก เขาแค่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร”หยวนชิงหลิงลูบที่แผ่นหลังเขา พูดปลอบโยน
หยู่เหวินเห้าดึงมือของนางเอาไว้ สายตามีแววเหนื่อยล้า ถามขึ้นว่า “ข้าฆ่านาง เจ้าเองก็รู้สึกว่าข้าใจดำเลือดเย็น ไม่นึกถึงความรู้สึกในอดีตที่มีต่อกันหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงมองเขา เอ่ยเบาๆว่า “ไม่ ข้าเกือบจะตายอยู่ในมือนางแล้ว ถ้าหากท่านยังคิดถึงความรู้สึกที่เคยมีต่อกัน นั่นจึงจะเป็นความใจดำเลือดเย็นที่แท้จริง”
หยู่เหวินเห้ากุมมือนางไว้แน่น เอ่ยด้วยความรู้สึกหวาดกลัวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองที่เจ้าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว แต่ว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าต้องฆ่านาง แม้ข้าไม่ฆ่านาง นางก็คงอยู่ได้อีกไม่เกินสองวัน แต่นางได้ให้การแล้วว่าโสวฝู่ฉู่เป็นผู้วางแผนการอยู่เบื้องหลัง ถ้าขึ้นศาล สอบสวนร่วมกับกรมอาญา คำให้การนี้จะถูกส่งให้ฮ่องเต้ ฉะนั้น นางจะขึ้นศาลไม่ได้”
แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะเคยคิดหาความเป็นไปได้ในหลายทาง แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าฉู่หมิงชุ่ยจะลากเอาตัวโสวฝู่ฉู่ออกมาเป็นผู้หนุนหลัง
“ทำไมนางจึงพูดเช่นนี้ เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แผนการของโสวฝู่ฉู่ เขาจะฆ่าข้า ไยต้องทำเช่นนี้”หยวนชิงหลิงพูด
“เพราะว่านางต้องการปิดบังคนที่ช่วยนางวางแผนตัวจริง หากสารภาพคนคนนี้ออกมา ข้าคงต้องมีการป้องกัน เช่นนั้นเขาคนนั้นคงไม่สามารถช่วยนางฆ่าเจ้าอีก ”
หยวนชิงหลิงอ้าปากเบิกตากว้าง “ใครกัน”
หยู่เหวินเห้ามองนาง ถอนหายใจเบาๆ มองใบหน้าที่เรียบสงบไร้ความสงสัย มองนิสัยที่ดูจะแข็งแกร่งและไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ ทำไมจึงได้มีคนมากมายหมายปองจะเอาชีวิตของนาง
เขาส่ายหน้า “ไม่รู้ นางไม่ยอมบอก แต่คิดว่าคงจะเป็นพี่ใหญ่”
นางประสบเคราะห์กรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่อยากจะบอกความจริงกับนาง ว่ายังมีเจ้าสี่ที่ยังคงหมายหัวนางเอาไว้อยู่ตลอดเวลา
ไหนๆพี่ใหญ่ก็กลายเป็นคนที่มีความผิดสมควรตายอยู่แล้ว ก็ให้พี่ใหญ่รับโทษนี้ไปด้วยแล้วกัน
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้งไร้คำพูด
อ๋องจี้ยังสามารถร่วมมือกับฉู่หมิงชุ่ยได้ ช่างเป็นความร่วมมือที่ไร้ขอบเขตจริงๆ
นางเองก็อดคิดไม่ได้ว่าตนเองไม่เอาไหนเลย ข้างกายนางมีคนมากมายคอยปกป้อง แต่นางย่อมได้รับบาดเจ็บเสมอ แม้แต่กำลังจะปกป้องตนเองก็ยังไม่มี
เห็นที นางคงต้องทำอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองบ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องพึ่งแต่กล่องยา
อ๋องฉีกับหยวนหย่งอี้ยังคงนั่งอยู่บนชั้นสอง
หลังจากหยวนหย่งอี้กินเสร็จแล้ว นางวางตะเกียบลงและพูดกับเขาว่า “ตอนนี้ท่านอยู่ที่จวนอ๋องซุน อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นแล้ว ข้าจะกลับไปเก็บข้าวของ กลับบ้านมารดา ”
อ๋องฉีนิ่งอึ้ง เงยหน้ามองนาง “กลับบ้านมารดา ”
“ใช่แล้ว ถึงตอนนั้นยังจะรบกวนท่านช่วยเขียนจดหมายเลิกร้างให้ข้าด้วย”หยวนหย่งอี้พูด
อ๋องฉียิ้มขมขื่น “แม้แต่เจ้าก็จะไปจากข้าหรือ”
หยวนหย่งอี้พูดว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังท่านอีก เดิมทีการที่ข้าแต่งกับท่านเพื่อเป็นพระชายารอง ข้านั้นไม่ยินดี ข้ายังไม่อยากแต่งงาน แต่ว่า ท่านย่าบอกกับข้าว่า ฉู่หมิงชุ่ยมีเจตนาไม่ดี ท่านย่าเกรงว่าท่านจะมีเรื่อง จึงใช้ให้ข้าเข้ามาอยู่ในจวนเพื่อเฝ้าสังเกตฉู่หมิงชุ่ยเอาไว้ ตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยก็ตายแล้ว ภารกิจของข้าก็ถือว่าลุล่วงแล้ว ”
อ๋องฉีคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ มองหยวนหย่งอี้อึ้งๆ “นี่ทุกคนต่างก็รู้หรือว่านางมีเจตนาจะทำร้ายข้า แต่ข้าเองกลับไม่รู้อะไรเลย”
หยวนหย่งอี้หัวเราะ “ท่านมีจิตใจไร้เดียงสา นี่เป็นเรื่องดี ”
ที่จริง หยวนหย่งอี้รู้ว่าตอนนั้นท่านอย่าพูดเพื่อกล่อมนาง เรื่องที่ฉู่หมิงชุ่ยมีใจทะเยอทะยานนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ท่านย่าก็หวังอยากให้นางแต่งให้กับอ๋องฉีจริงๆ
อ๋องฉีนั้นอบอุ่นและซื่อตรงมาก
แต่หลังจากผ่านเรื่องราวของฉู่หมิงชุ่ยแล้ว นางรู้สึกว่าเรื่องราวของราชวงศ์นั้นแปรปรวนอันตราย ไม่อยากจะมีส่วนร่วมด้วย
นางเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ใต้การควบคุมที่มีบุรุษเป็นใหญ่ นางมีเรื่องที่ตัวเองอยากทำ
หัวใจของอ๋องฉีรู้สึกผิดหวังมาก ข้างในว่างเปล่า ทรมานกว่าการตายของฉู่หมิงชุ่ย “กลับบ้านมารดา เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป แต่งกับคนอื่นหรือ”
หยวนหย่งอี้ยักไหล่ “ไม่ล่ะ ข้ายังไม่อยากแต่งกับใครทั้งนั้น ข้าอยากจะออกเดินทางไปให้ทั่ว เพื่อดูทิวทัศน์สวยงามของต้าถังเรา ถ้าข้าเดินทางเหนื่อยแล้ว เดินไม่ไหวแล้ว ข้าก็จะกลับมา ”
“เจ้าจะไปจากเมืองหลวงหรือ”อ๋องฉีเหมือนถูกของแข็งเข้ากระแทก
“ใช่แล้ว นี่เป็นฝันในวัยเยาว์ของข้า”หยวนหย่งอี้พูด
ในใจของอ๋องฉีเกิดร้อนรนขึ้นมา
นั่นเป็นความฝันวัยเยาว์ของนาง ช่วงวัยเยาว์ย่อมไม่มีเขาอยู่ด้วยแน่
เขามองหยวนหย่งอี้ อยากจะตำหนินางว่าเลือดเย็นโหดเหี้ยม ที่ทิ้งเขาไปในช่วงเวลานี้
แต่ว่า เขากลับพูดไม่ออก ตั้งแต่นางแต่งงานเข้ามา เขาเคยให้ความอบอุ่นแก่นางสักนิดหรือไม่
กลับกันมีแต่นางที่คอยปกป้องเขา
แต่ว่า ชีวิตเขาจะมีแต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้เสมอมิได้
“ตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยไม่มีทางที่จะทำร้ายท่านได้อีกแล้ว ข้าเองก็วางใจ นับว่าสามารถส่งมอบภารกิจที่ท่านย่าให้ไว้ได้แล้ว”หยวนหย่งอี้พูดยิ้มๆ
อ๋องฉีล้มตัวลง เสียงดังปัง ร่างชักกระตุก
หยวนหย่งอี้ตกใจจนสะดุ้ง รีบวิ่งเข้าไปประคองเขา “เป็นอะไรไป นี่มันอะไรกัน ”
อ๋องฉีปากเบี้ยวตาเหล่ พูดจาไม่ลื่นไหลอีกต่อไป “ข้า ข้าไม่อาจปิดบังเจ้าอีก โรคที่ไม่รู้สาเหตุของข้า จะตายแล้ว”
“โรคไม่รู้สาเหตุ”หยวนหย่งอี้ประหลาดใจ “ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินท่านพูดมาก่อน ”
นางยื่นมือไปดึงเขา แต่เขาก็กระตุกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะดึงอย่างไรก็ดึงไม่ไหว กลับดึงเอานางล้มลงไปด้วย ข้อเท้านางสะดุด เกี่ยวเอาเก้าอี้ล้มลงไป กระแทกตรงขาที่บาดเจ็บ
ร่างเขาเกิดสั่นขึ้นมา ระลอกหนึ่ง ความเจ็บที่ขาดุจสายฟ้าที่แล่นไปทั่วร่าง“เจ็บ……”
ปากเบี้ยว ขณะที่พูดคำว่าเจ็บก็กัดไปที่ลิ้นตัวเอง จนมีเลือดไหลออกมา
หยวนหย่งอี้เห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่ได้การ นี่มันหนักหนาเกินไปแล้ว
“อย่ากลัว ข้าจะพาท่านไปหาท่านพี่พระชายาฉู่ นางฝีมือแพทย์สูงส่ง ต้องรักษาท่านได้แน่” หยวนหย่งอี้พูด พลางย่อตัวนั่งลง “ท่านขึ้นหลังข้ามา ข้าจะแบกท่านไป ท่านต้องทำได้ ค่อยๆยืนขึ้นมา”
อ๋องฉีสูดลมหายใจเย็นๆ เอ่ยอย่างสิ้นหวังเต็มประดา “อย่า อย่าไปหาพี่สะใภ้ห้า ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าป่วย หมอหลวงบอกว่าข้าจะอยู่ได้อีกหนึ่งปี ไปหาเทพเซียนรักษาก็ไร้ประโยชน์ ข้ารู้ตัวเองดี อย่าให้คนอื่นต้องมารับรู้และเศร้าใจไปด้วยเลย”
หยวนหย่งอี้นั่งลงไปกับพื้น หันกลับไปมองมุมปากของเขาที่มีเลือดไหลออกมา ยังมีใบหน้าที่ขาวซีดอยู่ตลอดเวลานั้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างเศร้าๆว่า “ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ นี่มันโรคอะไรกันแน่”