บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 349 เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอม
หยู่เหวินเห้าเกือบจะคลั่งไปแล้ว
ตอนที่เขาได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนให้เขาแต่งคุณหนูฮู่อะไรนั่นมาเป็นรองพระชายารอง โมโหจนอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา
เขาคุกเข่าอยู่กับพื้น เอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “ไม่แต่ง ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะคุณหนูอะไร ก็ไม่แต่ง”
“เจ้าลูกเนรคุณ เจ้าบังอาจนัก”ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่ก็ยังรู้สึกโกรธจนสมองรู้สึกปวดเป็นระยะ ไม่มีสักคนที่ทำให้สบายใจได้เลย
“ชาตินี้ ลูกขอมีแค่หยวนชิงหลิงเป็นพระชายา ไม่อยากมีรองพระชายา”หยู่เหวินเห้าพูด
ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหจนใช้ฝ่ามือตบไปที่ศีรษะของเขา “เจ้าคิดว่าเจ้ามีดีอะไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าแต่งกับนางไป ไม่ชอบก็ไม่ต้องแตะต้อง ให้นางอยู่ในจวนอ๋องไปก็พอ นางจะไปเป็นปัญหาระหว่างพวกเจ้าสามีภรรยาได้อย่างไร”
กระดูกศีรษะของหยู่เหวินเห้าแข็งแรงมาก กลับเป็นฮ่องเต้หมิงหยวนที่ตีจนมือตนเองเจ็บ
เส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากหยู่เหวินเห้าเต้นตุบๆ “ฮ่องเต้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ไยต้องแต่งด้วย ข้าไม่ชอบนาง ไม่มีทางทำดีกับนางได้ แต่งกับนางไปก็เท่ากับทำลายนางตลอดชีวิต ข้าทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้”
“โหดร้าย ยังจะพูดว่าโหดร้ายอีก”ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้ว ก็โมโหจนตบลงไปอีกสองที “นี่มันเรื่องอำนาจ นี่มันเรื่องการถ่วงดุล เจ้ารู้หรือไม่ ข้ากำลังปูทางในภายหน้าให้เจ้า เจ้ากลับไม่รับรู้ความหวังดีนี่สักนิด เจ้าจะทำให้ข้าโมโหตายหรืออย่างไร”
โมโหจนฮ่องเต้หมิงหยวนด่าคำว่าลูกเนรคุณออกไปอีกหลายครั้งติดกัน
หยู่เหวินเห้ายังคงทำหน้านิ่ง “ก็ลูกไม่เห็นด้วย ลูกไม่อยากแต่ง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยอย่างมีน้ำโหว่า “เจ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยได้นำทัพกลับมาแล้ว คุณหนูฮู่ก็คงติดตามกลับมาด้วย รอให้พวกเขามาถึงเมืองหลวง ก็จะเริ่มดำเนินการเตรียมงานแต่ง ถ้าเจ้าไม่ยอม ก็ไปอยู่ในคุกหลวง ข้าจะตรวจสอบเรื่องที่เจ้าฆ่าฉู่หมิงชุ่ยอย่างละเอียด”
“เช่นนั้นเสด็จพ่อก็สอบสวนเถอะ แม้จะต้องสูญเสียชีวิตนี้ไป ลูกก็จะไม่รับพระชายารองเด็ดขาด นี่เป็นสัญญาที่ข้าให้ยายหยวนเอาไว้”หยู่เหวินเห้ายังคงยืนยันหนักแน่น ช่างเหมือนก้อนหินในส้วม ที่ทั้งเหม็นทั้งแข็ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธจนเกือบจะสวรรคตแล้ว ตบลงไปอีกฉาด “ยายหยวนยายหยวน เจ้ามันคนไร้ประโยชน์สิ้นดี ในสายตามีแต่ยายหยวน แล้วแผ่นดินเป่ยถังของข้า จะมอบให้คนโง่อย่างเจ้ามาดูแลได้อย่างไร เสด็จปู่ของเจ้าคงตาบอดไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้าถูกตบที่ศีรษะไปหลายที ก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว “เสด็จพ่อ เช่นนั้นท่านก็คัดเลือกใหม่เถอะ ลูกไร้ความสามารถ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมุมปากกระตุกทีหนึ่ง แทบจะหายใจไม่ออก กลอกตาไปมา อีกนิดเดียวก็จะเป็นลมล้มพับไปแล้ว
เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว ขาดแต่จะพูดออกมาว่าจะตั้งเขาเป็นพระราชทายาท ทว่าดันพูดไม่รู้เรื่องเช่นนี้ ช่างเลือกคนผิดจริง เลือกคนผิดแล้วเสีย
ฮ่องเต้หมิงหยวนสะกดกั้นอารมณ์ที่อยากจะปาแท่นฝนหมึกออกไป เอ่ยอย่างโมโหว่า “นี่เป็นบัญชาของข้า หยวนชิงหลิงได้ถูกข้าสั่งให้กลับบ้านมารดาแล้ว ถ้าหากเจ้าขัดขืนคำสั่ง ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้พบนางอีกตลอดไป”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้าหากนางกลับบ้านมารดา เช่นนั้นลูกจะไปถามที่จวนเจ้าพระยาจิ้งว่าพวกเขาต้องการลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านหรือไม่ ”
“เจ้าพระยาจิ้งกล้าหรือ”แท่นฝนหมึกของฮ่องเต้หมิงหยวน ที่สุดก็โยนออกไป แท่นฝนหมึกอย่างดีจากหูโจวของเขา แตกสลายอยู่บนพื้น ช่างเป็นตัวไร้อนาคตเสียจริง
“เจ้าพระยาจิ้งไม่กล้า เช่นนั้นลูกก็หาบ้านใกล้ๆกันอาศัยอยู่ ทำตัวหน้าด้านหน้าทนไปขอข้าวกินทุกวัน เชื่อว่าเจ้าพระยาจิ้งคงไม่กล้าขับไล่ข้า”ในใจของหยู่เหวินเห้ามีไฟที่สุมขึ้นอย่างร้อนแรง เขาก็มีขอบเขตของตนเอง
จะให้เขาทำอะไรก็ได้ เรื่องเดียวที่ไม่ทำคือไม่แต่งพระชายารอง อย่าแยกเขากับยายหยวน
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกว่าแผนการที่ตนเองวางไว้อย่างดิบดี ถูกเจ้าลูกเนรคุณคนนี้ทำลายจนหมด ความโมโหถาโถมเข้ามา มือคว้ากระถางธูปหอมขึ้นมาอยากจะกระทุบลงไป
หยู่เหวินเห้าพูดเบาๆว่า “เสด็จพ่อไม่จำเป็นต้องทำลายข้าวของให้เสียเปล่า แท่นฝนหมึกของท่านเมื่อครู่ยังทุบไม่โดน ถ้าท่านโมโหมากจริงๆ ไม่สู้บาดที่คอของลูก ยังจะสามารถพูดกับเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยได้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว แท่นฝนหมึกนั้น เขาทุบไม่โดนจริงหรือ เขาจงใจไม่ให้โดนต่างหาก เขาที่เป็นเป้าใหญ่โตเหมือนฝาบ้าน ไหนเลยจะทุบไม่โดน
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรืออย่างไร ”ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดด้วยน้ำเสียงโมโหแฝงแววเคร่งขรึม
“ไม่ใช่ไม่กล้า ท่านแค่เสียดาย”ไม่รู้ว่าหยู่เหวินเห้าไปเรียนรู้วิธีทำตัวหน้าด้านหน้าทนนี้มาจากไหน เหมือนเด็กน้อยที่ล้มกลิ้งไปกับพื้นเวลาไม่พอใจ “ถ้าท่านไม่เสียดาย ก็คงให้เลิกร้างกับยายหยวนไปแล้ว แต่ไม่ใช่ให้นางกลับบ้านมารดา ท่านรักลูก ลูกรู้ดี แต่ท่านก็หาวิธีอื่นได้นี่นา ทำไมจึงต้องหาแต่เรื่องที่ลูกไม่อยากทำ ”
“แล้วเจ้าทำอะไรได้บ้าง”ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด ถ้าหากเขายังคงยืนกรานหัวชนฝา อาจทำให้เขาเกิดความคิดอยากจะฆ่าขึ้นมาจริงๆ ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจปานนี้ จะให้เขาเอาความรู้สึกรักและเอ็นดูมาจากไหน
เจ้าลูกคนนี้ ดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่ก็มีความสามารถอยู่ไม่น้อยจริง
ขาดก็แต่การควบคุมอารมณ์
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เดิมควรเป็นเวลาที่ต้องรับภารกิจหนัก แต่ก็เริ่มดื้อรั้นขึ้นมา
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้าหากเสด็จพ่อหวาดกลัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย ก็ไม่จำเป็นต้องให้ลูกแต่งกับคุณหนูฮู่ ท่านก็รับคุณหนูฮู่มาเป็นบุตรบุญธรรม แต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง ให้นางเข้าวังอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ ก็เหมือนกันมิใช่หรือ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องเขาเขม็ง “จะเหมือนกันได้อย่างไร”
เจ้าลูกคนนี้ ไม่รู้หนักเบาเสียจริง
แต่งกับคุณหนูฮู่ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยก็จะเป็นพ่อตาของเขา นี่มันเป็นการยกย่องและการคุ้มครองที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนสำหรับเขา
เห็นที ยังคงต้องทำการฝนเหลี่ยมอีกสักครั้ง แม้จะไม่ได้ลบให้เหลี่ยมมุมนั้นราบเรียบ อย่างน้อยก็ต้องทำให้เหลี่ยมมุมที่แหลมคมนั้นทู่ลงไปบ้าง
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาจริงๆ ให้รับคุณหนูฮู่เป็นบุตรบุญธรรม แต่งตั้งเป็นองค์หญิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
ตอนนี้ดูแล้ว ก็นับว่าเป็นแผนที่ดี
แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หยวนชิงหลิงก็ให้กลับบ้านมารดาไปแล้ว เจ้าลูกคนนี้ก็หัวแข็งปานนี้ หากไม่สั่งสอนซะบ้าง เกรงว่าภายหน้าจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย
ยังมีหยวนชิงหลิง นางมีอิทธิพลต่อเจ้าห้ามากเกินไป ช่วงนี้ต้องให้พวกเขาห่างกันสักพัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยเสียงเย็นว่า “ฉู่หมิงชุ่ยตายในคุก มีคนถวายฎีกาว่าเจ้าฆ่าคนเพื่อปิดปาก ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร แต่ก็นับว่าทำผิดใหญ่หลวง คดีนี้ข้าจะให้คนตรวจสอบให้ชัดเจน เจ้าก็พักงานต่อไป ส่วนเรื่องหยวนชิงหลิงที่ถูกขับให้กลับบ้านมารดาไปเพราะคิดว่าตนเองฉลาด ให้นางอยู่ที่บ้านมารดาสักพัก หากเจ้าบังอาจไประรานหรือรบกวนที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง ข้าจะไม่ละเว้นนาง ข้าเสียดายที่จะฆ่าเจ้า แต่ฆ่าหยวนชิงหลิง ข้ายังต้องมือไม้อ่อนทำไม่ลงหรืออย่างไร ”
“นางตั้งครรภ์……”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโยนหนังสือเล่มหนึ่งออกไป “ข้าจะฆ่าไก่เพื่อเอาไข่”
โหดร้าย หยู่เหวินเห้าสูดลมหายใจเย็นๆหนึ่งเฮือก
“ไสหัวไป”ฮ่องเต้หมิงหยวนหรี่ตาลง “ถ้าเจ้ากล้าไปก่อเรื่องที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง ข้าจะให้คนส่งนางไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ทันที”
หยู่เหวินเห้าลูบจมูก เดินออกไปอย่างหดหู่
ที่จริงพอได้ฟังคำพูดสุดท้ายของฮ่องเต้แล้ว ก็นับว่ายังพอเหลือพื้นที่ให้ได้ปรึกษากัน
แต่ที่เป็นกังวลคือเรื่องที่ยายหยวนกลับบ้านมารดา เขาจะไปอย่างเปิดเผยก็ไม่ได้ อีกทั้งยายหยวนก็อารมณ์อ่อนไหวมาก ไม่รู้ว่าจะเสียใจขนาดไหน
ถึงว่าคืนนี้ตอนที่กอดกันนางกอดเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
ยังมีจวนเจ้าพระยาจิ้ง มีแต่พวกแปลกประหลาด นี่ไม่เท่ากับว่าแกะน้อยอย่างยายหยวนเดินเข้าไปในรังหมาป่าหรืออย่างไร
ต้องถูกพวกเขากินจนไม่เหลือซากเป็นแน่
อีกฝั่งหนึ่ง แกะน้อยหยวนชิงหลิงได้กลับมาถึงจวนเจ้าพระยาจิ้งเรียบร้อยแล้ว
คนในจวนเจ้าพระยาจิ้งรู้สึกตกใจถึงกับโมโห ที่หยวนชิงหลิงกลับบ้านมาอย่างกะทันหัน
โดยเฉพาะเจ้าพระยาจิ้ง เขามองหยวนชิงหลิงที่หอบสัมภาระกลับมาบ้าน ก็โมโหขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะตบนางไปหนึ่งที
แต่ว่า หยวนชิงหลิงมองเจ้าพระยาจิ้งที่เต็มได้ด้วยความโกรธเคือง ก็เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านพ่อ ลูกกลับมาพักรักษาครรภ์ที่บ้านในช่วงหลายเดือนนี้ รบกวนท่านพ่อโปรดดูแลด้วย แต่ว่าก็คงไม่รบกวนคนในจวนมาก การกินอยู่ของข้า มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว ท่านนี้คือแม่นมสี่ เป็นคนที่ไท่ซ่างหวงให้มาดูแลข้าโดยเฉพาะ เรื่องส่วนตัวต่างๆของข้า ล้วนมอบให้นางทำ