บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 357 คงไม่ใช่มาถามหาความผิดมั้ง
อะซี่ทนไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้ยินคำสั่งของหยวนชิงหลิง ก็ลุกขึ้นมาทันที กล่าวอย่างเย็นชา “ฮูหยิน พระชายาของเราจะพักผ่อนแล้ว เชิญกลับไปเถอะ”
นางหวงที่คิดถึงสามีไม่ชอบนาง ลูกสาวที่ถูกเลิกร้างกลับมาก็ด่านาง ทันใดนั้นทั้งอายทั้งโกรธ “พระชายาอะไรกัน? ในเมื่อถูกเลิกร้างกลับมาแล้ว ยังมาวางอำนาจอะไรอีก? ข้าเป็นแม่ของแก แกทำไมถึงกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับข้า?”
“แบกออกไป!” หยวนชิงหลิงที่โกรธจนเจ็บกระเพาะ กล่าวกับอะซี่โดยตรง
อะซี่ใช้มือกอดรัดเอวของนางหวงเอาไว้ นางหวงหวาดระแวง “แกจะทำอะไร………ห๊า ปล่อยข้า……….”
อะซี่ใช้แรงกระชากที่เอวของนาง ยกนางขึ้นในแนวขวางกำลังจะเดินออกไป ก็เห็นคนสองคนเดินมาด้วยฝีเท้าที่เร็ว อะซี่ดีใจ รีบวางนางหวงลง “ท่านอ๋องมาแล้ว!”
หยู่เหวินเห้าก้าวไปข้างในอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงตะโกนของนาง หยวนชิงหลิงเพิ่งจะลุกขึ้น ก็ถูกดึงตัวเข้าไปกอดอยู่ในอ้อมอก
กลิ่นที่คุ้นเคย เนื้อผ้าที่คุ้นเคย ริมฝีปากที่คุ้นเคยได้ประทับรอยลงหน้าผากของนาง นางยื่นมือไปกอดเขาเอาไว้ น้ำตาคลอ
แม่นมสี่กับหมันเอ่อรีบถอยออกไป แล้วปิดประตู
นางหวงที่ตกใจอยู่ข้างนอก ก็ดีใจอย่างมาก “ลูกเขยข้ามาแล้วใช่มั้ย?”
อะซี่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าต้องแบกนางออกไป อย่างไรก็ตาม การที่จะแบกผู้หญิงหนึ่งคนเปลืองแรงมาก อยากจะลากนางไปโดยตรง นางหวงที่เห็นลูกเขยมาแล้ว จะยอมให้นางลากหรือ? ตัวเองก็ได้วิ่งหนีไปก่อน
วิ่งไปหาเจ้าพระยาจิ้ง
สามีภรรยาที่แยกจากกันหลายชั่วยาม กอดกันเป็นเวลานานมาก จึงค่อยๆปล่อยออกจากกัน
หยวนชิงหลิงยิ้มพร้อมน้ำตา ชี้ไปที่อกเสื้อของเขา “ทำไมถึงมีแต่กลิ่นยาสูบล่ะ?”
“เป็นกลิ่นของท่านปู่” หยู่เหวินเห้ายิ้มแล้ว “ข้านอนประท้วงอยู่ที่พระตำหนักฉินคุนไปหนึ่งวันหนึ่งคืน”
“ประท้วงได้อะไรมาบ้าง?” หยวนชิงหลิงถาม
เขาดึงตัวนางนั่งลง มองถ้วยแตกที่อยู่บนพื้น ก็ขมวดคิ้วกล่าว “ยังไง? มีคนรังแกเจ้าหรือ?”
“ไม่มี” หยวนชิงหลิงยิ้มๆ “ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง”
หยู่เหวินเห้าเตะถ้วยแตก กล่าวอย่างไม่พอใจ “ดูก็รู้ว่าไม่ใช่การดูแลที่ดีอะไรเลย เดี๋ยวข้าจะไปตักเตือนพ่อของเจ้าหน่อย”
หยวนชิงหลิงยิ้มกล่าว “ไม่จำเป็นต้องไปตักเตือน ตอนนี้เขากำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวล ข้าบอกเขาแล้ว ฮ่องเต้กำลังจะเอาเรื่องในจวนเจ้าหญิง หากข้าคลอดลูกชาย ก็จะละเว้นความตายให้กับจวนเจ้าพระยา หากเป็นผู้หญิง คนในจวนเจ้าพระยาใครก็ไม่รอด”
เป็นครั้งแรกที่หยู่เหวินเห้าได้ยินนางพูดถึงเรื่องจวนเจ้าหญิงด้วยความรู้สึกที่ใจเย็นขนาดนี้ ก็เลยสงสัยเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงนั่งบนตักของเขา “หนักมั้ย?”
“ไม่หนัก สามารถนั่งได้ชั่วชีวิตนี้เลย อุ้มได้ชั่วชีวิต หยู่เหวินเห้าหอมคอของนาง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ งั้นเจ้าก็ทำให้พ่อตาของข้าขวัญเสียแล้วล่ะสิ?”
เขาหัวเราะพูด
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “คาดว่าตกใจมากทีเดียว ตอนนั้นก็ทำให้เขาหดหู่ไปทันที”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะเสียงดัง กลอกตามองบน “ตลกมากเลย”
รอยยิ้มของหยวนชิงหลิงจางหายไป มองดูใบหน้าที่มอมแมมของเขา อยู่ใน คงใช้แรงประท้วงไปไม่น้อยเลย
“เสด็จพ่ออนุญาตให้ท่านมาหรือ?” นางถามด้วยเสียงเบา
หยู่เหวินเห้ากล่าว “เสด็จปู่เป็นคนช่วยข้า ข้าอยู่ในพระตำหนักฉินคุน เสด็จปู่โกรธ เสด็จพ่อก็ไม่กล้าที่จะลงโทษข้าใน ก็เลยต้องตามใจข้า”
หยวนชิงหลิงฝืนยิ้ม “แล้วคุณหนูฮู่…….ท่านจะทำยังไง?”
“จะทำยังไง? ไม่แต่ง” หยู่เหวินเห้าสีหน้าดิ่งลง “เรื่องอะไรก็คุยกันได้ เรื่องนี้ไม่ได้”
“แล้วมีวิธีแก้ไขปัญหามั้ย?” หยวนชิงหลิง
หยู่เหวินเห้ากอดเอวของนางเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มให้นางนั่งพิงลง เขายื่นหูเข้าไปฟังความเคลื่อนไหวในท้อง แล้วกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา หากเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยข่มขู่ นั้นเป็นเรื่องที่เสด็จพ่อต้องจัดการแก้ไข เกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ? ข้าไม่ใช่พันธุ์ม้าเสียหน่อย จะให้ผสมพันธุ์ไปเรื่อยเพื่อแก้ไขปัญหาความทะเยอทะยานของขุนนาง? เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จะแต่ง ก็ให้เสด็จพ่อแต่งเอง”
เขาเงยหน้าขึ้น รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “เด็กน้อยคนนี้ ขี้เกียจเกินไปแล้ว ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เขากลับเอาแต่นอน ก็ไม่ยอมตื่นมาทักทายพ่อมันเลย”
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบครรภ์ “เจ้าอย่าพูดไปนะ ตั้งแต่กลับมา เขาก็ไม่ค่อยจะขยับเลย”
“คงไม่ใช่เกิดปัญหาอะไรใช่มั้ย?” สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไปทันที
หยวนชิงหลิงกล่าว “ไม่หรอก ข้าได้เฝ้าสังเกตอยู่ ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะว่าข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยจะขยับ เด็กก็เลยไม่ดิ้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดิ้นเลย เมื่อเทียบกับตอนอยู่ในจวนน้อยกว่าหน่อย”
หยู่เหวินเห้าคิดไปครู่หนึ่ง หรี่ตาลง “ลูกไม่ดิ้น เรื่องนี้หนักหนาทีเดียว ต้องคิดหาหนทางให้เสด็จพ่อรับรู้เรื่องนี้ให้ได้”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้ว “จะทำให้ยังไงเขารู้? หรือท่านจะเข้าวังอีกครั้ง เพื่อไปบอกเขาเรื่องเด็กในครรภ์ไม่ดิ้น?”
“ก็ให้หมอหลวงมาไง เสด็จยังได้จัดคนมาเฝ้าข้าสองคน ทุกวันให้เวลาข้าอยู่ในจวนเจ้าพระยาเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม หากตามหมอหลวงมา ข้าก็จะสามารถอยู่นานขึ้นมาอีกหน่อย คิดยังไงก็ไม่ขาดทุน อีกอย่างทหารรักษาพระองค์ก็ต้องกลับไปรายงานเสด็จพ่ออยู่แล้ว” หยู่เหวินเห้ากล่าว
เขาที่คิดแผนการได้ก็ลุกขึ้น ออกไปหาหมันเอ๋อทันที บอกให้นางกลับไปตามหมอหลวงที่จวนมา
สุดท้ายเขาก็สามารถคิดหาหนทางที่จะอยู่ในจวนเจ้าพระยาจิ้งได้นานขึ้นมาอีกหน่อย หยู่เหวินเห้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด ก็หอมไปที่แก้มของหยวนชิงหลิง จากนั้นก็ลูบท้อง “เด็กน้อยถือว่าได้ช่วยพ่อเจ้าสักครั้งแล้วนะ แต่เจ้าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด”
เรือนอีกหลัง เจ้าพระยาจิ้งได้ยินนางหวงบอกว่าหยู่เหวินเห้ามา ยังนึกว่านางหวงพูดไปเรื่อย
อย่างไรเสีย หยวนชิงหลิงถูกลงโทษเพราะเรื่องของจวนเจ้าหญิง อ๋องฉู่เป็นผู้เสียหาย ตามหลักเขาน่าจะโกรธเหมือนกับฮ่องเต้
ดังนั้น เมื่อแน่ใจว่านางหวงไม่ได้โกหก เจ้าพระยาจิ้งก็ถามขึ้น “เขาพาคนมากี่คน? โกรธมั้ย?”
นางหวงตกใจไปครู่หนึ่ง “อันนี้ไม่ทันสังเกต มาถึงก็เข้าไปในห้องเลย ข้ายังไม่ทันได้หันไปมอง ประตูก็ถูกปิดไปแล้ว ก็ไม่ได้พาคนมามากนัก พาลูกน้องในจวนมาแค่คนเดียว”
“มาถึงก็ปิดประตูอยู่ในห้อง?” ใจของเจ้าพระยาจิ้งก็กระสับกระส่าย “ตบตีมั้ย? ได้ยินเสียงตบตีข้างในหรือเปล่า?”
“อันนี้ไม่ได้ยินนะ” นางหวงที่ได้ยินเขาถามอย่างต่อเนื่อง ก็มีความผวาเล็กน้อย “คงไม่ใช่มาถามหาความผิดมั้ง”
เมียรองอย่างนางโจวก็ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน “ใครจะไปรู้ล่ะ? คนนั้นก็ถูกไล่กลับมากลางดึก หากท่านอ๋องยังคะนึงถึงความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา น่าจะขอร้องแทนนางถึงจะถูก ไม่ว่ายังไงก็ท้องอยู่ ไม่ควรที่จะถูกส่งกลับมากลางดึกแบบนั้น นอกเสียจาก ท่านอ๋องก็โกรธด้วย”
เจ้าพระยาจิ้งได้ยินคำพูดนี้ ก็กลัวขึ้นมาทันที โบกมือขึ้นกล่าวกับนางหวง “ก็ให้เขาระบายความโกรธออกมา หลังจากระบายเสร็จ ก็จะไปเอง”
นางหวงตกใจ “ท่านเจ้าพระยาท่านจะไม่ไปดูหน่อยหรือ?”
“ไปดูอะไร?” เจ้าพระยาจิ้งไม่อยากจะเผชิญหน้ากับอ๋องฉู่ที่กำลังโกรธอยู่ เรื่องในจวนเจ้าหญิง หากฉู่หมิงชุ่ยสารภาพแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จแก้ตัวได้อีก “เรื่องของสามีภรรยา ข้าที่เป็นพ่อตาจะไปยุ่งมันก็ไม่ควร แต่คนที่เป็นแม่อย่างเจ้า ไปห้ามหน่อยก็ดี”
นางหวงส่ายหัวโดยสัญชาตญาณ “ข้าไม่ไป”
ในใจนางนั้นผิดหวังมาก ยังนึกว่าลูกเขยมาแล้ว ทุกอย่างก็สามารถกลับเป็นปกติ
หากมาถามหาความผิดจริง คาดว่าที่หอสิงหนิงบัดนี้คงจะวุ่นวายน่าดู
สมองที่ไม่ค่อยจะฉลาดของนาง จู่ๆก็นึกปัญหาได้ข้อหนึ่ง “ท่านเจ้าพระยา ท่านไม่ไป เขาก็จะไม่มาหาท่านหรือ? ในใจท่านอ๋องจะไม่รู้เลยหรือว่าเรื่องนี้ท่านเป็นคนวางแผน? เขาจะปล่อยท่านหรือ?”
เจ้าพระยาจิ้งจ้องมองนางไปครู่หนึ่ง หันหลังทันที “รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอก”