บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 363 น่าจะถูกกล่าวหา
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่านรีบพูดสิ”
หยู่เหวินเห้าดึงมือนางไว้ แววตาตื่นตกใจ ”เจ้าบอกข้ามา คนที่ตายเช่นนี้ ลักษณะการตายเป็นเช่นไร เจ้าอาวาสบอกเจ้าหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงมองเขา พูดว่า “บอกว่าก่อนตายจะรู้สึกเวียนหัว ไร้เรี่ยวแรง อาเจียน ส่วนลักษณะการตาย ไม่ได้บอก”
นางลังเลอยู่ชั่วครู่ เรื่องที่เกี่ยวกับลักษณะการตาย แม้เจ้าอาวาสจะไม่ให้เกียรตินางสักแค่ไหน ก็คงไม่อธิบายลักษณะการตายต่อหน้านางกระมัง
ฉะนั้น นางจึงปิดบังไว้ไม่พูด
““บนใบหน้าของคนตาย จะมีสีชมพูปรากฏขึ้นใช่หรือไม่”หยู่เหวินเห้าถาม
นางนิ่งอึ้ง “อันนี้ ก็เป็นไปได้ ท่านเคยเห็นหรือ”
หยู่เหวินเห้ามองนางด้วยแววตาจริงจัง “เสด็จแม่ของน้องเก้า หลอกุ้ยผิน เจ้าน่าจะเคยได้ยินมาก่อน”
“เคยได้ยิน เพราะนางต้องการฆ่าฮ่องเฮา ฉะนั้นจึงถูกประหาร ทำให้องค์ชายเก้าจนตอนนี้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง”หยวนชิงหลิงพูด
ฮองเฮาเองก็ไม่ได้เกลียดองค์ชายเก้าแบบทั่วไป แม้แต่พบหน้าเขายังไม่ยินดี หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ยังปกป้องเขาอยู่ คาดว่าฮองเฮาคงคิดจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ
“ถ้าหากที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นหลอกุ้ยผินอาจไม่ได้คิดจะฆ่าฮ่องเฮา”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงขรึม
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง “หมายความว่าอย่างไร”
หยู่เหวินเห้านั่งหลังตรง พูดว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ฉะนั้นตอนนั้นข้าเองก็รับรู้ สถานการณ์คร่าวๆก็คือหลังจากที่หลอกุ้ยผินทำของว่างไปถวายฮ่องเฮาด้วยตนเอง พอดีกับที่ฮองเฮาไม่อยากอาหาร หลังจากหลอกุ้ยผินจากไปแล้ว ฮองเฮาก็มอบของว่างเหล่านั้นให้กับแม่นมที่รับใช้ข้างกาย พอวันรุ่งขึ้นก็พบว่าแม่นมคนนั้นนอนตายอยู่ในห้อง บนพื้นมีสิ่งของที่อาเจียนออกมา หมอหลวงยืนยันว่าถูกยาพิษ เสด็จพ่อให้คนไปตรวจสอบ แม่นมกินดื่มทุกอย่างปกติเหมือนนางกำนัลในวังคนอื่นๆ นอกเสียจากของว่างเหล่านั้น ฉะนั้น จึงสันนิษฐานว่าในของว่างมีพิษ และของว่างเหล่านี้เป็นฝีมือของหลอกุ้ยผินที่ทำให้ฮองเฮาด้วยตนเอง เสด็จพ่อโกรธมาก จึงสั่งประหารหลอกุ้ยผิน”
หยวนชิงหลิงถาม “ของว่างนั้นกินหมดหรือไม่ ไม่ได้ทดสอบหาพิษหรือ”
“กินหมดแล้ว แม้แต่จานก็ล้างเรียบร้อยแล้ว”หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด และพูดต่อไปว่า “ตอนนั้น แม่นมอยู่ในห้อง มีเตาถ่านที่ผ่านการเผาไหม้แล้ว และประตูหน้าต่างก็ปิดสนิท ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ นอกจากรายละเอียดพวกนี้แล้ว ก็ไม่มีร่องรอยอะไรให้สืบค้นอีก จึงได้ตัดสินว่าเป็นการถูกวางยาพิษ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยพึมพำ “เช่นนั้นก็เท่ากับว่าหลอกุ้ยผินก็ตายอย่างไร้ความผิด”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “หลอกุ้ยผินตายทั้งที่ไร้ความผิด น้องเก้า น้องเก้าได้แต่แบกรับความผิดบาปนี้มาตลอด ต้องทนรับทั้งความเย็นชาและการดูถูกทั้งหมดในวัง ฮองเฮาเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ อีกอย่าง ตระกูลมารดาของหลอกุ้ยผินก็ได้รับโทษจากความผิดของนางด้วย ตระกูลใหญ่หนึ่งตระกูล ต้องถูกขุดรากถอนโคนไปจนหมดสิ้น แม้แต่บิดาของหลอกุ้ยผิน เดิมทีเป็นแม่ทัพขององครักษ์ลับผี ก็ต้องมาตกระกำลำบากกับเรื่องนี้ด้วย ถูกลดตำแหน่งให้ไปเป็นพัศดีอยู่ในคุกหลวง คนฉลาดมีปัญญาถูกกวาดต้อนจนหมด ได้ยินว่าตอนนี้ไอเย็นแทรกเข้าร่าง ป่วยก็ไม่สามารถหยุดพักได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอาจจะตายอยู่ในนั้น”
หยวนชิงหลิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถ้าหากหลอกุ้ยผินไม่ได้วางยาเพื่อหวังทำร้ายฮองเฮา เช่นนั้นค่าตอบแทนของความเข้าใจผิดนี้ก็ช่างหนักหนาเสียเหลือเกิน
“ยายหยวน”หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างจริงจัง “เจ้าแน่ใจหรือไม่ เจ้าแน่ใจหรือว่าอย่างนี้จะทำให้คนตายได้”
เรื่องนี้ร้ายแรงมาก ถ้าหากเขารื้อคดีขึ้นมาเพื่อหลอกุ้ยผิน เช่นนั้นแม่ทัพหลอก็สามารถกลับไปยังองครักษ์ลับผีได้ สามารถต่อกรกับตี๋เว่ยหมิงได้
ที่สำคัญที่สุดคือ น้องเก้าไม่ต้องแบกรับชื่อเสียงที่มารดาเป็นผู้ร้ายฆ่าคนอีก สามารถยืดอกชูคอในวังได้
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบาว่า “ข้าพูดไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ท่านไปหาเจ้าอาวาสดู เขาพูดได้แม่นยำกว่า และมีเพียงที่เขาพูดเท่านั้น เสด็จพ่อจึงจะเชื่อ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้าพูดว่า“พรุ่งนี้หลังจากไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว ข้าค่อยไปวัดฮู่กว๋อ ต้องเร็วหน่อย เกรงว่าแม่ทัพหลอจะทนไม่ไหว ”
“เรื่องนี้สำคัญ ท่านไปที่วัดฮู่กว๋อตอนนี้เลย หลังจากถามท่านเจ้าอาวาสชัดเจนแล้ว ก็รีบเข้าวังไปพบเสด็จพ่อ ท่านแม่ทัพจะได้ไม่ต้องตายอยู่ในคุก ส่วนสำนักนางชีหมิงเยว่เป็นไท่ซ่างหวงที่เรียกข้าไป ข้าเชื่อใจเขา เขาไม่ทำร้ายข้าแน่”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าคิด พูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้สวีอีกับทังหยางคอยดูแล จากนั้นจะไปที่บ้านตระกูลหยวนสักครั้ง ขอให้ตระกูลหยวนส่งคนมาเพิ่ม หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ก็ยังพอมีคนช่วยปกป้อง”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นท่านรีบไปเถอะ”
หยู่เหวินเห้าจูบไปที่หน้าผากของนางหนึ่งที ยังคงกำชับอย่างไม่ค่อยวางใจอีกคำว่า “พรุ่งนี้ให้ปฏิบัติตัวตามสถานการณ์และโอกาส เอาวิธีการที่เจ้าเคยใช้จัดการกับข้าก่อนหน้านี้มาใช้ อย่าได้ใจอ่อน”
หยวนชิงหลิงยิ้มขึ้นมา “ข้าไม่เคยจัดการอะไรท่านเลย”
“ทำไมจะไม่มี ”หยู่เหิวนเห้าจำได้ขึ้นใจ อยู่ดีไม่ว่าดีก็ทิ่มเข้มใส่เขา พอเข็มปักลงไปก็เคลื่อนไหวไม่ได้
“รีบไปเถอะ โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ“หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
สายตาของหยู่เหวินเห้ามีความรักอยู่เต็มเปี่ยม “เช่นนั้นก็ไปแล้วนะ”
“ไปเถอะไปเถอะ”หยวนชิงหลิงยกมือขึ้น
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ หมุนตัว “เหมือนไล่แมลงวันอย่างไรอย่างนั้น ข้าน่ารำคาญขนาดนั้นเชียวหรือ เห้อ ได้เมียไม่ดีเอาซะเลย”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แต่ว่า ระหว่างที่หัวเราะ ในสมองก็มีใบหน้าขององค์ชายเก้าที่แม้จะยังอายุน้อยแต่ใบหน้ากลับดูเป็นผู้ใหญ่ผุดขึ้นมา
ในความทรงจำนางที่ชัดเจนที่สุดคือเขาหลบอยู่หลังประตูโค้งแล้วค่อยๆยื่นหน้าออกมา แน่ใจว่าไร้คนแล้ว จึงกล้าก้าวเดิน
เขาเป็นองค์ชาย แต่เขามีชีวิตต่ำต้อยยิ่งกว่าบ่าวไพร่
หวังว่า เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว สุดท้ายจะสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับหลอกุ้ยผินได้
แต่ว่า นางเองก็ไม่อาจมั่นใจ เพราะว่า นางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับรูปคดีในตอนนั้น และก็ไม่รู้ว่าห้องที่แม่นมคนนั้นอาศัยอยู่ใหญ่โตแค่ไหน อีกทั้ง ก่อนหน้านี้นางก็คงจะจุดเตาแล้วเข้านอนเช่นนี้มาตลอด ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร แต่มามีเรื่องวันนั้นพอดี
คิดถึงตรงนี้ นางจึงเรียกแม่นมเข้ามาสอบถาม
แม่นมพอได้ยินว่าเป็นคดีของหลอกุ้ยผิน ก็ถอนหายใจและพูดว่า “ที่จริงหลอกุ้ยผินก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แม้จะเกิดในตระกูลนักรบ แต่ก็เป็นคนเจียมตัว ยากที่จะเชื่อได้ว่านางจะทำเรื่องพวกนี้”
“ว่ากันว่านางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จึงคิดอยากจะช่วงชิงตำแหน่งฮองเฮา ฉะนั้นจึงวางยาพิษฆ่าฮองเฮามิใช่หรือ”หยวนชิงหลิงถาม
แน่นอน เรื่องเหล่านี้เป็นข่าวลือที่นางได้ยินมา
แม่นมสี่พูดว่า “หลังจากได้รับโทษจนตายไปแล้ว ใครอยากจะพูดอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ว่าหลอกุ้ยผินที่สามารถได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ได้ นิสัยใจคอจะเลวได้อย่างไร ใช้ตำแหน่งกุ้ยผินไปทำร้ายฮองเฮา แม้ว่าฮองเฮาจะตายแล้ว ตำแหน่งฮองเฮาก็คงมาไม่ถึงมือนาง”
“ก็จริง แล้วแม่นมที่ตายไปคนนั้นเล่า ตอนนั้นหมอหลวงยืนยันว่าถูกวางยาพิษ และหาต้นตอยาพิษไม่เจอด้วยซ้ำ ก็ลงโทษหลอกุ้ยผินแล้ว นี่ก็สะเพร่าเกินไปหรือไม่”
แม่นมสี่พูดว่า “เพราะว่าคนที่ถูกวางยาพิษเป็นฮองเฮา ฮองเฮาเป็นคนของตระกูลฉู่ ฮูหยินของตระกูลฉู่ในตอนนั้นยังไปอาละวาดที่บ้านมารดาของหลอกุ้ยผินยกใหญ่ แน่นอนว่าย่อมได้รับความสนใจอย่างมาก และตอนนั้นก็ได้ตรวจสอบอาหาร และน้ำของแม่นม ก็ไม่พบอะไร แต่กลับเป็นของว่างที่กินจนหมดจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ ย่อมต้องผลักข้อสงสัยทั้งหมดไปที่ของว่าง”
การวิเคราะห์เช่นนี้ ที่จริงมองจากสถานการณ์และความวุ่นวายในวังหลังตอนนั้น ล้วนสมเหตุสมผล
ปองร้ายมารดาของประเทศ ยอมฆ่าผิดตัวแต่ไม่ยอมปล่อยไป
ที่จริงในใจของฮ่องเต้เอง ก็คงไม่คิดว่าหลอกุ้ยผินเป็นคนร้ายกระมัง แต่เพื่อความสงบสุขของวังหลัง เพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เขาก็ได้แต่ปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้ทั้งที่ยังไม่ชัดเจน
หยวนชิงหลิงถามแม่นมสี่“ที่ที่แม่นมท่านนั้นอาศัยอยู่ในตอนนั้น เจ้าเคยไปหรือไม่”
แม่นมสี่พูดว่า “เคยเพคะ ที่จริงก็ไม่ได้พิเศษอะไร เพราะว่านางเป็นแม่นมที่ควบคุมดูแลงาน จึงได้แบ่งห้องให้นางต่างหากหนึ่งห้อง แม่นมและนางกำนัลที่ควบคุมดูแลงานในทุกวังต่างก็ได้รับการจัดสรรที่อยู่คนละห้อง ”
“ใหญ่แค่ไหน มีหน้าต่างหรือไม่”
แม่นมสี่พูดว่า “ไม่ใหญ่ ก็แค่สามารถวางเตียงหนึ่งหลัง ตู้เล็กๆหนึ่งใบ หน้าต่างน่ะมี เป็นหน้าต่างบานเล็กๆ ใช้เพื่อถ่ายเทอากาศ แต่ว่า ส่วนมากก็กลัวหนาว ต่างก็ปิดเอาไว้”