บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 372 หมอหลวงเฉากดดันเท่าภูเขา
หมอหลวงเฉาหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นต้องขอแสดงความยินดีกับญาติของฮูหยินใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นคุณหมอท่านไหนที่เก่งกาจขนาดนี้ สามารถตรวจรู้ว่าเป็นแฝดสาม?”
ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นว่า “เป็นหมอท้องถิ่น ก็ไม่ได้แน่ใจทั้งหมด แค่อาจจะเป็นไปได้ นางก็เลยตื่นเต้นขึ้นมา”
หมอหลวงเฉาพูดขึ้นว่า “เห็นควรที่จะต้องตื่นเต้นจริง เป็นท้องแรกหรือ?”
“เป็นท้องแรก”ฮูหยินใหญ่พูดขึ้น
หมอหลวงเฉาพูดขึ้นว่า “ครรภ์แรกที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องบำรุงร่างกายอย่างดี เดินออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แต่ก็จะมากเกินไปไม่ได้ พอเหมาะสมก็พอ หลังงจากหกเจ็ดเดือนแล้ว หากร่างกายรู้สึกหนัก ก็จะเดินอีกไม่ได้ ต้องนอนพักผ่อน และก็ต้องคอยระวังความเปลี่ยนแปลง เพราะครรภ์แฝดมักจะแท้งง่าย หากมีกำลัง ในช่วงแปดเดือนกว่า ในจวนควรที่จะมีหมอเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ต้องใช้จ่ายมากหน่อยก็ควรที่จะจ่าย ยาเร่งคลอดก็ต้องเตรียมไว้ก่อน เตรียมคนไว้ก่อน เมื่อคลอดแฝดสาม คนท้องจะไม่มีแรง จะต้องดื่มน้ำซุปโสมเพื่อประทั้งลมหายใจ แล้วค่อยทำคลอดต่อ คนแรกยังดีหน่อย คนที่สองคนที่สาม อาจจะเกิดสถานการณ์ต่างๆ เด็กอยู่ในท้องนานเกิน ง่ายต่อการขาดลมหายใจ เพราะฉะนั้น หากมีกำลังทรัพย์ ควรที่จะเตรียมหมอเด็กไว้คนหนึ่งจะดีที่สุด เตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือได้ตลอด และที่สำคัญที่สุดก็คือ คนท้อง เมื่อคลอดแฝดสาม จะทำให้เสียเลือดมาก ฮูหยินใหญ่ก็เคยคลอดลูก น่าจะรู้ว่าคนท้องที่เสียเลือดมากอันตรายแค่ไหน หากทนไม่ไหว นั่นก็คือถึงแก่ชีวิต ตอนที่กระหม่อมยังหนุ่ม เคยตามอาจารย์ไปช่วยคนท้องแฝดสามคนหนึ่ง เฮ้อ น่าสงสารอย่างมาก แม่ลูกสี่คน ไม่รอดสักคน ทารกทั้งสามคนล้วนเป็นชาย ดำคล้ำไปทั้งตัว เพราะขาดอากาศหายใจจนขาดใจ คลอดไม่ออกมา”
หมอหลวงเฉาพูดจบ มองเห็นฮูหยินใหญ่นิ่งอึ้ง จึงถามขึ้นว่า “ฮูหยินใหญ่ท่านไม่สบายหรือ? ท่านเหงื่อไหลท่วมตัว สีหน้าขาวซีด”
ฮูหยินใหญ่เพียงแค่สีหน้าขาวซีดหรือ? หัวใจก็ขาวซีดไปหมดแล้ว
ตัวอย่างที่หมอหลวงพูดพวกนั้น ล้วนเหมือนความจริง กลายเป็นภาพที่ปรากฏวนเวียนไว้ในหัวสมองของฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่เอาใบหน้าของหยวนชิงหลิงแทนใบหน้าของคนท้องคนนั้น ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น
“ฮูหยินใหญ่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”หมอหลวงเฉาเห็นนางเหมือนถูกครอบงำ จึงร้องขึ้นอีกครั้ง
หางตาฮูหยินใหญ่ค่อยๆแน่นิ่ง มองดูหมอหลวงเฉาที่พูดจนริมฝีปากค่อนข้างแห้ง นางยิ้มด้วยสีหน้าขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “เตาไฟลุกโชติเกิน ทั้งร้อนทั้งอึดอัด ค่อนข้างไม่สบาย”
เตากลายเป็นแพะรับบาป
“งั้นก็เปิดหน้าต่าง ระบายอากาศ ต้องถ่ายเทอากาศบ้าง”หมอหลวงพูดขึ้น
แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่ร้อน บางทีห้องนี้อาจจะไม่ได้เจอแสงแดดมานาน รู้สึกหนาวมากกว่า
หมอหลวงเฉาพูดต่อว่า “แฝดสามนี้มีให้เห็นได้น้อย หากสามารถรอดมาได้ทั้งหมด นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก”
ฮูหยินใหญ่ถามขึ้นว่า “งั้นหมอหลวงเคยได้ยินไหมว่าแฝดสามสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย?”
หมอหลวงพูดขึ้นว่า “แผ่นดินกว้างใหญ่ จะต้องมีอยู่แล้ว ฟ้าสวรรค์จะปกป้องคุ้มครองคนมีบุญ ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องกังวล บอกให้ลูกพี่ลูกน้องท่านวางใจ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี”
แววตาฮูหยินใหญ่สั่นไหวเป็นประกาย มองดูหมอหลวงเฉาพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เจ้ามาดูแลพระชายาที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง หากข้าบอกเจ้าว่า คนที่ตั้งครรภ์แฝดสามก็คือพระชายา หมอหลวงเจ้า….”
“ตึ่ง”ดังขึ้น หมอหลวงเฉาเหลือกตาโต ล้มลงไป
ฮูหยินใหญ่กับซุนมามามองตากัน แล้วก็ถอนหายใจ
หมอหลวงเฉาไม่ได้เป็นลม แค่มือเท้าเย็นชา เจ็บ ปวดบวม เมื่อย โดยรวมแล้วไม่ค่อยดี ไม่สามารถนั่งดีๆได้
เขาเอามือทาบอก สูดหายใจแรงหลายที มองดูฮูหยินใหญ่ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “ฮูหยินใหญ่ ท่านพูดความจริงหรือ?”
ฮูหยินใหญ่ค่อยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หมอหลวง หน้าผากท่านเต็มไปด้วยเหงื่อ ร้อนมากหรือ?”
หมอหลวงเช็ดเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังดี ยังดี”
ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นว่า “หมอหลวง เรื่องนี้พระชายาสั่งไว้ว่าห้ามบอกเจ้า แต่ข้าไม่วางใจ เจ้าเป็นหมอหลวง ดูแลอยู่ข้างกายนาง หากเจ้ารู้จะได้คอยระวังตักเตือน ตั้งแต่ข้ารู้ ในใจก็ไม่เคยสงบสุข ตั้งแต่วันนี้จนถึงนางคลอด ก็คงไม่ได้นอนหลับอย่างสงบสุขแล้ว หมอหลวง ตั้งแต่วันนี้เป็นไป เจ้าก็อย่าคิดที่จะได้นอนหลับสบายเลย หมอหลวง ทำไมเจ้าถึงดูไม่ดีใจเลย? พระชายาไม่มีบุญนี้หรือ? เมื่อกี้เจ้ายังพูดว่าให้ข้าบอกลูกพี่ลูกน้องทำใจให้สบายไม่ใช่หรือ?”
ปากหมอหลวงเฉากระตุกสองสามครั้ง ฉีดยิ้ม พร้อมพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “ดีใจ….ดีใจ พระชายามีบุญมาก จะปลอดภัยอย่างที่สุด”
ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เอาล่ะ งั้นก็ดี มีคำพูดหมอหลวงเช่นนี้ ข้าก็วางใจ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับพระชายากับซื่อจื่อ หัวของหมอหลวงก็จะหลุดออกจากบ่า หมอหลวงจะต้องคอยปกป้องดูแลพระชายาให้ปลอดภัย”
“ตึ่ง” ดังขึ้น ครั้งนี้หมอหลวงเฉาเป็นลมไปแล้วจริงๆ
ฮูหยินใหญ่เห็นเขาเป็นลมไปแล้วจริงๆ ค่อยเรียกซุนมามาไปหยิกเขา ช่วงนี้คนที่ถูกหยิบจุดเหรินจงค่อยข้างเยอะอยู่นะ
หมอหลวงตื่นขึ้นมา ร่างกายชาไปแล้วกว่าครึ่งตัว มองดูฮูหยินใหญ่ด้วยสีหน้าขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครเป็นคนตรวจรู้ว่าเป็นแฝดสาม? ใครกันที่มีความสามารถขนาดนี้?”
“พระชายาเอง”
หมอหลวงค่อยๆคลานลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ เรื่องนี้จะต้องทูลฮ่องเต้”
ฮูหยินใหญ่อมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “หมอหลวง ท่านรู้หรือ?”
หมอหลวงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้….”
“หากพระชายาตรวจผิดล่ะ? ไม่ใช่แฝดสามล่ะ? เท่ากับท่านกระทำผิดโทษฐานทูลความเท็จใช่ไหม?”ฮูหยินใหญ่พูดเตือน
“เรื่องนี้…….”
ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นมาอีกว่า “ตอนนี้แฝดสามไม่สามารถตรวจรู้ผล ฮ่องเต้ไม่โทษเจ้า ยังไงใครจะไปคิดว่าพระชายาจะมีบุญขนาดนี้? ครั้งเดียวสามารถตั้งครรภ์เป็นแฝดสาม ช่างน่าเหลือเชื่อและน่ายินดี”
ตอนนี้หมอหลวงเฉาไม่มีความคิดเห็นอะไรแล้ว ลังเลอยู่สักพัก มองดูฮูหยินใหญ่อย่างโศกเศร้า พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นกระทำตามความหมายของฮูหยินใหญ่คือ?”
ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า “ก็ต้องปิดบังไว้ก่อน รอเมื่อเจ้าสามารถตรวจชีพจรแล้วรู้ว่าเป็นแฝดสาม ค่อยทูลฮ่องเต้ แต่ระหว่างนี้ หมอหลวงจะอยู่เฉยไม่ได้ หาตำราแพทย์ก็ดี ตำราโบราณก็ดี ขอคำแนะนำจากอาจารย์ของเจ้าก็ดี จะต้องหาวิธีที่ดีที่สุดมาดูแลให้พระชายาคลอดแฝดสามออกมาได้อย่างปลอดภัย”
หมอหลวงเฉาถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยินใหญ่ ข้าจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด”
มีคำพูดประโยคนี้ของหมอหลวง ฮูหยินใหญ่ค่อยโล่งอกหน่อย
ฮูหยินใหญ่หันข้าง ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “หมอหลวง ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องของพระชายา”
หมอหลวงอยากที่จะเอามืออุดหู แล้วตะโกนพูดว่า ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง แต่ความจริงแววตาอันเจ้าเล่ห์ของฮูหยินใหญ่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นแววตาที่วางแผนไว้แต่แรกแล้ว
เขาที่เป็นคนเรียกหมอ ไม่สามารถเอาชนะนักสู้ปรมาจารย์พวกนี้ได้ เห้อ รังแกคนคนซื่อสัตย์
หลังจากหมอหลวงไปจากเรือนฮูหยินใหญ่ ก็หันหน้าเข้าไปคลุกอยู่ในห้องหนังสือ อดอาหารอดหลับอดนอน
เขาไม่ได้เรียนวิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา แต่ตอนนี้เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา ครั้งนี้ หากสามารถทำให้ทั้งสี่แม่ลูกปลอดภัย เขาก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที
ไม่ว่ายังไง ต่อจากนี้ไปอีกสิบแปดปี ก็จะได้เป็นฮีโร่อีกคน
เขามักจะเอามือไขว้หลัง แล้วก็ไปเดินเล่นแถวหอสิงหนิง ดวงตาทั้งคู่ สว่างไสวเป็นประกาย
อะซี่กับหมันเอ๋อ มองดูเขาอย่างแปลกประหลาด
“หมอหลวง ท่านเป็นอะไรหรือ? ทำไมถึงชอบมาเดินเล่นแถวนี้?”อะซี่ถามขึ้น
หมอหลวงถามขึ้นว่า “พระชายาทานอาหารหรือยัง? ทานมากน้อยแค่ไหน?”
“ทานแล้ว ทานโจ๊กไปหนึ่งถ้วย”
“ทานสามถ้วย”หมอหลวงพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“เจ้าอยากให้พระชายาอิ่มตายหรือ?”อะซี่หัวเราะ
หมอหลวงได้ยินคำว่าตาย หัวใจเต้นรุนแรง เส้นเอ็นนูนขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามพูดไปเรื่อย”