บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 393 รื้อคดี
ช่วงนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนอารมณ์หงุดหงิดมาก
แค่เรื่องในจวนเจ้าพระยาจิ้งก็ทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว เจ้าสามดันมาก่อเรื่องในเวลานี้อีก ยังไม่พอ เขายังฝันถึงหลอกุ้ยผินติดๆกันตั้งหลายคืน ในฝันนั้น หลอกุ้ยผินเอาแต่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม
แต่ว่า เรื่องจะมากแค่ไหนก็ต้องได้รับการแก้ไข
ฮ่องเต้หมิงหยวนเรียกตัวอ๋องเว่ยเข้าพบ เกิดเรื่องอะไรขึ้นในห้องทรงพระอักษร มู่หรูกงกงไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าอ๋องเว่ยเข้าไปนานแค่ไหน เสียงดังดุจฟ้าผ่าก็สั่นสะเทือนอยู่นานเท่านั้น
ตอนที่อ๋องเว่ยออกมา เดินโซซัดโซเซ ศีรษะก้มต่ำ
มู่หรูกงกงเข้าไป ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงให้เขาไปเยี่ยมพระชายาเว่ย
มู่หรูกงกงออกไปเที่ยวหนึ่งกลับเข้ามา รายงานว่า “อาการบาดเจ็บไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หมอหลวงบอกว่าโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจากพระชายาฉู่ ไม่เช่นนั้นคงจะรักษาชีวิตของพระชายาเว่ยไว้ไม่ได้”
มู่หรูกงกงเดินเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดเสียงเบาว่า “ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยยังรู้มาว่าที่พระชายาเว่ยแท้งก่อนหน้านี้ เป็นอ๋องเว่ยที่วางยา”
สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนดำคล้ำไปหมด หยิบแท่นฝนหมึกขึ้นมา เสียดายที่เจ้าลูกอกตัญญูได้ออกไปก่อนแล้ว
“พระชายาเว่ยพูดอะไรหรือไม่” ฮ่องเต้หมิงหยวนถาม
มู่หรูกงกงพูดว่า “พระชายาเว่ยต้องการขอหย่า”
ฮ่องเต้หมิงหยวนอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มเย็น “เจ้าสามช่างเป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ ตอนแรกเป็นตายอย่างไรก็จะแต่งกับเขา ดี ในเมื่อข้าได้ล่วงเกินจวิ้นอ๋องอัน แย่งเอาลูกสะใภ้ของบ้านเขามา ตอนนี้ก็ไม่เลว โยนคนอื่นทิ้งราวกับผ้าขาดวิ่น”
มู่หรูกงกงถามขึ้น “เช่นนั้นฮ่องเต้คิดว่า เรื่องหย่า……”
ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ วางแท่นฝนหมึกในมือลง เอ่ยเสียงเรียบว่า “อนุญาต คนเป็นแม่ เจ็บปวดที่สุดคือเรื่องลูก แม้แต่ลูกของตัวเองเขายังลงมือได้ ยังจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ทำร้ายคนอื่นมาตั้งกี่ปี อย่าทำร้ายเขาทั้งชีวิต เรียกจิ้งเหยียนมาร่างราชโองการ หลังจากหย่ากันแล้ว ให้แต่งตั้งนางเป็นจวิ้นจู่ ให้ทำตามธรรมเนียมจวิ้นจู่ในการแบ่งที่ดินจากนั้นก็อวยยศ ดูแลอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของนางให้ครอบคลุมทุกอย่าง ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะราชวงศ์ต้องการขอโทษนาง อย่าได้ทำให้ตระกูลชุยต้องเสียใจ”
เหลิ่งจิ้งเหยียนถูกเรียกตัวให้เข้ามาร่างราชโองการ
มีบัญชาสามประการ
ประการที่หนึ่งอนุญาตให้หย่า
ประการที่สอง ให้แต่งตั้งชุยโล่โล่(ชื่อจริงของนางชุย)เป็นจวิ้นจู่จิ้งเหอ
ประการที่สาม ให้อ๋องเว่ย ไปขอโทษต่อจวิ้นจู่จิ้งเหอด้วยตนเอง จากนั้นก็ไสหัวออกจากเมืองหลวงไปยังค่ายทหารเป่ยจวิ้น
หลังจากร่างราชโองการเสร็จแล้ว ก็เรียกตัวขันทีตรวจฎีกามาเพื่อให้ไปส่งราชโองการ
เหลิ่งจิ้งเหยียนเห็นว่าฮ่องเต้อารมณ์ไม่ดีมีแต่เรื่องวุ่นวายใจ ด้วยความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ย่อมต้องปลอบใจกันเป็นการใหญ่
วางกระดานหมากรุกแล้ว จึงพูดว่า “วันนี้ฮ่องเต้จิตใจว้าวุ่นนัก กระหม่อมจะยอมถอยให้หนึ่งเรือหนึ่งปืนใหญ่ ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกว่าตนเองถูกดูถูก จิตใจก็ฮึกเหิมขึ้นมา จุดจบต้องมีการสู้กันอย่างดุเดือด ประกายมีดและคมดาบปะทะกันไปมา
ได้แต่ฆ่าตัวตายติดๆกันห้ากระดาน หมากทั้งหมดถูกเหลิ่งจิ้งเหยียนกวาดจนเรียบ
แพ้อย่างไร้สิ้นศักดิ์ศรีทั้งหมด
แต่ว่า หลังจากแพ้ครั้งใหญ่ เขากลับมีจิตใจที่สงบมากขึ้น
“ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องอะไรกัน” ฮ่องเต้หมิงหยวนถาม
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดว่า “อ่านหนังสือพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่านหนังสืออะไร” ฮ่องเต้หมิงหยวนถาม
เหลิ่งจิ้งเหยียนยิ้มๆ “นิยายของร้านหนังสือ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเลิกคิ้ว ถามอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าก็ดูเรื่องพวกนั้นด้วยหรือ”
“อ่านเป็นบางครั้งบางคราว สนุกดีพ่ะย่ะค่ะ” เหลิ่งจิ้งเหยียนเอ่ยยิ้มๆ
“มีอะไรน่าสนุกงั้นหรือ เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ ข้าปวดหัวมาก อยากฟังเรื่องสนุกบ้าง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอนกายพิงอยู่บนเตียงอรหันต์ ในมือถือน้ำชาไว้แก้วหนึ่ง และหลับตาลง
เหลิ่งจิ้งเหยียนเล่านิทานพื้นบ้านให้ฟังหลายเรื่อง ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อวานกระหม่อมไปที่วัดฮู่กว๋อและได้พูดคุยกับท่านเจ้าอาวาส สุดท้ายก็เกิดการโต้เถียงขึ้นมา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะ“เจ้าโต้เถียงอะไรกับเขาหรือ ถึงเจ้าจะคงแก่เรียนมากแค่ไหน ก็คงจะสู้เขาไม่ได้ ”
“นั่นไม่เกี่ยวกับเรื่องการศึกษา เกี่ยวกับเรื่องความรู้ทั่วไปต่างหาก เมื่อวานอากาศหนาว เณรน้อยจึงก่อเตาถ่านให้ข้ารู้สึกอุ่นขึ้น ไหนเลยจะรู้ เจ้าอาวาสกลับบอกว่าการจุดเตาถ่านอาจทำให้เกิดพิษได้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะ “เตาถ่านทำให้เกิดพิษ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ มีคนวางยาพิษในนั้น ก็เท่ากับเป็นพิษแล้วมิใช่หรือ”
เหลิ่งจิ้งเหยียนบอกว่า “ฮ่องเต้เองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่ แต่ท่านเจ้าอาวาสกลับเถียงว่าไม่ใช่ เขาบอกว่าถ้าก่อเตาถ่านในห้องที่เล็กและแคบ ไม่จำเป็นต้องวางยาพิษ ปิดประตูหน้าต่างจนมิดไม่มีอากาศถ่ายเท ก็สามารถเอาชีวิตคนไปได้ กระหม่อมไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายนี้ ก่อเตาถ่านเพื่อความอบอุ่น มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ทำไมไม่เคยเห็นมีคนตาย ”
“ใช่” เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนใจลอยอยู่บ้าง “ทำไมไม่เห็นมีคนที่ก่อเตาถ่านเหล่านั้นตาย บ้านของราษฎรโดยทั่วไป ไหนเลยจะมีเตาใต้ดินไว้ให้ความอบอุ่น ล้วนพึ่งการก่อเตาไฟทั้งนั้น”
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดว่า “กระหม่อมก็โต้ตอบไปเช่นนี้ ”
“แล้วเขาว่าอย่างไร” ฮ่องเต้หมิงหยวนวางแก้วน้ำชาลง จ้องมองเหลิ่งจิ้งเหยียน
เหลิ่งจิ้งเหยียนหลุดเสียงหัวเราะออกมา “เขาก็เริ่มทำการเน้นย้ำว่า ต้องเป็นห้องที่เล็กแคบ ไม่มีอากาศถ่ายเทเป็นต้น บอกว่าตามบ้านเรือนของราษฎรทั่วไป ส่วนมากนั้นจะมีช่องระบายอากาศ และประตูก็ไม่ได้ปิดสนิท ช่องว่างระหว่างประตูไม้ก็มีขนาดใหญ่ เขายกตัวอย่างว่า ที่อยู่ของเหล่าขันทีและนางกำนัลในวัง ถ้าหากจุดเตาถ่านขึ้น เกรงว่าจะทำให้ตายได้ เพราะว่าพื้นที่คับแคบ และไม่มีช่องว่างของหน้าต่าง ประตูที่ใช้ก็ทำขึ้นจากเหล็ก เป็นการปิดมิดชิดไม่มีอากาศถ่ายเทจริงๆ ”
สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนเปลี่ยนไป “เขาพูดเช่นนั้นจริงหรือ”
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดยิ้มๆว่า “ฮ่องเต้อย่าได้เชื่อเขาเด็ดขาด นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้”
สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวน เปลี่ยนไปจนรู้สึกแปลกประหลาด
หลังจากเหลิ่งจิ้งเหยียนจากไปแล้ว เขาก็เรียกมู่หรูกงกงเข้ามา สั่งการไม่กี่คำ
มู่หรูกงกงได้ยิน ก็อึ้งไป “เอาตัวนักโทษประหารเข้าวัง ฮ่องเต้ นี่มันอันตรายมากนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เจ้าไปทำก็ทำสิ” สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนมีแววดุร้ายอยู่หลายส่วน
มู่หรูกงกงตัวสั่น รีบไปจัดการทันที
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งให้มู่หรูกงกงเอานักโทษประหารมาขังไว้ในห้องของแม่นมเคยอาศัยอยู่ ปิดประตูหน้าต่างให้สนิททั้งหมด จุดเตาถ่าน มัดนักโทษประหารไว้กับเตียงให้แน่น ไม่ให้เคลื่อนไหวได้
หลังจากวันรุ่งขึ้น ค่อยให้มู่หรูกงกงไปปล่อยตัวนักโทษประหารออกมา
โดยไม่รู้เลยว่า มู่หรูกงกงกลับวิ่งกระหืดกระหอบอย่างร้อนรนเข้ามารายงานว่านักโทษประหารได้ตายไปแล้ว
มือของฮ่องเต้หมิงหยวนสั่นเบาๆชั่วครู่ “ตายแล้ว”
“ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เรียกหมอหลวงไปตรวจดู” ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งการทันที
มู่หรูกงกงก็รีบทำตามเช่นกัน ผ่านไปชั่วครู่ก็มารายงานว่า “หมอหลวงบอกว่า นักโทษคนนี้ตายเพราะถูกพิษ”
“ถูกพิษอะไร” ฮ่องเต้หมิงหยวนรีบถามขึ้นทันที
มู่หรูกงกงบอกว่า “หมอหลวงกำลังตรวจสอบ เพียงแต่ เขาก็พูดไม่ออกว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้”
มู่หรูกงกงลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยเสียงเบาว่า“ฮ่องเต้ ลักษณะการตายของเขา เหมือนกันกับแม่นมที่เคยรับใช้ฮองเฮามาก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา ผ่านไปนานก็ไม่พูดจา
ในที่สุด ก็ค่อยๆสั่งการว่า “เชิญเจ้าอาวาสวัดฮู่กว๋อเข้าวัง”
มู่หรูกงกงรับบัญชา สั่งให้คนรีบเอาม้าเร็วออกไปเชิญตัวท่านเจ้าอาวาสวัดฮู่กว๋อมา
บางครั้งฮ่องเต้ก็เรียกตัวเจ้าอาวาสเข้าวังเพื่อดื่มชาสนทนาธรรม ฉะนั้น คนในวังก็ไม่ได้รู้สึกว่าผิดปกติอะไร
ฮ่องเต้หมิงหยวนกับเจ้าอาวาสคุยกันในห้องหนังสืออยู่เป็นนาน แล้วก็สั่งให้คนไปเรียกตัวโสวฝู่มา
หลังจากนั้น โสวฝู่และฮ่องเต้หมิงหยวนก็คุยกันในห้องหนังสืออีกประมาณครึ่งชั่วยามได้ จากนั้นก็มีบัญชา ให้ทางกรมอาญารื้อคดีของหลอกุ้ยผิน
ความบริสุทธิ์ของหลอกุ้ยผิน ที่จริงก็ได้รับการยืนยันแล้ว
แต่ว่า จะทำการรื้อคดีก่อนหน้านี้ ย่อมต้องให้ที่ทำการปกครองตรวจสอบ จากนั้นจึงจะสามารถสรุปได้
ทางด้านกรมอาญามีโสวฝู่คอยสังเกตการณ์ การทำคดีนั้นนับว่ารวดเร็วมาก บวกกับมีเจ้าอาวาสผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วย ไม่ช้า คดีนี้ก็มีความจริงปรากฏออกมาแล้ว