บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 395 ก็ทำตามที่เขาบอกแล้วกัน
วันนี้ทั้งวันหยวนชิงหลิงยังไม่ได้เจอหยู่เหวินเห้า และไม่ได้ใส่ใจนัก คิดว่าคงเป็นเพราะหลังจากที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยกลับมาแล้ว เขาคงต้องยุ่งอยู่บ้าง
ทำความสะอาดแผลให้กับพระชายาเว่ย เดิมทีที่หน้าผากของนางก็มีแผลอยู่แล้ว ไม่ได้รับการดูแลดีๆ จึงทำเกิดหนอง แผลเก่าบวกแผลใหม่ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ขันทีตรวจฎีกาได้มาส่งราชโองการ อนุญาตให้หย่าได้ และยังแต่งตั้งนางเป็นจวิ้นจู่จิ้งเหอ แต่ว่าขันทีตรวจฎีกาก็ได้บอกแล้วว่า ฮ่องเต้ได้ให้อ๋องเว่ยมาขอโทษนางด้วยตนเอง
หยวนชิงหลิงเป็นกังวลอยู่ว่าตอนที่อ๋องเว่ยมา จะเป็นการกระตุ้นนางหรือไม่
เพียงแต่รอแล้วก็ไม่เห็นสองคนนั้นมา คาดว่าเขาคงไปถึงค่ายทหารเป่ยจวิ้นแล้ว หยวนชิงหลิงจึงได้วางใจ เพียงแต่ ก็ไม่ได้ให้ใครไปสืบหาข่าว เกรงว่าจะเป็นการยื่นมือเข้าไปยุ่งเสียเปล่า
ภาพที่กำแพงเมือง สำหรับนางแล้วก็เป็นหนึ่งบาดแผลทางจิตใจที่ใหญ่มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจวิ้นจู่จิ้งเหอแล้ว
บาดแผลของนางดีขึ้นไม่เลวนัก ที่จริงสามารถกลับบ้านได้แล้ว แต่จวิ้นจู่จิ้งเหอคิดว่าอยากจะอยู่ที่จวนเจ้าพระยาจิ้งต่ออีกสักวันสองวัน และได้ถามความคิดเห็นของหยวนชิงหลิงแล้ว
หยวนชิงหลิงย่อมรู้ว่าถ้านางกลับบ้านมารดา ก็ต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เป็นห่วงกังวลและท่าทีที่ระมัดระวังของคนในบ้าน ฉะนั้น หยวนชิงหลิงจึงกล่าวกับคนของตระกูลชุยว่ายังต้องพักรักษาอีกสักสองวันจึงจะกลับบ้านได้
ตอนนี้ทางด้านตระกูลชุยไม่ว่าหยวนชิงหลิงจะพูดอะไร พวกเขาก็เชื่ออย่างนั้น นางบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกสองวัน เช่นนั้นก็รอไปอีกสองวัน
ออกมาจากที่จวิ้นจู้จิ้งเหอพักรักษาตัวอยู่ หยวนชิงหลิงก็กลับไปยังหอสิงหนิง ก็มองเห็นหมันเอ๋อพาตัวแม่นมฉีเข้ามา
สีหน้าของแม่นมขาวซีด เกือบจะวิ่งเหยาะๆเข้ามา เนื้อบนใบหน้าสั่นไหว ดูแล้วตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“พระชายา” พอนางพบกับหยวนชิงหลิง ก็ไม่สนใจที่จะคำนับ รีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ท่านอ๋องถูกโบยใจวัง ตอนนี้กำลังรักษาแผลอยู่ที่จวน”
แม่นมร้อนใจมาตลอดทาง แล้วก็ลืมที่ทังหยางกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสนิทใจ ว่าให้พูดเรื่องนี้อย่างอ่อนโยนที่สุด ไม่ใช่พอเข้าไปแล้วก็รีบพูดออกไปไม่ยั้ง จะทำให้พระชายาตกใจได้
หยวนชิงหลิงได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมาจริงๆ “ทำไมจึงถูกโบย อาการหนักหรือไม่ ”
“ถูกโบยยี่สิบห้าไม้ ถูกคนลากตัวกลับมา” แม่นมฉีนึกถึงแล้วก็รู้สึกสงสารท่านอ๋อง ตอนที่เข้ามา ด้านหลังเต็มไปด้วยเลือด ยังนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ยี่สิบห้าไม้ หยวนชิงหลิงได้ยินแล้ว ทำเอาเกือบจะหายใจไม่ออกทีเดียว
นางไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว ใช้ให้คนรีบไปจัดเตรียมรถม้า
เพราะว่าฝั่งนี้ไม่มีคนคอยสังเกตการณ์ ฉะนั้นนางพูดว่าจะไป ก็ไม่มีคนมาขัดขวาง
รถม้าโคลงเคลงตลอดทาง ผ่านถนนและตรอกซอกซอย ที่สุดก็มาถึงจวนอ๋องฉู่
ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายวันแล้ว หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตนเองเกือบจะจำประตูบ้านตนเองไม่ได้แล้ว
ด้วยการประคองจากอะซี่กับหมันเอ๋อ นางเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปที่ตำหนักเซียวเยว่ เลิกผ้าม่านขึ้นเดินเข้าไปข้างใน ก็เห็นเจ้าห้านอนคว่ำอยู่บนเตียง ท่าทางคุ้นตายิ่งนัก
ทังหยางคอยรับใช้อยู่ข้างๆ เห็นนางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าขาวซีด ก็รีบพูดขึ้นว่า “พระชายาสบายใจได้ บาดแผลของท่านอ๋องไม่หนักหนาสาหัส”
หยู่เหวินเห้าก็หันมามอง ใบหน้าแสยะยิ้มประหนึ่งสบายใจ “กลับมาแล้วหรือ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ครั้งนี้เสด็จพ่อให้คนออมมือไว้ เพียงแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น เอ็นกระดูกนั้นไม่เป็นไร ”
หยวนชิงหลิงเชื่อที่ไหนกัน ให้ทังหยางดึงกางเกงของเขาลง อะซี่กับหมันเอ๋อรีบเดินออกไปข้างนอกทันที
เห็นเลือดเนื้ออันเละเทะแผ่นใหญ่ของเขา หยวนชิงหลิงเกือบจะเป็นลมล้มพับไป
บาดแผลขนาดนี้ยังว่าไม่เป็นไร นี่มันหนังปริเนื้อปลิ้นชัดๆ มีเลือดสีแดงสดไหลซิบออกมา ทำเอายาที่ทาเปียกชุ่มจนหายไปหมดแล้ว
น้ำตานางไหลออกมาทันที “ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องอะไรอีก”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไป เรียกให้นางเข้ามานั่งลง พูดว่า “ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า อ๋องคนอื่นรวมถึงเสด็จอาต่างก็ถูกโบย พวกเราไม่มีใครทำอะไรผิด คดีของหลอกุ้ยผินก็จบลงด้วยดีแล้ว เสด็จพ่อบัญชาลงโทษตนเอง สั่งโบยแปดสิบไม้ ฉะนั้น พวกเราจึงแบ่งกันรับโทษโบย ข้านับว่าได้รับโทษน้อยที่สุดแล้ว”
“มีท่านอ๋องกี่คนที่ถูกโบย” หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างร่างของเขา เห็นว่าบาดแผลได้ถูกจัดการทำความสะอาดแล้ว จึงเรียกให้ทังหยางเอาผ้าตาข่ายมาปิดบาดแผลเอาไว้ อย่าให้เลือดที่ไหลไปติดกับเครื่องนอน
นางทั้งโมโหทั้งสงสาร น้ำตาที่ไหลก็ห้ามไว้ไม่อยู่
“พี่ใหญ่ พี่รอง เจ้าสี่ ยังมีเสด็จอา รวมข้าด้วย ทั้งหมดห้าคน” หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา เห็นท่าทีของทังหยางหยาบกระด้างอยู่บ้าง จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ ใช้พัดพัดให้อย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถามต่อว่า “ห้าคนแบ่งแปดสิบไม้ ทำไมท่านจึงได้ยี่สิบห้าไม้ คิดอย่างไรก็ไม่ถูกต้อง ท่านยังบอกว่าท่านได้น้อยที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่ยี่สิบห้าจะเป็นจำนวนที่น้อยที่สุด”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างอู้อี้ว่า “เทียบกับแปดสิบไม้ นับว่าข้าได้รับน้อยแล้ว”
ภายใต้การถามของหยวนชิงหลิง จึงได้พูดออกมาว่าถูกโสวฝู่ฉู่เล่นงานเข้าแล้ว
หยวนชิงหลิงเกิดอาการร้องไห้ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ
เรื่องนี้ ไม่มีที่ให้อธิบายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นโสวฝู่ฉู่หรือฮ่องเต้ นิ้วเดียวของพวกเขาก็สามารถกดพวกเขาให้ตายได้
ความซวยนี้ อยากรับก็รับ ไม่อยากรับก็ต้องรับอยู่ดี
ทหารรักษาพระองค์รู้ว่าหยวนชิงหลิงกลับมา จึงเข้ามาบอกกับหยวนชิงหลิงว่าเยี่ยมได้ชั่วครู่แล้วต้องกลับไป จะละเมิดพระบัญชาไม่ได้
หยวนชิงหลิงกำลังโกรธเป็นอย่างยิ่ง พอได้ยินคำพูดนี้ ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “เจ้าไปรายงานฮ่องเต้ ให้เขาตัดหัวข้าเลยจะดีกว่า ผู้ชายของข้าถูกโบยจนไม่เหลือเค้าความเป็นคนแล้ว ยังไม่อนุญาตให้ข้ามาเยี่ยมมาเฝ้า”
แม้แต่ฝันนางยังไม่กล้าคิด ว่านางจะมีวันที่ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้
นางนั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปกับเตียงอรหันต์ ปล่อยเสียงร้องไห้โฮอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
การร้องไห้นี้ ทำเอาทหารรักษาพระองค์ตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบถอยออกไปทันที เรียกตัวทังหยางเข้าไปพูดว่า พวกเขาสองคนไม่สนใจแล้ว พระชายาจะอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ไป
ตั้งแต่หยู่เหวินเห้าคืนดีกับนางแล้ว ไม่เคยเห็นนางราวกับอกจะแตกตายได้ขนาดนี้มาก่อน ชั่วขณะก็รู้สึกไม่เป็นสุขขึ้นมา อยากจะลุกขึ้นมาโอบกอดนางเอาไว้ สองมือสามารถพยุงร่างขึ้นมาได้ แต่สองขากลับไม่กล้าเคลื่อนไหวจริงๆ พอขยับก็เจ็บปวดไปถึงหัวใจ
หยวนชิงหลิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็เช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้ามา
หยู่เหวินเห้าคว้ามือของนางเอาไว้ ถอนหายใจพูดว่า “อย่าทำอย่างนี้ ข้าเห็นแล้วปวดใจ”
หยวนชิงหลิงทั้งโมโหทั้งเจ็บปวดใจเอ่ยขึ้นว่า “ก็ไม่รู้ว่าใครสงสารใครกันแน่ ห่างจากครั้งที่แล้วแค่ไม่กี่วัน นี่บาดแผลเก่ายังไม่ทันได้หายดี ก็มีบาดแผลใหม่เพิ่มมาแล้ว ใช่จงใจหาเรื่องท่านหรือไม่ ถ้าหากเพราะคุณหนูฮู่คนนั้น ท่านก็แต่งกับนางซะเถอะ ย่อมดีกว่าถูกคนอื่นคอยห่วงกังวลอยู่เช่นนี้ทุกคืนวัน ข้าจะคลอดลูกออกมา โยนคืนให้ราชวงศ์ ข้าจะจากไปตัวคนเดียว”
หยู่เหวินเห้าเอามือของนางมาแนบไว้ที่ใบหน้า เอ่ยอย่างตกใจเจ็บปวดและร้อนรุ่มว่า “อย่าพูดเหลวไหล ข้าจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ก็แค่ความเจ็บปวดทางกายเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าหากถูกโบยแล้วสามารถให้เจ้ากลับมาได้ ข้ายังสามารถรับได้อีกยี่สิบห้าไม้ ”
หยวนชิงหลิงมองเขา ค่อยๆก้มเอวลงกอดที่ศีรษะของเขาเอาไว้ ถอนหายใจพูดว่า “จะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ครั้งนี้ก็ถือซะว่าได้ชดใช้ให้กับทางด้านตระกูลหลอแล้วกัน ถ้าครั้งหน้ายังถูกโบยอีก ท่านต้องหนี พวกเราหนีไปด้วยกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าใต้ฟ้าและแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ จะไม่มีที่ให้พวกเราอยู่”
แม้ว่าคำพูดนี้จะดูเด็กมาก แต่หยวนชิงหลิงรู้สึกว่ากังวลใจมามากพอแล้วจริงๆ
นี่เรื่องแล้วเรื่องเล่า ใช้ชีวิตอยู่ดีๆได้ไม่กี่วัน ก็ต้องมาทรมานอย่างแสนสาหัส
การรื้อคดีของหลอกุ้ยผินในครั้งนี้ ทางด้านโสวฝู่ก็บอกแล้วว่าไม่ให้เขายุ่ง เดิมทีคิดแล้วว่าเรื่องนี้คงจะโยงมาไม่ถึงตัวเขา ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะได้ส่วนแบ่งกันถ้วนหน้า คนละหนึ่งส่วน เขาได้รับในส่วนที่ใหญ่ที่สุด
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่