บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 414 ไปประกาศข่าวดีในวัง
ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับแปลกใจ ขอชื่อเสียงให้กับครอบครัวของตนนั้นมีให้เห็นไม่น้อย แตกขอลาออกจากราชการให้กับพ่อ ไม่เคยมีให้เห็นเลย
แต่ก็ดี เจ้าพระยาจิ้งเฒ่าคนนั้นบอกว่าธรรมดายังเป็นการยกย่องเขา
หากไม่เห็นแก่บรรพบุรุษของเขา ของไล่เขาออกไปนานแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหัวพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวเช่นนี้ งั้นข้าจะเพิ่มตำแหน่งให้เขา…”
หยวนชิงหลิงรีบคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ฮ่องเต้ ขออย่าเพิ่มตำแหน่ง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หา? ทำไมหรือ?”
นี่ยังจะมีการปัดสิทธิประโยชน์อีกหรือ?
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างสนใจว่า “ฮ่องเต้ มีคนบางประเภทจะค่อนข้างไม่รู้จักประมาณตน หากให้เปลวไฟแก่เขาเพียงนิด แต่ในใจเขาจะกลายเป็นเปลวไฟ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้านี่ช่างเข้าใจพ่อของเจ้าจริงๆ”
“เพคะ”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น อย่างน่าอายยิ่งนัก
“งั้นก็แบบนี้ก่อน พวกเจ้าไปถวายพระพรไท่ซ่างหวงก่อนเถอะ ไปบอกข่าวดีไท่ซ่างหวง แล้วค่อยไปหาไทเฮา ยังไงไทเฮาก็ต้องได้ร้องไห้แน่”ฮ่องเต้หมิงหยวนไล่พวกเขาไป
ทั้งสองคนทูลลาออกไป
เพิ่งออกจากห้องทรงพระอักษร ได้ยินแต่เสียงหัวเราะอย่างกับปีศาจที่ถูกระงับไว้นาน
เสียงหัวเราะอย่างสุดเสียงนั่น หยวนชิงหลิงตกใจจนเท้าสะดุดเดินโซเซ เกือบล้มลงพื้น
นางมองดูหยู่เหวินเห้าอย่างตกตะลึง พร้อมถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เสด็จกำลังหัวเราะอยู่หรือ?”
หยู่เหวินเห้าเหมือนไม่แปลกใจเลยสักนิด และพูดขึ้นว่า “นอกจากเขา ยังจะมีใครกล้าหัวเราะอยู่ในห้องทรงพระอักษรได้อย่างลำพองขนาดนี้”
“หัวเราะอะไรหรือ?”หยวนชิงหลิงฟังเสียงหัวเราะนั้น แล้วก็กลัวจนใจเต้นรัว
“หัวเราะที่เขามีหลานสามคน”หยู่เหวินเห้าประคองเขาเดินลงบันได พร้อมพูดขึ้น
ในใจหยวนชิงหลิงเหมือนมีหนูนับพันวิ่งผ่านอย่างบ้าคลั่ง
มาถึงพระตำหนักฉินคุน ทางด้านไท่ซ่างหวงมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างสงบกว่า
เขาดูดสูบบุหรี่อยู่คำหนึ่งก่อน แล้วยื่นท่อบุหรี่ให้กับฉางกงกงเอาออกไปแล้วก็เปิดประตูใหญ่ไว้ เพื่อให้ลมพัดเอากลิ่นบุหรี่ออกไป แล้วค่อยเงยหน้าขึ้น แล้วก็กะพริบยกเปลือกตาสามชั้น มองดูหยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นว่า “สามคน? งั้นก็ดี ความทุกข์ยากที่คนอื่นเขาต้องทนทุกข์หลายปี เจ้าล้วนผ่านไปได้ในปีเดียว ต่อไปก็จะมีชีวิตที่สงบสุข”
หยวนชิงหลิงมีคำถามหนึ่ง ที่จะไม่ถามไม่ได้ จึงถามขึ้นว่า “ตอนนั้นที่ท่านประทานให้หยกสามลูกแก่ข้า… ความหมายคืออะไรกันแน่?”
“ประทานให้ไง ของขวัญที่ข้าประทานให้เจ้า มีเพียงแค่หยกสามลูกหรือ?”
“ท่านคงไม่ได้รู้แต่แรกว่าข้าจะตั้งครรภ์เป็นแฝดสามใช่ไหม?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ไท่ซ่างหวงเองก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ามีชีวิตอยู่ได้นานหน่อย พวกเจ้าก็เลยเห็นข้าเป็นเทพเทวดาแล้วหรือ?”
“ดัวนั้น นี่เป็นความบังเอิญที่งดงามหรือ?”
ไท่ซ่างหวงดื่มชาอยู่อย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นอย่างมีความสุขว่า “สำคัญหรือ?”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิด ที่จริงก็ไม่สำคัญ
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้ามีเพียงหน้าที่เดียว ก็คือรักษาครรภ์ไว้ให้ดี จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้”
หยวนชิงหลิงไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนตอนเพิ่งตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้ความคิดทั้งหมดของนางล้วนมีแต่ลูก จึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะคอยระมัดระวัง”
อยู่คุยในพระตำหนักฉินคุนสักพัก แล้วก็ไปหาไทเฮา
เสียนเฟยก็อยู่พอดี
หลังจากตั้งแต่ฮ่องเต้แต่งตั้งฮู่เฟย ในใจเสียนเฟยก็ไม่มีความสุข มักจะมาหาที่ปลอบใจกับไทเฮาบ่อยๆ
ไทเฮาเป็นท่านน้าของนาง บางครั้งก็เอ็นดู บางครั้งก็ต่อว่าตักเตือนอย่างจริงจัง
ตอนเพิ่งมาสองวันแรก ไทเฮายังทนฟังคำบ่นของนาง แต่เมื่อมาบ่อยครั้ง พูดจนน่าเบื่อ ไทเฮาจึงต่อว่านางใจแคบ
ตอนที่หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมา เสียนเฟยที่เพิ่งถูกด่า เห็นลูกชายกับลูกสะใภ้มา ก็ระบายความโกรธใส่หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้า
“เพราะพวกเจ้า คุณทำอะไรลงไป? หากยอมแต่งงานกับฮู่ก่วงถิงก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้วังหลังสงบสุข ตั้งแต่ฮู่ก่วงถิงคนนั้นเข้าวังมา ก็ไม่รู้ว่าจะสร้างเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเจ้าช่างไม่รู้อะไร จะต้องหาเรื่องมาให้ข้า”
หยู่เหวินเห้าฟังคำพูดพวกนี้แล้ว คิดว่าจะให้ท่านแม่พูดตามใจต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านแม่ อย่าพูดเช่นนี้อีก ตอนนี้ฮู่เฟยมีสถานะที่แน่นอนแล้ว เป็นคนของเสด็จพ่อ ท่านพูดเช่นนี้อีก จะไม่เป็นการทำให้ลูกมีความผิดหรือ?”
เสียนเฟยรู้ว่าที่พูดไปไม่เหมาะสม แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีคนนอก
พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้แม่จะพูดอะไรเจ้าบ้างก็ไม่ได้แล้วหรือ? หาชายารองให้เจ้า ก็เพราะคิดเผื่อเจ้า มีชินอ๋องคนไหนที่เฝ้าแต่ชายาเอกคนเดียว? แม้แต่พระชายาซุน ยังรู้จักหาชายารองให้กับอ๋องซุน เจ้าล่ะ? ภรรยาตั้งครรภ์แล้ว ยังไม่รู้จักหาใครสักคนกลับไป อย่างน้อยก็จะได้ช่วยดูแลเรื่องงานภายในจวน”
“เรื่องงานภายในจวน ทังหยางสามารถดูแลได้”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“ยังไงทังหยางก็เป็นขุนนางในจวน ไม่ใช่เจ้านาย เจ้าจะไปคาดหวังในตัวทังหยางได้อย่างไร?” เสียนเฟยโมโหจนหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมตอนนี้แค่หาชายารองให้กับเจ้า อย่างกับเป็นการทำร้ายเจ้าอย่างนั้น? หากเจ้าป่วยเป็นอะไร ก็หาหมอหลวงรักษา เฝ้าพระชายาเอกอยู่คนเดียว แล้วจะสามารถเจริญหรือ? คนข้างนอกต่างก็พูดว่าเจ้ารักเดียวใจเดียว?”
ไทเฮาไม่ได้ตำหนิคำพูดพวกนี้ของเสียนเฟย ความจริงแล้ว นางก็เห็นว่า หยู่เหวินเห้าควรที่จะมีชายารองคนสองคน
รักใคร่หยวนชิงหลิงคนเดียว จวนเจ้าพระยาจิ้งก็ไม่มีอะไรให้ได้พึ่งพาแล้ว
ดูพระชายาจี้ ทางครอบครัวล้วนมีอำนาจมีตำแหน่งสูง
ส่วนอ๋องฉี อ๋องซุน อ๋องอาน ชายาเอกหรือชายารองของพวกเขา ล้วนเป็นตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวง ต่อไปสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้
ไทเฮาคิดว่าหยวนชิงหลิงก็ดี แต่เสียตรงที่ฐานะทางครอบครัวค่อนข้างธรรมดา ซึ่งความธรรมดานี้ ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้ประทานยกระดับตำแหน่งของเขา แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ครอบครัวชนชั้นสูง อำนาจของคนอื่นนั้นมีรากฐานที่มั่นคง
ส่วนรากฐานจวนเจ้าพระยาจิ้งนั้นธรรมดา แม้กระทั่งเหลือแต่ความว่างเปล่า แค่โดนคนอื่นตบทีเดียวก็สามารถจมหายไปได้แบบนั้น
ดังนั้น ไทเฮาฟังเสียนเฟยพูดแล้วก็ไม่ห้าม ควรที่จะปลูกฝังให้เขามีความคิดเช่นนี้ ดีที่สุดคือ ให้พระชายาอ๋องฉู่ได้ยินไปด้วย ต่อไปก็เป็นประโยชน์ต่อพระชายาอ๋องฉู่ด้วย
หลังมาหยู่เหวินเห้าก็ไม่เถียงแล้ว รอให้เสียนเฟยพูดระบายออกมาจนหมด แล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าไม่กล้ามีชายารองอะไรหรอก หากได้กุลสตรีที่ดีมากก็ยังดี ถ้าได้คนที่ดื้อเอาแต่ใจมา สร้างความเดือดร้อนทั้งวัน จะส่งผลกระทบรบกวนเจ้าหยวนตั้งครรภ์ ยังไง แฝดสามก็เห็นได้น้อย ตกที่นั่งน่าสงสารหรือถูกใครกล่าวว่าบางคำ ล้วนเป็นการส่งผลกระทบอย่างรุนแรง”
ไทเฮาฟังประโยคนี้แล้ว ก็ตกใจจนลุกขึ้นยืนขึ้นมา สายตามองไปที่ท้องหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไร? สาม? โอ้สวรรค์ โอ้พระเจ้า นี่เป็นบุญวาสนาขนาดไหน?”
นางพูดจาจนไม่คล่องแล้ว ริมฝีปากสั่นไหว ยื่นมือคว้าจับไหล่หยวนชิงหลิง มองบนมองล่างอย่างตั้งใจ พร้อมถามขึ้นอย่างทะนุถนอมว่า “แฝดสามจริงหรือ?”
“สาม”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
ไทเฮาแทบจะเป็นลม พึมพำพูดขึ้นว่า “พระเจ้า บรรพบุรุษปกปักรักษา”
หยู่เหวินเห้าประคองนางนั่งลง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จย่า ท่านช่างเข้มแข็งนัก ตอนที่หลานรู้เรื่อง หลานเป็นลมไปเลย”
ไทเฮาหัวเราะพร้อมกับตีเขาหนึ่งที แล้วก็มองดูเสียนเฟย เสียนเฟยนิ่งอึ้งไปทั้งตัว ใบหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง อดทนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดออกมาว่า “นั่นอันตรายขนาดไหน? จะมีชีวิตรอดไหม?”
ไทเฮาฟังประโยคนี้แล้ว แทบจะฟาดตบลงไปหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหุบปาก พูดจาอะไรกัน? ยิ่งอยู่ก็ยิ่งลำพองแล้วใช่ไหม? เรื่องแย่ๆของเจ้า มาพูดพร่ำอยู่ทุกวัน เจ้าไม่เบื่อข้ายังเบื่อ ต่อไปหากข้าได้ยินคำพูดไม่ดีออกมาจากปากของเจ้าอีก ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”