บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 436 เจ้ากลัวข้ามากหรือ
ตอนที่หยู่เหวินเห้ารับคำสั่งหันตัวเดินออกไป ในใจคิดเพียงอย่างเดียว หากเป็นเจ้าสี่ งั้นการกระทำในครั้งนี้จะต้องวางแผนมาอย่างเนิ่นนานแล้ว
รอเขากลับมายังกรมการพระนครแล้วค่อยลงมือ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
ฆ่าเจ้าเจ็ด ใส่ร้ายพี่ใหญ่ สุดท้ายเขาที่เป็นเจ้ากรมการพระนคร เพราะจับตัวฆาตกรไม่ได้แล้วถูกโดนไล่ออกจากตำแหน่งอีกครั้ง
เป็นแผนการที่ดีมาก
ที่จริงหยู่เหวินเห้าแอบจับตาดูป้องกันเขาไว้แต่แรกแล้ว แต่เขาก็ไม่มีวิธีที่จะจับตัวเขาได้จริงๆ
ตอนนี้เขารวบรวมพรรคพวกไว้แล้วมากมาย แต่สถานการณ์ของเจ้าหยวนเด่นชัดเกินไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ล้วนมีคนจับตาดูอยู่ เพียงก้าวพลาดไปหนึ่งก้าว หรือจวนอ๋องฉู่มีอะไรผิดปกติ เสด็จพ่อก็จะรีบตามเขาไปทันที
เสด็จพ่อ ท่านจะรู้ไหม ความสนใจของท่าน ที่จริงเป็นการปราบปรามข้า? ปราบปรามจนตอนนี้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพที่ถูกกระทำเท่านั้น
ปราบปรามขึ้นขี่ม้าอย่างเหนื่อยล้า คิดถึงตั้งแต่เจ้าหยวนถูกลอบทำร้ายจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้คุยกับนางเลยสักคำ
เจ้าหยวนขี้กลัว ครั้งนี้คงตกใจแย่แล้วมั้ง?
หยู่เหวินเห้าดวงตาแดงก่ำ ไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน
จวนอ๋องอาน
ภายในห้องหนังสือเผาเครื่องหอม ในกระถางธูปไหลทองกลวง ควันสีขาวฟุ้งกระจาย
กลิ่นหอมไม้กฤษณา กลิ่นฟุ้งไปทั่วทุกมุมห้องหนังสือ
อะหลูบดผงไม้กฤษณาให้ละเอียด นิ้วมือของนางขาวดั่งต้นหอม นุ่มนวลละมุนละไม ท่าทีก็งดงามอย่างมาก
ดวงตาของนาง มองดูผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะอย่างเฉยเมย อ๋องอานหลับตา สูดกลิ่นหอมที่ฟุ้งอยู่อากาศ สีหน้ามึนเมา
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้….” อะหลูถามด้วยเสียงเบา นำผงที่บดเสร็จแล้วใส่ลงไปในกระถางธูป พร้อมพูดขึ้นว่า “ปักชื่อของพระชายาฉู่ไว้”
อ๋องอานลืมตาขึ้นในทันใด มองดูอะหลูอย่างชั่วร้ายแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? หึงหรือ?”
อะหลูหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไร? อะหลูจำสถานะของตนเองได้ดี เพียงแค่แปลกใจ ผ้าเช็ดหน้าของพระชายาฉู่ ทำไมถึงอยู่ในมือของท่านได้”
“ข้าขโมยมา” อ๋องอานหัวเราะเย้ย
“เพื่ออะไรล่ะ?” อะหลูเดินอ้อมไปด้านหลังของเขา ช่วยนวดขมับให้กับเขา
อ๋องอานดึงมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อะหลู ข้าถามเจ้า หากเจ้าถูกคนอื่นลวนลาม เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?”
“ขยะแขยง โกรธโมโห” อะหลูขมวดคิ้วพูดขึ้น
“จะบอกข้าไหม?”
อะหลูพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “บอก อะหลูทำงานให้กับท่านอ๋อง หากถูกรังแก ยังไงก็ต้องบอกท่านอ๋อง”
อ๋องอานหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย คว้าจับข้อมือของนางแล้วดึงมาข้างกาย จูบตรงริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “หากอะหลูของข้าถูกรังแก ข้าจะต้องปลิดชีวิตคนชั่วคนนั้นทิ้งแน่”
อะหลูยิ้มแย้ม ดวงตาฉายแววอ่อนหวาน พร้อมพูดขึ้นว่า “เกี่ยวอะไรกับผ้าเช็ดหน้าผืนนี้?”
อ๋องอานยื่นมือไปแตะริมฝีปากปากของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเพียงรอเจ้าห้ามาหาถึงที่ เจ้าห้าเป็นคนใจร้อน และเป็นคนที่รักเมียมาก ยังถูกเสด็จพ่อดุด่าเพราะจับคนร้ายไม่ได้ จะต้องมาหาเรื่องถึงที่แน่”
แววตาของเขาค่อยๆเยือกเย็น หางตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะถีบเขาจมดิ่งลงไป ให้เขาไม่มีโอกาสได้กลับลุกขึ้นมาอีก”
อะหลูค่อยเข้าใจ ยิ้มอย่างลึกซึ้งพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง มีความสามารถที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทได้อยู่แล้ว นอกจากอ๋องฉีอ๋องจี้ ก็มีแต่อ๋องฉู่ หากแม้แต่อ๋องฉู่ก็ถูกเขี่ยทิ้ง ก็จะไม่มีอะไรมาต้านทานท่านได้อีกแล้ว”
อ๋องอานหัวเราะลั่น
จากนั้น เขาเชยปลายคางอะหลู พูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “เจ้าคิดว่า หากเจ้าห้ามาหาเรื่องถึงที่ ข้าควรทำอย่างไรที่จะกระตุ้นให้เขายิ่งโกรธโมโห?”
อะหลูครุ่นคิดสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ในเมื่อต้องการที่จะกระตุ้นให้เขาโมโหอย่างที่สุด ทำไม ไม่ทำอะไรอีกบ้าง?”
อะหลูขยับเข้าไปกระซิบข้างหูของเขา อ๋องอานได้ฟัง แล้วก็ดีใจอย่างมาก พูดชื่นชมขึ้นว่า “พูดมีเหตุผล”
เรือนอ๋องฉี
เมื่อถึงช่วงบ่าย อาการอ๋องฉีค่อยดีขึ้น
จังหวะการเต้นของหัวใจ ความดัน ถึงแม้จะยังไม่อยู่ในระดับปกติ แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้า ก็ถือว่าดีขึ้นอย่างมากแล้ว
หยวนชิงหลิงอยากกลับจวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่นมสี่จึงสั่งคนไปเตรียมรถม้า
รถม้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่นมสี่ประคองหยวนชิงหลิงขึ้นรถม้า จากนั้นก็กลับไปประคองหมันเอ๋อ
กลับคาดไม่ถึง หยวนชิงหลิงกำลังขึ้นไปบนรถม้า ล้อรถม้าก็หลุดวิ่งออกไป
รถม้าต่ำลงกะทันหัน แล้วก็เอียงข้าง พวกองครักษ์ต่างก็ตกใจแทบแย่
ดีที่หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้ล้ม เพียงแต่หัวกระแทกตรงคันของรถม้าหนึ่งที ไม่ค่อยเจ็บ
แม่นมสี่จึงต้องประคองนางลงมาจากรถม้า พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “บ่าวใช้จวนอ๋องฉีพวกนี้ ทำงานกันยังไง? รถม้าเสียแล้วก็ไม่ซ่อม”
“ช่างเถอะ ดูสิว่ามีรถม้าคันอื่นสามารถใช้ได้ไหม” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเกิดเรื่องติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในใจไม่เป็นสุขอย่างมาก จึงคิดอยากที่จะกลับจวนไปโดยเร็ว
องครักษ์เข้าไปถามเรื่องความเป็นไปมา บอกว่าในจวนอ๋องมีรถม้าเพียงสองคัน อีกคันหนึ่งได้ไปทำธุระแล้ว
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็รอก่อนเถอะ”
นี่ก็เพิ่งกำลังจะกลับไป ก็เห็นรถม้าจวนอ๋องอานเข้าซอยมาหยุดตรงหน้า
อ๋องอานลงมาจากรถม้า มองเห็นล้อรถม้าที่หลุดออกไป ก็อึ้งไป พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายาฉู่กำลังจะกลับจวนหรือ?”
หยวนชิงหลิงเคยเห็นท่าทีขยะแขยงของเขา แล้วก็เห็นเขาสุภาพอ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้รู้สึกอคติมาก
แต่เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่อยากให้คนอื่นเห็นถึงความผิดปกติ จึงพูดขึ้นว่า “ใช่”
อ๋องอานยิ้มพูดขึ้นว่า “รถม้านี้ขยับไม่ได้แล้ว เอาแบบนี้ไหม ข้าให้เจ้ายืมรถม้า”
แม่นมสี่กำลังกลุ้มใจที่หารถม้าไม่ได้ เมื่อได้ยินอ๋องอานพูดเช่นนี้ ก็รีบเอ่ยขอบคุณ หยวนชิงหลิงห้ามไม่ทันด้วยซ้ำ
อ๋องอานพูดขึ้นว่า “สองวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เอาแบบนี้ ข้าคุ้มกันส่งพระชายาฉู่กลับจวน”
“ไม่เป็นไร ข้ารอเจ้าห้ากลับมาดีกว่า” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
อ๋องอานก็ไม่บังคับ เพียงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี เราเข้าไปด้วยกัน พอดีข้ามีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำจากพระชายาฉู่”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้าพร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ไม่รู้ว่าเจ้าห้าจะกลับมาเมื่อไหร่ ข้าไม่รอเขาแล้ว ในเมื่อพี่สี่ยอมให้ข้ายืมรถม้า ข้าก็ขอขอบคุณ เพียงแต่พี่สี่ไม่ต้องไปส่ง ข้ามีองครักษ์”
นางจับเอวไว้ เก้ายาวๆไปยังรถม้า แม่นมสี่ประคองนางขึ้นไป แล้วพูดขึ้นว่า “ท่านนั่งรอสักครู่ ข้าเข้าไปประคองหมันเอ๋อมา”
นางพูดสั่งองครักษ์กับคนขับรถม้า ว่าให้ดูแลให้ดี หากเห็นคนที่น่าสงสัยเดินเข้ามาในซอยต้องคอยระวัง
แม่นมสี่เพิ่งเข้าไป อ๋องอานก็ขึ้นมาบนรถม้า พูดกับองครักษ์ของหยวนชิงหลิงว่า “พวกเจ้าวิ่งตามมา ข้าจะส่งพระชายากลับไปด้วยตนเอง”
พูดเสร็จ เขาจับแส้ไล่ม้าด้วยตนเอง แล้วค่อยยื่นบังเหียนกลับคืนให้กับคนขับรถม้า
องครักษ์ต่างก็นิ่งอึ้งตะลึง คนยังไม่ครบเลย
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างใน รถมาขยับเคลื่อนไหวกะทันหัน อ๋องอานก็เปิดม่านเข้ามานั่ง นางจึงระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที
“ท่านอ๋อง หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน จะกลายเป็นที่ติฉินนินทาได้ ท่านไม่ควรที่จะมานั่งในนี้” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงโกรธเล็กน้อย
อ๋องอานหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร คนขับรถม้าเป็นคนของข้า ส่วนองครักษ์ของเจ้า ล้วนวิ่งอยู่ด้านหลัง มองไม่เห็นว่าข้าเข้ามา ยังคงคิดว่าข้านั่งขับรถอยู่ด้านนอก”
เขาพูดพร้อมกับนั่งลงตรงด้านข้างหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงรีบยื่นมือไปดึงผ้าม่าน พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “หยุดรถ หยุดรถ”
เสียงรถม้าดังสนั่น และมีเสียงลมพัด บวกกับเสียงตะโกนของคนขับรถม้า องครักษ์ที่วิ่งตามอยู่ด้านหลัง จะได้ยินเสียงเรียกของหยวนชิงหลิงเสียที่ไหน?
อ๋องอานมองหยวนชิงหลิงโกรธจนหน้าแดงอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับหัวเราะขึ้นมา เอียงหัวไปถามว่า “เจ้ากลัวข้ามากหรือ?”