บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 439 หญิงปากร้าย
การพูดคุยกันในหมู่ประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตอนกลางคืนภายในเมืองหลวงถึงแม้จะถูกห้ามไม่ให้ออกนอกสถานที่ แต่เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในร้านอาหารร้านน้ำชาก็พูดกันขึ้นมาอีก
อีกอย่างยิ่งถูกก็ยิ่งเป็นไปในทางที่ยิ่งแย่ อ๋องอานไม่เพียงโหดเหี้ยม เด็ดชีวิตอย่างทารุณ ชีวิตส่วนตัวยังวุ่นวาย เขากับนักวางแผนในจวนอะหลู ก็มีความสัมพันธ์กันอย่างไม่ชัดเจน และยังมีคนมากมายออกมาพูดว่า เคยเห็นอ๋องอานจ้องมองผู้หญิงหน้าตาสวย จ้องมองดูจนคนอื่นร้องไห้ถึงจะพอใจ
อีกอย่าง ยังพูดว่าอ๋องอานมีความชอบ เสพติดในบางอย่าง ชอบดมชุดชั้นในหรือผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงเป็นต้น ใช้ให้คนไปเอาสิ่งของพวกนี้มา
ความเป็นผู้มีปัญญาสั่งสมมานานหลายปีของอ๋องอาน มลายหายไปจนหมดสิ้น
คำพูดพวกนี้ ก็เป็นที่ล่วงรู้มาถึงจวนอ๋องอาน
เมื่อวานอ๋องอานถูกหยวนชิงหลิงกระทืบนั้น เจ็บปวดเหลือล้นสำหรับเขา ใช้น้ำแข็งประคบแก้ปวดในฤดูหนาว และบรรเทาปวดแสบปวดร้อนในดวงตา ไม่เอาไหนจริงๆ
เช้ารุ่งวันนี้ คนที่อะหลูส่งออกไปกลับมาแจ้งข่าวที่ลือกันข้างนอก อะหลูรีบร้อนไปรายงานอ๋องอาน
อ๋องอานหัวเราะอย่างเหี้ยมโหด พร้อมพูดขึ้นว่า “อะหลู ข้าดูถูกหยวนชิงหลิงผู้หญิงตัวน้อยคนนี้มากไปแล้ว นางดูอ่อนแอ แต่ไม่หวาดกลัวใดๆ เมื่อวานที่อยู่บนรถม้า ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนต่างก็จะต้องอกสั่นขวัญหาย แต่นางกลับยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้ ลงจากรถม้าไปได้อย่างปลอดภัย เจ้าคิดหาวิธี ข้าจะเอาคืนอย่างฟันต่อฟัน ใช้วิธีเดียวกันกับที่ถูกกระทำ”
“ท่านอ๋องท่านวางใจ ข้าจะคิดหาวิธีรับมือกับจวนอ๋องฉู่ แต่ว่าตอนนี้ ท่านหลบไปก่อนเถอะ วันนี้อ๋องฉู่จะต้องมาเอาเรื่องอย่างแน่นอน ตอนนี้ด้านนอกพูดกันอย่างย่ำแย่ แผนที่วางไว้เมื่อวานใช้ไม่ได้แล้ว ต่อให้อ๋องฉู่มาเอาเรื่อง ฮ่องเต้ก็จะไม่ลงโทษเขา กลับกัน บางทีฮ่องเต้อาจจะเบี่ยงเบนความสงสัยมาที่จวนอ๋องอาน”
อ๋องอานทั้งโกรธทั้งจนปัญญา
แผนการที่เขาใช้เยี่ยมยอดอย่างมาก เดิมก็คิดอยู่ว่าหากจวนอ๋องฉู่กลับมาเอาเรื่องเขา ก็ต้องใช้เล่ห์ เขาก็จะได้เตรียมการไว้
แต่ในเมื่อใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้ เขาจะได้ใช้วิธีเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แบบร้ายกลายเป็นดี แต่กลับได้ความรู้สึกเหมือนตีฝ้าย
ยศไม่เท่ากัน กลับเกือบถูกKO
หลายวันนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ต้องยุ่งกับงานการเมือง คำพูดของชาวบ้านเหล่านี้ เขารู้มาจากฉางกงกง
ส่วนกองทหารรักษาพระองค์ก็กลับมารายงาน สถานการณ์ของจวนอ๋องฉู่ว่า พระชายาฉู่ไม่สบาย แม่นมสี่ก่นด่าต่างๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนโยนแท่นฝนหมึก หลังจากโยนจนเก้าอี้พังไปหนึ่งตัว คนทั้งคนค่อยนิ่งสงบลงมาก พร้อมพูดสั่งว่า “เขียนราชโองการให้กู้ซือพาคนไปเฝ้าจวนอ๋องอาน เจ้าห้าหมาบ้าคนนี้ วันนี้จะต้องไปแว้งกัดทางนั้นแน่”
“ให้ใต้เท้ากู้ห้ามหรือ?” ฉางกงกงถาม
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงียบสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “บอกเขาว่าอย่าเกินเหตุ”
ฉางกงกงนิ่งอึ้งไป พร้อมลองถามขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ท่านเชื่อคำพูดที่ด้านนอกพูดกันอย่างนั้นหรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะเยาะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข่าวลือ จะเชื่อได้อย่างไร?”
“งั้น……” ฉางกงกงไม่เข้าใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจ ยกสายตาเศร้าโศกของพ่อเฒ่าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาฉู่ทำให้ไม่สบายใจจริงๆ แต่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการทำเพื่อความยุติธรรม ซื่อตรงมีเมตตา ไม่ชำนาญการวางแผนด้วยเล่ห์กล ตอนนี้ยิ่งให้ความสำคัญกับการตั้งครรภ์ เวลาแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้าสี่กระทำเกินกว่าเหตุ นางจะทำถึงขนาดนี้หรือ? เจ้าสี่คิดอยากที่จะหลบซ่อนทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น? เกรงว่าคนที่เสียเปรียบคงจะไม่ยอม อยากที่จะอาศัยเรื่องนี้เพื่อข่มเจ้าห้า ความฉลาดกลับถูกคนฉลาดทำร้าย พระชายาฉู่รู้นิสัยของเจ้าห้าดี จึงสร้างเรื่องข่าวลือให้กระจายในสาธารณะ ก็เพื่อหาข้ออ้างให้เจ้าห้าได้ไปทำร้ายเขา ข้ายังไม่สามารถที่จะลงโทษเจ้าห้าเพียงคนเดียวเพราะเรื่องนี้ ขี้งกจริงๆนะ เจ้าจะดูถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะเป็นแม่ไม่ได้ โดยเฉพาะแม่คนหนึ่งที่ถือไม้ตีหมาไว้ในมือ คราวนี้นางจะยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์กับเจ้าสี่”
ฉางกงกงเข้าใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง”
“ไปตามกู้ซือเถอะ อีกอย่าง วันนี้ข้าจะอยู่ที่พระตำหนักฉินคุน มีธุระอะไร ไปหาข้าที่พระตำหนักฉินคุน” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้น
“ฮ่องเต้ ไท่ซ่างหวงสุขภาพค่อนข้างแย่ ท่านยังจะไปทั้งวันหรือ?”
ในใจฉางกงกงบ่นว่า ไท่ซ่างหวงไม่อยากที่จะอยู่กับฮ่องเต้ทั้งวัน วันนี้เป็นวันที่เซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่เข้าวังมาเจอกันสามคน
ฮ่องเต้หมิงหยวนยกเปลือกตาขึ้น พร้อมพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ข้ายังมีที่หลบอีกหรือ? เจ้าพูดว่าครรภ์พระชายาฉู่ไม่สู้ดี? หากเจ้าห้าไปจวนอ๋องอาน นางก็จะต้องเข้าวังมาเดือดร้อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ สองสามีภรรยานี้กระทำการสิ่งเดียวกัน ข้าจะรับมือกับคนท้องคนเดียวไม่ได้ หญิงปากร้าย ตีไม่ได้ ด่าไม่ได้ นางเป็นถึงคนโปรดของไท่ซ่างหวง ให้ไท่ซ่างหวงไปรับมือเหมาะสมที่สุด”
ฉางกงกงแอบยกนิ้วโป้งให้
วันนี้หยู่เหวินเห้าออกจากจวน พาเพียงสวีอีไปด้วย และตอนที่ออกไปก็ได้สั่งสวีอีไว้ว่า “เอาความเป็นนักเลงในเวลาปกติของเจ้าออกมา หลังจากไปถึงจวนอ๋องอาน เจ้าลงมือก่อน เห็นอะไรก็ทำลายสิ่งนั้น หากทำไม่เป็นให้ไปเรียนรู้กับตอเป่า”
“แล้วทำไมไม่พาตอเป่าไปด้วย?” สวีอีถามกลับ
หยู่เหวินเห้าเงียบ โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “พาตอเป่าไปด้วย”
คนสองคนกับหมาหนึ่งตัว มุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องอานอย่างทรงพลัง
อ๋องอานไม่ได้หลบซ่อน ที่จริงก็หลบไปไหนไม่ได้
หยู่เหวินเห้าก็เหมือนหมาบ้าตัวหนึ่ง วันนี้เขาไม่ได้กัด พรุ่งนี้ก็ต้องมากัด พรุ่งนี้ไม่ได้กัด วันต่อๆไปก็อย่าคิดที่จะได้อยู่อย่างสงบ
กู้ซือมาถึงก่อน อ๋องอานเห็นกู้ซือมา ในใจยิ่งกระวนกระวาย แสดงว่าเสด็จก็รู้เรื่องแล้ว
และหากเสด็จพ่ออยากที่จะห้ามเจ้าห้า งั้นมีราชโองการเรียกเจ้าห้าเขาวังไปก็จบ แต่เขาส่งกู้ซือมา กู้ซือยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับเจ้าห้า
ในใจอ๋องอาน เยือกเย็นลงในทันใด
ในใจยิ่งเสียใจไม่ควรที่จะลงมือกับหยวนชิงหลิงในตอนนี้ เดิมเขาก็ชนะแล้ว เรื่องราวทั้งหมด ไม่มีร่องรอยที่จะสามารถดึงเขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิด
คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายอยากที่จะเหยียบหยู่เหวินเห้าให้ตาย แต่เขาพลาดไปแล้ว ตอนเองตกเข้าไปอยู่ในบ่วงแล้ว
หยู่เหวินเห้ามาถึงจวนอ๋องอาน ไม่พูดอะไรสักคำ พังประตูเข้าไปทันที
หนึ่งในของขวัญที่ฮู่ก่วงถิงมอบให้กับพวกเด็กๆ มีค้อนดาวตกหนึ่งอัน เขาเอามาด้วย อันนี้ใช้ตีคนดูค่อนข้างงุ่มง่าม พังประตูได้เป็นอย่างดี
กู้ซือดูเขามีคนเยอะกว่าเท่านั้น ตอนเองพากองทหารรักษาพระองค์มาสิบกว่าคน กลับรั้งไว้ไม่ไหว มองดูหยู่เหวินเห้าพาสวีอีกับตอเป่าพังประตูเข้ามาต่อหน้าต่อตา
สวีอีเข้ามาแล้วก็พาตอเป่าทุบทำลายสิ่งของ อ๋องอานพาคนออกมา ตะโกนด่าขึ้นว่า “เจ้าห้า เจ้าอย่าทำเกินไป”
หางตาหยู่เหวินเห้าดั่งไฟแผดเผา ไม่พูดไม่จา เดินเข้าต่อยทันที
อ๋องอานฝึกฝีมือการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ท่านปู่คือแม่ทัพใหญ่ตี๋เว่ยหมิง ดังนั้นเขาจึงมีฝีมือในการต่อสู้อย่างมาก ภายในสามร้อยกระบวนท่า หยู่เหวินเห้าไม่สามารถที่จะเอาชนะได้
แต่วันนี้หยู่เหวินเห้าเหมือนดั่งหมาบ้าตัวหนึ่งจริงๆ ต่อสู้อย่างไม่เสียดายชีวิต อ๋องอานทำอะไรเขาไม่ได้ และก็ไม่กล้าทำให้เขาบาดเจ็บจริงๆ ถอยตลอดหลบตลอดและถูกต่อยตลอด เพียงร้อยกว่ากระบวนท่า อ๋องอานก็ล้มลงกับพื้นไปแล้วสามครั้ง
กู้ซือนั่งอยู่ด้านข้าง พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “อย่าตีกัน อย่าตีกัน เป็นพี่น้องกันมีอะไรไม่สามารถคุยกันดีๆหรือ?”
ทางด้านอะหลูที่ยืนอยู่ตรงหน้าระเบียงมองเห็นอ๋องอานถูกต่อยฝ่ายเดียว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แอบทำท่าทางมือ อยากเรียกเข้าไปช่วย
จู่ๆกู้ซือก็ตะโกนพูดขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้มีราชโองการ ใครกล้าเข้าไปยุ่งกับอ๋องทั้งสองเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กัน ฆ่าได้ทันที”
อะหลูเดินมาพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “ใต้เท้ากู้ ฮ่องเต้มีราชโองการเช่นนี้จริงๆหรือ?”
“ไม่เช่นนั้นข้าจะมาทำไม?” กู้ซือพูดขึ้นอย่างเย็นชา
อะหลูมองดูสวีอีกับตอเป่าด้วยสายตาเย็นชา ยื่นมือชี้พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้น สัตว์ของพวกเขาทำร้ายข้าวของจวนอ๋องอาน ฮ่องเต้มีราชโองการให้จับได้ไหม?”
กู้ซือมองดูแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นด้วยเฉียบคมว่า “สวีอี รีบสั่งให้ตอเป่าหยุด นี่พวกเจ้าจะถล่มจวนอ๋องอานหรือ?”
สวีอีกับตอเป่าต่างก็เชื่อฟังมาก ได้ยินโกรธของกู้ซือ ก็รีบหยุดแล้วมายืนด้านข้างกู้ซือ
“ใต้เท้ากู้ นี่เจ้าต่อหน้าก็ทำอย่างลับหลังก็ทำอีกอย่าง” อะหลูโกรธเคืองจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ
“แม่นางอะหลู ได้ยินมาว่า ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งของพระชายาฉู่ถูกเจ้าเอาไป ให้เอามาคืนด้วย” กู้ซือพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย