บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 459 ขัดขวาง
กู้ซือตั้งใจฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงอะไร
แต่ผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของอาซี่
อาซี่ร้องไห้แล้ว ก่อนหน้านี้นางพยายามสงบนิ่งเต็มที่ แต่อันที่จริงเส้นประสาทของนางมันตึงเครียดบีบรัดจนถึงขีดจำกัดแล้ว นางพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่เมื่อสามารถนำเด็กน้อยทั้งสองคนออกมาได้อย่างแข็งแรงปลอดภัย นางก็รู้สึกราวกับว่าหินก้อนใหญ่ที่มันกดทับอยู่ในหัวใจถูกย้ายออกไปได้เสียที เมื่อเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้าง ทั้งยังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาเป็นครั้งคราว นางก็อดใจไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมา
“อาซี่ ยังมีอีกคน!” ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงเข้ามาคว้ามือของนางหมับ “อย่าร้องไห้ รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า สวรรค์ สายสะดือพันรอบคอ ….”
หยวนชิงหลิงก็เห็นแล้วเช่นกัน แม้ว่ากระจกทองแดงจะไม่ได้ชัดมาก แต่ตอนที่อุ้มเด็กออกมา ก็เห็นว่าใบหน้าของเด็กเป็นสีม่วงเขียวคล้ำ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ไม่ ไม่…” หยวนชิงหลิงร้องไห้ ดวงตาเคลื่อนไหวไปตามมือของนางผดุงครรภ์ นางผดุงครรภ์พยายามตบเรียกอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าหนูน้อยกลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ เลย
ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงรีบเข้าไปทันที กดนวดที่บริเวณหัวใจเบา ๆ เป่าลมผายปอด แต่เด็กน้อยก็ยังคงนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
หัวของเขาเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย หันหน้าเข้าหาหยวนชิงหลิง สองตาปิดสนิท สภาพคล้ายกับไม่มีแม้เพียงครึ่งลมหายใจให้รับรู้
“ไม่…” หัวใจของหยวนชิงหลิงเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ นางร้องไห้ออกมาราวใจจะขาด “เจ้าห้า ไม่นะ รีบไปช่วยเขาเร็วเข้า!”
หยู่เหวินเห้าหน้าซีดเผือด เพิ่งจะหันหลังกลับไป ก็เห็นว่าทารกน้อยโบกมือขยับขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วส่งเสียงร้องไห้ดังอุแว้ ๆ ออกมา
หยู่เหวินเห้าแข้งขาอ่อนจนทรุดล้มลงกับพื้นไปตรง ๆ เลยทีเดียว
หัวใจของทุกคนเหมือนถูกเอาขึ้นไปแขวนไว้บนยอดเขาสูง จากนั้นจึงค่อยลดลงมาสู่พื้นได้อีกครั้ง
นางผดุงครรภ์พูดอย่างยินดีว่า: “ยินดีกับท่านอ๋องและพระชายาด้วยเพคะ เป็นเด็กผู้ชาย!”
หยู่เหวินเห้าใช้มือข้างหนึ่งเกาะที่ขอบเตียงเพื่อพยุงตัว แล้วปีนป่ายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก มุมปากเกร็งจนกระตุก กอดหยวนชิงหลิงแล้วพูดว่า “ลูกชายสามคน!”
รอยยิ้มซีดเซียวปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยวนชิงหลิง หัวค่อย ๆ เอียงออกไป ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงช้า ๆ
“สวรรค์!” จู่ ๆ ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงก็กรีดร้องจนเสียงหลง “เลือดไหลแล้ว สวรรค์ อาซี่ ผงห้ามเลือด”
หัวใจของหยู่เหวินเห้าจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งอย่างรวดเร็ว ทั้งมือทั้งเท้าอ่อนปวกเปียก เขาประคองใบหน้าของหยวนชิงหลิง ตบเบา ๆ พลางเรียกด้วยเสียงสะอื้น “หยวน! หยวน! ตื่นสิ! รีบตื่นเร็วเข้า!”
“ห้ามเลือด ถ่ายเลือด หาเจ้าอาวาส…” หยวนชิงหลิง ฝืนพูดออกมาสองสามประโยคด้วยความยากลำบาก
หยู่เหวินเห้าร้อนรนกระวนกระวายใจแทบแย่แล้ว “ได้ ไปหาเจ้าอาวาส ไปหาเจ้าอาวาส…”
เขารีบเปิดประตูออกไปอย่างมือเท้าสับสน สวีอีกลับมาแล้ว ทั้งยังกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้าออกมา เขาก็รีบพูดทันทีว่า “ท่านอ๋อง ท่านเจ้าอาวาสอยู่ในราชรถของฝ่าบาท กำลังมุ่งหน้าเข้าวังแล้ว ท่านโปรดรีบไปหยุดไว้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบหันหลังกลับ มองไปที่ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิง พูดจนเกือบจะเป็นการอ้อนวอนว่า: “ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ขอร้องท่านล่ะ ได้โปรดช่วยนางจนสุดความสามารถด้วยเถอะนะ”
ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงถือยาห้ามเลือดในมือ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง: “ท่านอ๋องวางใจเถอะ ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เมื่อหันหลังแววตาก็พลันเปลี่ยนไป ดูแหลกสลายจนใครเห็นก็ต้องรู้สึกสิ้นหวังเลยทีเดียว
เสียนเฟยรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าทันที ดึงตัวหยู่เหวินเห้าไว้แล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ? คลอดแล้วใช่หรือไม่?”
ดวงตาของหยู่เหวินเห้ามืดทะมึน เขาผลักนางออกไป “อย่าสร้างปัญหา!” พูดจบ ก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสวีอีวิ่งตามไปเตรียมม้า
พ่านย่วนกับหมอหลวงอีกสองคนได้ยินว่ามีเลือดออก จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปทันที
เมื่อแม่นมสี่ออกมา เสียนเฟยก็รีบหยุดนางไว้ทันที “คลอดแล้วหรือ?”
แม่นมสี่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองนางอย่างเคร่งขรึมเย็นชา “พระชายาคลอดเด็กผู้ชายสามคนเพคะ”
เสียนเฟยถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้า พูดด้วยความดีใจแทบคลั่งว่า: “ดี ดี ดี!”
“สถานการณ์ของพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง ?” แม่นมหูเอ่ยถาม
แม่นมสี่แทบจะหลั่งน้ำตา “ไม่ดีเลย กำลังช่วยกันอย่างเร่งด่วน”
นางรีบออกไป เรียกผู้ตรวจเลือดให้เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันใดนั้นในหัวของเสียนเฟย ก็ปรากฏความคิดบางอย่างแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ความเป็นไปที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะคิดได้ คือการให้หยวนชิงหลิงตายไปเสียในระหว่างคลอด
“ข้าจะเข้าไป” เสียนเฟยพูดกับกู้ซือ เผยสายตาเป็นกังวล “พระชายาเหนื่อยยากลำบากขนาดนี้ อีกทั้งตอนนี้เลือดก็ไหลไม่หยุด ข้าควรไปอยู่เป็นเพื่อนนาง”
กู้ซือส่ายหัว “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เสียนเฟย ท่านอ๋องมีคำสั่ง ท่านเข้าไปไม่ได้”
“เขาไม่เคยพูดอย่างนั้นเสียหน่อย” เสียนเฟยโกรธมาก กระทั่งกู้ซือก็ยังกล้าไม่เชื่อฟังนางแล้ว?
กู้ซือพูดว่า: ” ท่านอ๋องสั่งไว้ พวกเราทุกคนล้วนได้ยินทั้งหมด”
เสียนเฟยโกรธสุดขีด “หลีกไป!”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เสียนเฟย หม่อมฉันได้รับคำสั่งให้คุ้มครองที่นี่ หากไม่มีคำสั่งของท่านอ๋อง ท่านเข้าไปไม่ได้” กู้ซือพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เสียนเฟยแค่นเสียงเย็นชา “กู้ซือ เจ้าคนต่ำต้อย เช่นนั้นมาดูกันซิว่าเจ้าจะหยุดข้าได้หรือไม่? หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเล็บ โทษตายสถานเดียว”
นางเดินตรงไปข้างหน้า นางเป็นพระสนมของฮ่องเต้ กู้ซือเองก็ไม่กล้าแตะต้องนางจริง ๆ ทำได้เพียงถูกนางบังคับให้ต้องถอยหลังไปทีละก้าว ๆ เสียนเฟยยิ้มหยัน “เจ้าแน่จริงก็ลองมาหยุดดูสิ!”
แม่นมสี่เดินเข้ามาจากด้านนอก แล้วสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้มือเดียวหยุดนางเอาไว้ทันที “เขาไม่กล้าหยุด ข้าหยุดให้เอง”
เสียนเฟยโกรธจัด เงื้อมือขึ้นได้ก็สะบัดตบเข้าใส่ใบหน้าแม่นมสี่อย่างแรง “ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ!”
แม่นมสี่ฝืนกัดฟันกรอด “เสียนเฟยจะฆ่าหม่อมฉันก็ได้ แต่จะให้หม่อมฉันออกไป หม่อมฉันทำไม่ได้เด็ดขาด”
เสียนเฟยแค่นเสียงเย็นชา หันกลับไปตะโกนสั่งว่า “หลี่มู่ พาคนเข้ามา นำตัวทุกคนที่ขัดขวางข้าไม่ให้เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนพระชายาออกไปให้หมด ส่งตัวให้ไทเฮาทรงสำเร็จโทษ”
หลี่มู่พาคนเข้ามา กู้ซือแผดเสียงตะโกนดังลั่นว่า “ใครก็ห้ามขยับทั้งนั้น”
หลี่มู่ตกตะลึง หันไปมองเสียนเฟย
แม่นมสี่ด้านหนึ่งก็รั้งเสียนเฟยไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้สาวใช้ที่มีหมู่เลือดเข้ากันได้กับพระชายาให้รีบเข้าไป
เมื่อครู่เสียนเฟยได้ยินเรื่องการถ่ายเลือด นั่นหมายความว่า คนเหล่านี้จะเข้าไปเพื่อถ่ายเลือดให้หยวนชิงหลิง ตอนที่อ๋องแปดได้รับบาดเจ็บก็เคยทำเช่นนี้ จนสุดท้ายก็สามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้
นางไม่เข้าไป แต่คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปเช่นกัน
เสียนเฟยรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ หลี่มู่ หยุดพวกนางไว้ ไม่รู้ว่าพวกนางเป็นใคร หากเข้าไปแล้วข้าเกรงว่าจะทำร้ายพระชายากับซื่อจื่อ หากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมาล่ะก็ ไทเฮาทรงคาดโทษลงมา หัวของพวกเจ้าไม่ว่าใครก็รักษาไว้ไม่ได้แน่”
หลี่มู่ได้ยินดังนั้น แววตาก็มืดทะมึน รีบนำคนไปขวางไว้ที่หน้าประตูทันที แล้วเผชิญหน้ากับกู้ซือและทังหยาง
“ใต้เท้ากู้ ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านนอก มีไม่น้อยที่รับพระบัญชามาจากพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา เจ้าจงคิดให้รอบคอบ!” หลี่มู่กล่าว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ กู้ซือจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกประตู
“หลี่มู่ เจ้าเสียสติไปแล้วรึ? พระชายากำลังวิกฤติ จำเป็นต้องให้พวกนางเข้าไปเดี๋ยวนี้” แม่นมสี่พูดอย่างโกรธเคือง
เสียนเฟยพูดอย่างเย็นชาว่า “ พวกนางไม่มีความรู้ทางการแพทย์ เข้าไปแล้วจะไปช่วยอะไรได้ ? คงไม่ใช่เพราะแผนการร้ายของพวกเจ้า ที่พยายามจะสังหารพระชายากับซื่อจื่อหรอกนะ? ไม่อย่างนั้นทำไมถึงต้องหยุดข้าไว้ไม่ยอมให้เข้าไป นี่พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นรึ? ”
“เสียนเฟย นี่ท่านมีแผนอะไรในใจกันแน่?” แม่นมสี่ไม่เข้าใจเหลือเกินแล้วจริง ๆ นางโกรธมากจนถึงกับด่าออกมา “ หากท่านเพียงต้องการให้ซื่อจื่อเกิดออกมาอย่างปลอดภัย ตอนนี้ซื่อจื่อก็เกิดออกมากันหมดแล้ว พวกนางแค่จะเข้าไปช่วยพระชายา ทำไมท่านต้องมาขวางด้วย?”
“เจ้าไม่ต้องมาพูดจาไร้สาระ เจ้าบอกว่าช่วยพระชายา ก็คือช่วยพระชายาแล้วอย่างนั้นรึ ? จวนแห่งนี้มีคนนอกตั้งมากมายเท่าไหร่ ไม่ว่าใครข้าก็ไม่เชื่อทั้งนั้น ก่อนที่เจ้าห้าจะกลับมา ใครก็ห้ามเข้าไปทั้งนั้น ข้าจะเป็นคนคุ้มครองความปลอดภัยรอบด้านของพระชายาแทนเจ้าห้าเอง” เสียนเฟยพูดอย่างเย็นชา
“นี่ท่านไม่ได้กำลังคุ้มครองพระชายา ท่านกำลังทำร้ายพระชายาต่างหาก!” แม่นมสี่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว
นางหันกลับไปมองทังหยาง ทังหยางเองก็ร้อนใจแทบตายแล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีรับมือแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะมีไหวพริบ แต่เขาก็ไม่อาจต่อกรกับการบังคับข่มขู่ของเสียนเฟยได้ ณ.ช่วงเวลาที่วิกฤติเป็นตายเท่ากันเช่นนี้ ผู้มีอำนาจกว่าย่อมเป็นผู้ควบคุมเหนือทุกสิ่ง
ข้างในนั้น พลันได้ยินเสียงตะโกนของอาซี่ดังแว่วมา “แม่นม คนล่ะ? เราต้องการเลือด!”
ทังหยางกับกู้ซือร้อนใจจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ทั้งสองคนหันมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วแลกเปลี่ยนสายตาอันมีนัยยะไปให้อีกฝ่าย